ในโลกแห่ง "ประชาธิปไตย"
ผมว่าน่าจะมีแต่นักการเมืองไทยนี่แหละครับ
ที่ "สะเออะ" อยากเข้ามาเป็นตัวแทนของประชาชน แต่กลับ "กลัวการลงเลือกตั้ง"
ทั้งๆที่การเลือกตั้ง
มันคือกระบวนการทางประชาธิปไตย
ที่อารยะประเทศเขานำมาใช้ เพื่อเฟ้นหาคนที่ประชาชนไว้วางใจให้มาทำงานแทนพวกเขา
หากระบอบประชาธิปไตยมันไม่ดี
หากการเลือกตั้งมันไม่ใช่วิธีที่เหมาะสมแล้วละก็
นานาอารยะประเทศเขาคงไม่ปฏิเสธการคบหากับรัฐบาลเผด็จการ
เหมือนเมื่อครั้งที่ไทยเราเคยโดนหลัง 19 กย.49 หรอกครับ
อย่างน้อย ณ ขณะนี้ระบอบประชาธิปไตย
มันก็น่าจะเป็นระบอบที่คนทั่วโลกส่วนใหญ่ให้การยอมรับมากที่สุด
จนกว่าที่จะมีใครซักคนคิดค้นระบอบอื่นๆ (ที่ต้องพิสูจน์ได้ว่าดีกว่า) มาทดแทน
"ประชาธิปไตย" มันก็คืออำนาจอธิปไตย
ที่ "ประชา" ทุกคนของประเทศเป็นเจ้าของร่วมกัน
เพราะไม่ว่าคุณจะจบด็อกเตอร์อย่างนายเจิมศักดิ์
หรือคุณจะร่ำเรียนมาน้อยนิดแบบคนอย่าง "ปู่เย็น"
หรือคุณจะรวยล้นฟ้ามหาเศรษฐีอย่าง "เสี่ยธนินทร์"
หรือคุณจะหาเช้ากินค่ำ อดมื้อกินมื้อ แบบมอเตอร์ไซด์วินหน้าปากซอย
ทุกคนล้วนแล้วแต่มี 1 สิทธิ์ 1 เสียง เท่าเทียมกัน
แล้วทำไมต้อง "กลัว" การแก้รัฐธรรมนูญ
ในมาตราที่เขาอยากจะยกเลิก "ระบบสรรหา" หรือ ที่เรียกแบบบ้านๆว่า "ลากตั้ง" ละครับ ???
หากเอาประเด็นเรื่อง "แก้รัฐธรรมนูญ"
นักการเมืองไทยมันแก้กันมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว
(ยังไม่นับการ "ฉีก" รัฐธรรมนูญที่ทำกันมาจนนับครั้งไม่ถ้วนอีกต่างหาก)
เอาที่จำกันได้ไม่ลืมเลย
ก็ครั้งที่พรรคแมงสาปเป็นรัฐบาลที่ไปตั้งกันในค่ายทหารนั่นแหละ
พรรคแมงสาปแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้ตัวเองได้เปรียบพรรคแม้ว ก่อนการเลือกตั้งปี 54 นิดเดียวเอง
คราวนั้นแมงสาปแก้รัฐธรรมนูญท่ามกลาง "ความแค้น" ของพรรคร่วม
ด้วยการเพิ่มจำนวนปาร์ตี้ลิสท์จาก 80 คน เป็น 125 คนแบบ "หน้าตาเฉย"
แก้เพราะหวังว่าจะเพิ่มจำนวนปาร์ตี้ลิสท์ของแมงสาปให้มีน้ำมีนวลสูสีกับพรรคแม้ว
ยังครับ......ยังไม่หนำใจ
แมงสาปยังแก้รัฐธรรมนูญลดจำนวน สส.เขต
จากเดิมที่เคยมีอยู่ 400 คน แก้ใหม่ให้เหลือแค่ 375 คน
การแก้แบบนี้ "ภาษามวย" ไม่ว่าที่ราชดำเนิน หรือ ลุมพินี เขาเรียกกันว่า "ได้ใหญ่"
เพราะทำให้โควต้า สส.อีสาน และ สส.เหนือซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของพรรคแม้วหายไปเลย 16 คน
แต่ สส.ใต้ของแมงสาปลดลงไป จิ๊บ จิ๊บ แค่ 4 คนเท่านั้น
"ได้ใหญ่" มั๊ยละครับ.....ที่แมงสาปแก้รัฐธรรมนูญคราวนั้น ????????!!!!!!!!!!!
พอมาคราวนี้เขาจะแก้รัฐธรรมนูญ
เพื่อไม่ให้มีการ "ลากตั้ง" สว.ให้ "อายหมา"
(อ้างอิงจากนายเจิมศักดิ์ ที่เปรียบเทียบการเลือกตั้ง กับ การประกวดหมา)
บรรดา สว.ลากตั้งทั้งหลาย
กลับดาหน้ากันออกมาคัดค้านแบบไม่อาย
โดยที่ไม่ "สำเหนียก" กันเลยว่าประชาชนเขาไม่ได้เลือกพวกตนเข้ามา
หากแต่มาได้เพราะพวกองค์กรอิสระเขา "ใช้สิทธิ์แทนคนกว่า 60 ล้านคน" แต่งตั้งเข้ามา
พอทำท่าจะสูญเสียอำนาจ
ก็แสดงธาตุแท้ออกมาเลยว่า "ไม่ชอบการเลือกตั้ง" แต่ "ชอบการแต่งตั้ง"
ใช่เลยครับ
"สว.ลากตั้ง" นี่แหละตัวดีเลย
รธน.ปี 50 มอบการแต่งตั้งองค์กรอิสระต่างๆ
ให้อยู่ในกำมือร่วมกันของ ปธ.องค์กรอิสระ, วุฒิสภา และ ตุลาการ
เขาคง "กลัว" ว่าหากให้ประชาชนตาสีตาสาเลือกเอง เดี๋ยวจะได้คนไม่ดี (มั้ง) ครับ
เมืองไทยเรามี 76 จังหวัด
แต่เรามีวุฒิสมาชิกทั้งหมด 150 คน
รธน.ปี 50 เค้าก็เมตตาชาวบ้านให้มีการเลือกตั้งได้จังหวัดละ 1 คน รวมเป็น 76 คน
ส่วนที่เหลืออีก 74 คนนั้น
ชาวบ้านไม่ต้องเลือกให้เปลืองรอยหยักในสมองหรอกครับ
เพราะ รธน.ปี 50 เขียนมาว่าให้ใช้วิธี "ลากตั้ง" เข้ามาอีก 74 คน
นั่นเท่ากับว่า
ชาวบ้าน 60 กว่าล้่านออกเสียง "เลือกตั้ง" ได้ 76 คน
ส่วนที่เหลืออีก 74 คนนั้น ก็มีพวกที่อยู่บนหอคอยงาช้าง "ลากตั้ง" มาให้เรียบร้อย
คนที่อยู่บนหอคอยงาช้างมี 7 คนครับ
7 คนนี้แหละที่มาใช้สิทธิ์ "คิดแทนคน 60 กว่าล้านคน" ในการเลือกวุฒิสมาชิกอีก 74 คน
ทั้งประธาน คตง.
ทั้งประธาน กกต.
ทั้งประธาน ปปช.
ทั้งตัวแทนศาลปกครอง
ทั้งประธานศาลรัฐธรรมนูญ
ทั้งประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน
ทั้งตัวแทนผู้พิพากษาศาลฏีกา
ทั้ง 7 คนนี้แหละครับ
ที่ทำให้เรามีวุฒิสมาชิกครบ 150 คน ที่มาจากการเลือกตั้ง 76 คน และ ลากตั้ง 74 คน
พอเรามีวุฒิสมาชิกครบ 150 คนแล้ว
เวลาที่จะเลือกคนมาทำหน้าที่ในองค์กรอิสระ
วุฒิสมาชิกทั้งลากตั้ง และเลืิอกตั้ง + ปธ.องค์กรอิสระ + ตุลาการ
ก็จะช่วยกันเลือกคนดี, คนที่พวกเขาเห็นสมควร, พรรคพวกเพื่อนฝูงเขา
เพื่อให้มาทำหน้าที่รับใช้พวกเขา......ขอโทษครับ....พิมพ์ผิด......เพื่อให้มารับใช้ประชาชนต่างหาก
นี่ยังดีนะครับ
ที่พวก ปปช.นั้นคนที่แต่งตั้งเข้ามาคือ คมช.
ที่ได้ลงนามแต่งตั้งหลังจากการยึดอำนาจ 19 กย.49
ไม่อย่างงั้นอาจต้องเดือดร้อน วุฒิสมาชิก
ทั้งลากตั้ง และเลืิอกตั้ง + ปธ.องค์กรอิสระ + ตุลาการ
ที่ต้องมาทำคิดแทนคนไทยกว่า 60 ล้านในการเลือกคนมาทำหน้าที่ ปปช.อีก
นี่ยังไม่นับ "ความไม่สง่างาม" ของพวกองค์กรอิสระ เช่น กกต. และ ปปช.
ที่ได้รับการ "แต่งตั้ง" มาจากคณะรัฐประหารหลัง 19 กย.ด้วยอีกต่างหากนะครับ
เพราะหลังการยึดอำนาจครั้งนั้น
คมช.ได้ออกประกาศแก้กฏหมายประกอบรัฐธรรมนูญในเรื่องของ ปปช. และ กกต.
ซึ่ง ปปช. และ กกต. ที่ได้รับการแต่งตั้งมาจากพวกที่ยึดอำนาจนัั้น
ตามกฏหมายที่ตราไว้ จะต้องได้รับการโปรดเกล้าฯ จากพระเจ้าอยู่หัวก่อนเริ่มทำงาน
และจะเริ่มนับการทำงาน + การจ่ายค่าตอบแทนจากวันที่มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งเป็นต้นไป
ซึ่ง ปปช. และ กกต. ที่เผด็จการ "แต่งตั้ง" มานั้น
มีบางคนที่ปฏิบัติหน้าที่โดยที่ไม่มีการโปรดเกล้าฯลงมาครับ
แต่กลับเสนอหน้ามาชี้ถูก ชี้ผิด จับทุจริต คนอื่นเขาในขณะที่ตัวเองไม่ได้มีความสง่างามเลย
ตัวเองยังมีสถานะ "เถื่อน"
ยังไม่ทำอะไรให้ถูกต้องเลย
แต่กลับอาศัยความเป็นองค์กรอิสระมาชี้นิ้วสั่งคนอื่น และ ชี้ผิด ชี้ถูกอีกต่างหาก
และที่ "ฮา" ยิ่งกว่า "เท่ง เถิดเทิง" เลยก็คือ
พอเวลาผ่านไป มี กกต. และ ปปช.บางคนพ้นจากตำแหน่ง
ก็มีการสรรหาคนเข้ามาใหม่เพื่อทดแทนตำแหน่งที่มันหายไป
คราวนี้ปรากฏว่า กกต. และ ปปช.ที่สรรหาใหม่เพื่อมาทดแทนคนเก่า
ล้วนแล้วแต่ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่กันทุกคน
"ฮา" มั๊ยละครับ
แล้วเวลาประชุม เวลาทำงาน
ปปช. และ กกต. ทั้งหลายจะมองหน้ากันยังไง
เพราะบางคนไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่บางคนได้รับการโปรดเกล้าฯ
องค์กรที่ "ลากตั้ง"
และ (บางคน) ก็ไม่ได้มีความสง่างามเลย
จะมาทำหน้าที่ปกป้องป้องการทุจริต และ จัดการเลือกตั้ง ให้ดีได้อย่างไร
ในเมื่อตัวเองยังไม่ทำตามกฏ ตามระเบียบเลย
รัฐธรรมนูญที่เน้นการ "ลากตั้ง"
รัฐธรรมนูญที่รวมศูนย์อำนาจที่คนกลุ่มหนึ่ง
รัฐธรรมนูญที่มีคน 7 คนมา "คิดแทน" คนกว่า 60 ล้านในการเลือกองค์กรอิสระแบบนี้
ผมว่าเป็นอีกปัญหาหนึ่งของความขัดแย้งครับ
นึกถึงคำพูดของลุงหมัก
ที่พูดไว้ว่า "ความกลัวทำให้เสื่อม"
ใช่ครับ.......มัน "เสื่อม" จริงๆซะด้วย
อยากเล่นการเมือง
อยากเป็นตัวแทนของประชาชน
อยากไปนั่ง "ชูคอ" ในสภาล่าง , สภาสูง และ องค์กรอิสระ
แต่กลับกลัวการ "เลือกตั้ง"
และนิยมชมชอบการ "แต่งตั้ง"
ทั้งๆที่การเลือกตั้งคือกระบวนการหนึ่งของประชาธิปไตย
"เสื่อม" จริงๆ..........
++++++++++ ก ลั ว.......ก ลั้ ว........ก ลั ว ++++++++++
ผมว่าน่าจะมีแต่นักการเมืองไทยนี่แหละครับ
ที่ "สะเออะ" อยากเข้ามาเป็นตัวแทนของประชาชน แต่กลับ "กลัวการลงเลือกตั้ง"
ทั้งๆที่การเลือกตั้ง
มันคือกระบวนการทางประชาธิปไตย
ที่อารยะประเทศเขานำมาใช้ เพื่อเฟ้นหาคนที่ประชาชนไว้วางใจให้มาทำงานแทนพวกเขา
หากระบอบประชาธิปไตยมันไม่ดี
หากการเลือกตั้งมันไม่ใช่วิธีที่เหมาะสมแล้วละก็
นานาอารยะประเทศเขาคงไม่ปฏิเสธการคบหากับรัฐบาลเผด็จการ
เหมือนเมื่อครั้งที่ไทยเราเคยโดนหลัง 19 กย.49 หรอกครับ
อย่างน้อย ณ ขณะนี้ระบอบประชาธิปไตย
มันก็น่าจะเป็นระบอบที่คนทั่วโลกส่วนใหญ่ให้การยอมรับมากที่สุด
จนกว่าที่จะมีใครซักคนคิดค้นระบอบอื่นๆ (ที่ต้องพิสูจน์ได้ว่าดีกว่า) มาทดแทน
"ประชาธิปไตย" มันก็คืออำนาจอธิปไตย
ที่ "ประชา" ทุกคนของประเทศเป็นเจ้าของร่วมกัน
เพราะไม่ว่าคุณจะจบด็อกเตอร์อย่างนายเจิมศักดิ์
หรือคุณจะร่ำเรียนมาน้อยนิดแบบคนอย่าง "ปู่เย็น"
หรือคุณจะรวยล้นฟ้ามหาเศรษฐีอย่าง "เสี่ยธนินทร์"
หรือคุณจะหาเช้ากินค่ำ อดมื้อกินมื้อ แบบมอเตอร์ไซด์วินหน้าปากซอย
ทุกคนล้วนแล้วแต่มี 1 สิทธิ์ 1 เสียง เท่าเทียมกัน
แล้วทำไมต้อง "กลัว" การแก้รัฐธรรมนูญ
ในมาตราที่เขาอยากจะยกเลิก "ระบบสรรหา" หรือ ที่เรียกแบบบ้านๆว่า "ลากตั้ง" ละครับ ???
หากเอาประเด็นเรื่อง "แก้รัฐธรรมนูญ"
นักการเมืองไทยมันแก้กันมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว
(ยังไม่นับการ "ฉีก" รัฐธรรมนูญที่ทำกันมาจนนับครั้งไม่ถ้วนอีกต่างหาก)
เอาที่จำกันได้ไม่ลืมเลย
ก็ครั้งที่พรรคแมงสาปเป็นรัฐบาลที่ไปตั้งกันในค่ายทหารนั่นแหละ
พรรคแมงสาปแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้ตัวเองได้เปรียบพรรคแม้ว ก่อนการเลือกตั้งปี 54 นิดเดียวเอง
คราวนั้นแมงสาปแก้รัฐธรรมนูญท่ามกลาง "ความแค้น" ของพรรคร่วม
ด้วยการเพิ่มจำนวนปาร์ตี้ลิสท์จาก 80 คน เป็น 125 คนแบบ "หน้าตาเฉย"
แก้เพราะหวังว่าจะเพิ่มจำนวนปาร์ตี้ลิสท์ของแมงสาปให้มีน้ำมีนวลสูสีกับพรรคแม้ว
ยังครับ......ยังไม่หนำใจ
แมงสาปยังแก้รัฐธรรมนูญลดจำนวน สส.เขต
จากเดิมที่เคยมีอยู่ 400 คน แก้ใหม่ให้เหลือแค่ 375 คน
การแก้แบบนี้ "ภาษามวย" ไม่ว่าที่ราชดำเนิน หรือ ลุมพินี เขาเรียกกันว่า "ได้ใหญ่"
เพราะทำให้โควต้า สส.อีสาน และ สส.เหนือซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของพรรคแม้วหายไปเลย 16 คน
แต่ สส.ใต้ของแมงสาปลดลงไป จิ๊บ จิ๊บ แค่ 4 คนเท่านั้น
"ได้ใหญ่" มั๊ยละครับ.....ที่แมงสาปแก้รัฐธรรมนูญคราวนั้น ????????!!!!!!!!!!!
พอมาคราวนี้เขาจะแก้รัฐธรรมนูญ
เพื่อไม่ให้มีการ "ลากตั้ง" สว.ให้ "อายหมา"
(อ้างอิงจากนายเจิมศักดิ์ ที่เปรียบเทียบการเลือกตั้ง กับ การประกวดหมา)
บรรดา สว.ลากตั้งทั้งหลาย
กลับดาหน้ากันออกมาคัดค้านแบบไม่อาย
โดยที่ไม่ "สำเหนียก" กันเลยว่าประชาชนเขาไม่ได้เลือกพวกตนเข้ามา
หากแต่มาได้เพราะพวกองค์กรอิสระเขา "ใช้สิทธิ์แทนคนกว่า 60 ล้านคน" แต่งตั้งเข้ามา
พอทำท่าจะสูญเสียอำนาจ
ก็แสดงธาตุแท้ออกมาเลยว่า "ไม่ชอบการเลือกตั้ง" แต่ "ชอบการแต่งตั้ง"
ใช่เลยครับ
"สว.ลากตั้ง" นี่แหละตัวดีเลย
รธน.ปี 50 มอบการแต่งตั้งองค์กรอิสระต่างๆ
ให้อยู่ในกำมือร่วมกันของ ปธ.องค์กรอิสระ, วุฒิสภา และ ตุลาการ
เขาคง "กลัว" ว่าหากให้ประชาชนตาสีตาสาเลือกเอง เดี๋ยวจะได้คนไม่ดี (มั้ง) ครับ
เมืองไทยเรามี 76 จังหวัด
แต่เรามีวุฒิสมาชิกทั้งหมด 150 คน
รธน.ปี 50 เค้าก็เมตตาชาวบ้านให้มีการเลือกตั้งได้จังหวัดละ 1 คน รวมเป็น 76 คน
ส่วนที่เหลืออีก 74 คนนั้น
ชาวบ้านไม่ต้องเลือกให้เปลืองรอยหยักในสมองหรอกครับ
เพราะ รธน.ปี 50 เขียนมาว่าให้ใช้วิธี "ลากตั้ง" เข้ามาอีก 74 คน
นั่นเท่ากับว่า
ชาวบ้าน 60 กว่าล้่านออกเสียง "เลือกตั้ง" ได้ 76 คน
ส่วนที่เหลืออีก 74 คนนั้น ก็มีพวกที่อยู่บนหอคอยงาช้าง "ลากตั้ง" มาให้เรียบร้อย
คนที่อยู่บนหอคอยงาช้างมี 7 คนครับ
7 คนนี้แหละที่มาใช้สิทธิ์ "คิดแทนคน 60 กว่าล้านคน" ในการเลือกวุฒิสมาชิกอีก 74 คน
ทั้งประธาน คตง.
ทั้งประธาน กกต.
ทั้งประธาน ปปช.
ทั้งตัวแทนศาลปกครอง
ทั้งประธานศาลรัฐธรรมนูญ
ทั้งประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน
ทั้งตัวแทนผู้พิพากษาศาลฏีกา
ทั้ง 7 คนนี้แหละครับ
ที่ทำให้เรามีวุฒิสมาชิกครบ 150 คน ที่มาจากการเลือกตั้ง 76 คน และ ลากตั้ง 74 คน
พอเรามีวุฒิสมาชิกครบ 150 คนแล้ว
เวลาที่จะเลือกคนมาทำหน้าที่ในองค์กรอิสระ
วุฒิสมาชิกทั้งลากตั้ง และเลืิอกตั้ง + ปธ.องค์กรอิสระ + ตุลาการ
ก็จะช่วยกันเลือกคนดี, คนที่พวกเขาเห็นสมควร, พรรคพวกเพื่อนฝูงเขา
เพื่อให้มาทำหน้าที่รับใช้พวกเขา......ขอโทษครับ....พิมพ์ผิด......เพื่อให้มารับใช้ประชาชนต่างหาก
นี่ยังดีนะครับ
ที่พวก ปปช.นั้นคนที่แต่งตั้งเข้ามาคือ คมช.
ที่ได้ลงนามแต่งตั้งหลังจากการยึดอำนาจ 19 กย.49
ไม่อย่างงั้นอาจต้องเดือดร้อน วุฒิสมาชิก
ทั้งลากตั้ง และเลืิอกตั้ง + ปธ.องค์กรอิสระ + ตุลาการ
ที่ต้องมาทำคิดแทนคนไทยกว่า 60 ล้านในการเลือกคนมาทำหน้าที่ ปปช.อีก
นี่ยังไม่นับ "ความไม่สง่างาม" ของพวกองค์กรอิสระ เช่น กกต. และ ปปช.
ที่ได้รับการ "แต่งตั้ง" มาจากคณะรัฐประหารหลัง 19 กย.ด้วยอีกต่างหากนะครับ
เพราะหลังการยึดอำนาจครั้งนั้น
คมช.ได้ออกประกาศแก้กฏหมายประกอบรัฐธรรมนูญในเรื่องของ ปปช. และ กกต.
ซึ่ง ปปช. และ กกต. ที่ได้รับการแต่งตั้งมาจากพวกที่ยึดอำนาจนัั้น
ตามกฏหมายที่ตราไว้ จะต้องได้รับการโปรดเกล้าฯ จากพระเจ้าอยู่หัวก่อนเริ่มทำงาน
และจะเริ่มนับการทำงาน + การจ่ายค่าตอบแทนจากวันที่มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งเป็นต้นไป
ซึ่ง ปปช. และ กกต. ที่เผด็จการ "แต่งตั้ง" มานั้น
มีบางคนที่ปฏิบัติหน้าที่โดยที่ไม่มีการโปรดเกล้าฯลงมาครับ
แต่กลับเสนอหน้ามาชี้ถูก ชี้ผิด จับทุจริต คนอื่นเขาในขณะที่ตัวเองไม่ได้มีความสง่างามเลย
ตัวเองยังมีสถานะ "เถื่อน"
ยังไม่ทำอะไรให้ถูกต้องเลย
แต่กลับอาศัยความเป็นองค์กรอิสระมาชี้นิ้วสั่งคนอื่น และ ชี้ผิด ชี้ถูกอีกต่างหาก
และที่ "ฮา" ยิ่งกว่า "เท่ง เถิดเทิง" เลยก็คือ
พอเวลาผ่านไป มี กกต. และ ปปช.บางคนพ้นจากตำแหน่ง
ก็มีการสรรหาคนเข้ามาใหม่เพื่อทดแทนตำแหน่งที่มันหายไป
คราวนี้ปรากฏว่า กกต. และ ปปช.ที่สรรหาใหม่เพื่อมาทดแทนคนเก่า
ล้วนแล้วแต่ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่กันทุกคน
"ฮา" มั๊ยละครับ
แล้วเวลาประชุม เวลาทำงาน
ปปช. และ กกต. ทั้งหลายจะมองหน้ากันยังไง
เพราะบางคนไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่บางคนได้รับการโปรดเกล้าฯ
องค์กรที่ "ลากตั้ง"
และ (บางคน) ก็ไม่ได้มีความสง่างามเลย
จะมาทำหน้าที่ปกป้องป้องการทุจริต และ จัดการเลือกตั้ง ให้ดีได้อย่างไร
ในเมื่อตัวเองยังไม่ทำตามกฏ ตามระเบียบเลย
รัฐธรรมนูญที่เน้นการ "ลากตั้ง"
รัฐธรรมนูญที่รวมศูนย์อำนาจที่คนกลุ่มหนึ่ง
รัฐธรรมนูญที่มีคน 7 คนมา "คิดแทน" คนกว่า 60 ล้านในการเลือกองค์กรอิสระแบบนี้
ผมว่าเป็นอีกปัญหาหนึ่งของความขัดแย้งครับ
นึกถึงคำพูดของลุงหมัก
ที่พูดไว้ว่า "ความกลัวทำให้เสื่อม"
ใช่ครับ.......มัน "เสื่อม" จริงๆซะด้วย
อยากเล่นการเมือง
อยากเป็นตัวแทนของประชาชน
อยากไปนั่ง "ชูคอ" ในสภาล่าง , สภาสูง และ องค์กรอิสระ
แต่กลับกลัวการ "เลือกตั้ง"
และนิยมชมชอบการ "แต่งตั้ง"
ทั้งๆที่การเลือกตั้งคือกระบวนการหนึ่งของประชาธิปไตย
"เสื่อม" จริงๆ..........