วันนี้ ( 30 มี.ค.) ที่โรงแรมเดอะสุโกศล วิทยาลัยนวตกรรมสังคม ม.รังสิต กลุ่มกรีนการเมือง คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย และเครือข่ายองค์กรภาคประชาชน ร่วมจัดอภิปรายวิชาการเรื่อง"ความจริง พ.ร.บ.เงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท ใครได้ใครเสีย" นายไพโรจน์ วงศ์วิภานันท์ อดีตอธิบดีคณะเศรษฐศาสตร์จุฬาฯ กล่าวว่า พ.ร.บ.นี้มีส่วนดีหลายเรื่องส่งสัญญาณว่า รัฐบาลนี้ให้ความสนใจปัญหาขนส่งของเมืองไทย มีการคิดตัวโครงการมุ่งใช้รถถนนไประบบรถไฟชัดเจน รวมที่ต้องทำต่อในกรุงเทพฯ เกือบ 5 แสนล้าน ใช้สร้างระบบรถไฟเร็ว 8 แสนล้าน รวมแล้ว 60 เปอร์เซนต์ของเงินกู้ จริงๆเทียบกับสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ใช้เงิน 4 แสนล้านกับโครงการไทยเข้มแข้ง บอกตามตรงเสียใจที่กลายเป็นเบี้ยหัวแตก เพราะจนขณะนี้ไม่รู้ทำอะไรไปบ้าง แต่พ.ร.บ.นี้มุ่งเรื่องสำคัญคิดแต่จะมีรถไฟหัวกระสุน แต่ต้องคิดเรื่องค่าใช้จ่ายแพงหรือไม่ในการขนส่ง อาจจะสะสมการขาดทุน ขนาดรถไฟหัวกระสุนของญี่ปุ่น เกิดการขาดทุนสะสมภาระหนักแก่รัฐบาลญี่ปุ่นจนต้องยอมขายให้กับเอกชน ต้องมานั่งคิดกันละเอียดว่าจะมีคนใช้พอคุ้มกับงบลงทุนหรือไม่ ในโลกนี้ไม่จำเป็นต้องมีรถไฟความเร็วสูงเช่น สหรัฐอเมริกา ก็ไม่มีต้องดูภูมิศาสตร์ของประเทศเป็นหลัก มันเปลี่ยนประเทศได้จริงหรือไม่
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา กล่าวว่าในข้อกฎหมายแล้วยังดีที่การทำอะไรที่ไม่หวังดีต่อประเทศชาติ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ออกแบบไว้ดีมีกลไกตรวจสอบถ่วงดุลได้ ในขั้นนี้รัฐธรรมนูญบอกว่าต้องไปรับฟังความเห็นประชาชนในการทำโครงกาสาธารณะ แต่รัฐบาลนี้ไม่เคยทำ ช่วงท้าย สรุปสั้นๆในพ.ร.บ.บอกว่าต้องกู้ ซึ่งการยับยั้งต้องดูว่ากฎหมายเวลาร่างนำเสนอ พ.ร.บ.มีความไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ซึ่งพ.ร.บ.นี้ไม่มีความเร่งด่วนใดๆ ทั้งสิ้น หรือหลี่กเลี่ยงไม่ได้ รวมทั้งเรื่องแนวนโยบายเรื่องการมีส่วนร่วมของประชาชน และส่งเสริมให้ประชาชนตรวจสอบได้ด้วย จะเห็นร่าง พ.ร.บ.นี้ไม่มีเลย จริงๆควรอยู่ในชั้นการมาสอบถามว่าเห็นด้วยหรือไม่ และนำไปวิเคราะห์โครงการอย่างละเอียดก่อน
ด้านนายสังสิต พิริยะรังสรรค์ คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต กล่าวว่า ที่ผ่านมานโยบายประชานิยมรัฐบาลนี้ใช้เงิน 3 ล้านล้านบาท หากกู้อีกโอกาสกลายเป็น 10 ล้านล้านบาทไม่เกิน 5 ปี ทั้งจากโครงการรถคันแรก รับจำนำข้าว รถไฟความเร็วสูง ทำให้คนไทยมีความสามารถมีคุณภาพขึ้นหรือไม่ หากประเทศไทยมีคนไม่มีคุณภาพ อนาคตประเทศจะเป็นอย่างไร รัฐบาลมองไม่เห็นความสำคัญของคน คนไทยกลายเป็นคนโลภ ชื่นชมเงินทองมากว่าการเป็นคนดีสุจริต การสร้างคนให้มีคุณภาพใช้เวลาไม่ต่ำว่า 20-30 ปี เราควรสร้างทางใดทางหนึ่ง เช่นเชื่อมจีน และมาเลเซีย ก่อนหากทำพร้อมๆกันเจ่งแน่ หากทำไปถึงหัวหิน โคราช ลดต้นทุนการขนส่งไปแค่ 1 เปอร์เซนต์ไม่ส่งผลต่อการเพิ่มผลผลิตมวลรวมของประเทศ
http://www.dailynews.co.th/politics/194128
มุมมองของนักเศรษฐศาสตร์ที่ไม่เหลือง/ไม่แดง..ต่อ "พ.ร.บ.กู้ 2 ล้านล้านบาท"
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา กล่าวว่าในข้อกฎหมายแล้วยังดีที่การทำอะไรที่ไม่หวังดีต่อประเทศชาติ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ออกแบบไว้ดีมีกลไกตรวจสอบถ่วงดุลได้ ในขั้นนี้รัฐธรรมนูญบอกว่าต้องไปรับฟังความเห็นประชาชนในการทำโครงกาสาธารณะ แต่รัฐบาลนี้ไม่เคยทำ ช่วงท้าย สรุปสั้นๆในพ.ร.บ.บอกว่าต้องกู้ ซึ่งการยับยั้งต้องดูว่ากฎหมายเวลาร่างนำเสนอ พ.ร.บ.มีความไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ซึ่งพ.ร.บ.นี้ไม่มีความเร่งด่วนใดๆ ทั้งสิ้น หรือหลี่กเลี่ยงไม่ได้ รวมทั้งเรื่องแนวนโยบายเรื่องการมีส่วนร่วมของประชาชน และส่งเสริมให้ประชาชนตรวจสอบได้ด้วย จะเห็นร่าง พ.ร.บ.นี้ไม่มีเลย จริงๆควรอยู่ในชั้นการมาสอบถามว่าเห็นด้วยหรือไม่ และนำไปวิเคราะห์โครงการอย่างละเอียดก่อน
ด้านนายสังสิต พิริยะรังสรรค์ คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต กล่าวว่า ที่ผ่านมานโยบายประชานิยมรัฐบาลนี้ใช้เงิน 3 ล้านล้านบาท หากกู้อีกโอกาสกลายเป็น 10 ล้านล้านบาทไม่เกิน 5 ปี ทั้งจากโครงการรถคันแรก รับจำนำข้าว รถไฟความเร็วสูง ทำให้คนไทยมีความสามารถมีคุณภาพขึ้นหรือไม่ หากประเทศไทยมีคนไม่มีคุณภาพ อนาคตประเทศจะเป็นอย่างไร รัฐบาลมองไม่เห็นความสำคัญของคน คนไทยกลายเป็นคนโลภ ชื่นชมเงินทองมากว่าการเป็นคนดีสุจริต การสร้างคนให้มีคุณภาพใช้เวลาไม่ต่ำว่า 20-30 ปี เราควรสร้างทางใดทางหนึ่ง เช่นเชื่อมจีน และมาเลเซีย ก่อนหากทำพร้อมๆกันเจ่งแน่ หากทำไปถึงหัวหิน โคราช ลดต้นทุนการขนส่งไปแค่ 1 เปอร์เซนต์ไม่ส่งผลต่อการเพิ่มผลผลิตมวลรวมของประเทศ
http://www.dailynews.co.th/politics/194128