จากประสบการณ์ของคุณหมอตัวเล็กๆ พบว่าคนไข้ส่วนใหญ่เวลามาพบแพทย์ มักจะไม่ทราบว่ายาที่ตัวเองใช้ เคยใช้ หรือที่สำคัญที่สุด เคยแพ้ นั้นชื่อยาอะไร
บางคนถึงขนาดว่าจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตอนที่แพ้นั้นใช้ยารักษาโรคอะไร (คุณหมอก็จะแอบกุมขมับเล็กน้อยเวลาซักประวัติ...เฮ้อ)
บางคนอาจจะจำเป็นลักษณะเม็ดยา “เม็ดสีขาว รีๆ คะหมอ” หรือเป็นชื่อทางการค้า หรือบอกว่าเป็นยารักษาเบาหวาน รักษาความดันไงคะ
(เฮ้อ....แบบนี้ก็แอบกุมขมับอีกรอบเหมือนกัน)
จะดีที่สุดเลย ถ้าคุณสามารถจดจำชื่อยาได้ .... อาจจะมีคำถามว่า “ทำไมล่ะคะ”
ก่อนอื่นคุณจะต้องทราบก่อนว่ายาที่ขายในท้องตลาดมีเยอะแยะมากมายหลายกลุ่ม ผลิตจากหลายบริษัท
ซึ่งแต่ละบริษัทจะทำลักษณะเม็ดยาและสีที่แตกต่างกันออกไป แม้แต่ยาชื่อเดียวกันของบริษัทเดียวกัน
บางครั้งเมื่อผลิตล็อตใหม่ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงลักษณะเม็ดยาไปอีกได้เหมือนกัน
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่คุณหมอจะสามารถจำลักษณะเม็ดยาของยาแต่ละชนิดได้ การจำลักษณะเม็ดยาจึงไม่ได้ช่วยอะไรคุณหมอมากมายนัก
และที่สำคัญคือ คุณหมอในโรงพยาบาลส่วนใหญ่จะไม่เคยเห็นเม็ดยา เพราะเมื่อสั่งยาลงในใบสั่งยา คุณเภสัชกรจะเป็นผู้จัดยาและจ่ายยาให้กับผู้ป่วย
ดังนั้นคุณหมอแทบจะไม่เคยเห็นตัวยาบางตัวด้วยซ้ำ บางครั้งเมื่อคนไข้เอายาที่ไม่มีชื่อยามาให้ดู
จึงอาจจะต้องเอายาไปปรึกษาที่ห้องยาเพื่อให้คุณเภสัชกรช่วยค้นข้อมูลว่ายาที่คนไข้ได้รับตัวนี้ชื่ออะไร
ซึ่งคุณเภสัชกรเองก็อาจจะต้องไปค้นในฐานข้อมูลซึ่งต้องใช้เวลามากพอสมควร เนื่องจากอย่างที่บอก ยาแต่ละตัวแต่ละบริษัทลักษณะเม็ดยาแตกต่างกัน
ยารักษาโรคเดียวกัน ยังมีกลุ่มยาย่อยลงไปอีก เช่น ยาเบาหวาน ยาฆ่าเชื้อ หรือยาลดความดัน ยังแบ่งชนิดเป็นกลุ่มย่อยได้อีกหลายกลุ่ม
แต่ละกลุ่มยังมีกลุ่มยาย่อยๆ ลงไปอีกหลายชนิด ซึ่งแต่ละตัวจะมีคุณสมบัติต่างกัน ซึ่งใช้กับคนไข้แตกต่างกัน
การทราบชื่อยาจึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับคุณหมอ โดยเฉพาะยาตัวที่แพ้
(ซึ่งสำคัญมากนะคะ ขอร้องคนไข้ที่น่ารัก ถ้าจำไม่ได้จริงๆ ก็กรุณาจดไว้ในโทรศัพท์มือถือหรือที่ไหนก็ได้ที่คุณจะสามารถแสดงให้คุณหมอดูได้ตลอดเวลา)
คุณหมอจะได้ไม่จ่ายยาตัวที่แพ้หรือยาในกลุ่มเดียวกันนั้นให้คุณอีก สำคัญมากจริงๆ
***ทีนี้รู้ความสำคัญแล้ว ก็มาดูว่าจะจำตัวไหน บนฉลากมีชื่อยาตั้งหลายชื่อ โดยทั่วไปยา
แต่ละตัวจะมี ชื่อสามัญ (Generic name) และชื่อการค้า (Trade name) ซึ่งชื่อการค้าจะแตกต่างกันขึ้นกับแต่ละบริษัท
ชื่อการค้ามักจะเป็นตัวใหญ่อยู่บนฉลากยาและมีตัว R ใหญ่ที่มีวงกลมล้อมรอบเล็กๆ อยู่ด้านหลัง
ส่วนชื่อสามัญของยามักจะอยู่บรรทัดล่างตัวเล็กๆ หรืออยู่ในวงเล็บหลังชื่อการค้านะคะ***
ดังนั้นคุณควรจะจำชื่อสามัญของยา เช่น ยา Paracetamol จะมีชื่อการค้าเยอะมาก เช่น Tylenol, Paracap, Genapap, Panadol และอีกเยอะแยะมากมาย
(เคยซักประวัติคนไข้คนหนึ่งบอกว่า มีไข้กินยา Tylenol คุณหมอก็เลยถามว่า “กิน Paracetamol แล้วไข้ลงมั๊ยคะ”
คนไข้รีบแย้งเสียงดังว่า “ผมกิน Tylenon นะหมอไม่ใช่ Paracetamol” .... แป่ว !!! คุณหมอไปต่อไม่ถูกเลย 555)
หรือยา Clotrimazole ที่ใช้รักษาเชื้อรา ก็จะมีชื่อการค้า เช่น Lotrimin, Mycelex เป็นต้น
การจำชื่อยา นอกจากจะทำให้คุณหมอดูแลคุณง่ายขึ้นแล้ว ยังมีประโยชน์อย่างมากกับคุณด้วย คุณจะได้ได้รับยาที่ถูกต้อง
หลีกเลี่ยงการได้ยาซ้ำ, ยาที่ไม่ได้ผล หรือที่สำคัญที่สุด ไม่ต้องเสี่ยงกับการได้ยาที่แพ้ด้วยนะคะ
แนะนำ website ที่มีประโยชน์ในการหาข้อมูลเกี่ยวกับยานะคะ คือ Wikipedia และ UpToDate ซึ่งคุณหมอเองก็ใช้บ่อยๆ คะ
หมอเมษ์ -
https://www.facebook.com/pages/ใกล้มิตรชิดหมอ/138161163029343?ref=tn_tnmn
Credit picture: recyclemorewisconsin.org
ชื่อยานั้นสำคัญไฉน
บางคนถึงขนาดว่าจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตอนที่แพ้นั้นใช้ยารักษาโรคอะไร (คุณหมอก็จะแอบกุมขมับเล็กน้อยเวลาซักประวัติ...เฮ้อ)
บางคนอาจจะจำเป็นลักษณะเม็ดยา “เม็ดสีขาว รีๆ คะหมอ” หรือเป็นชื่อทางการค้า หรือบอกว่าเป็นยารักษาเบาหวาน รักษาความดันไงคะ
(เฮ้อ....แบบนี้ก็แอบกุมขมับอีกรอบเหมือนกัน)
จะดีที่สุดเลย ถ้าคุณสามารถจดจำชื่อยาได้ .... อาจจะมีคำถามว่า “ทำไมล่ะคะ”
ก่อนอื่นคุณจะต้องทราบก่อนว่ายาที่ขายในท้องตลาดมีเยอะแยะมากมายหลายกลุ่ม ผลิตจากหลายบริษัท
ซึ่งแต่ละบริษัทจะทำลักษณะเม็ดยาและสีที่แตกต่างกันออกไป แม้แต่ยาชื่อเดียวกันของบริษัทเดียวกัน
บางครั้งเมื่อผลิตล็อตใหม่ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงลักษณะเม็ดยาไปอีกได้เหมือนกัน
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่คุณหมอจะสามารถจำลักษณะเม็ดยาของยาแต่ละชนิดได้ การจำลักษณะเม็ดยาจึงไม่ได้ช่วยอะไรคุณหมอมากมายนัก
และที่สำคัญคือ คุณหมอในโรงพยาบาลส่วนใหญ่จะไม่เคยเห็นเม็ดยา เพราะเมื่อสั่งยาลงในใบสั่งยา คุณเภสัชกรจะเป็นผู้จัดยาและจ่ายยาให้กับผู้ป่วย
ดังนั้นคุณหมอแทบจะไม่เคยเห็นตัวยาบางตัวด้วยซ้ำ บางครั้งเมื่อคนไข้เอายาที่ไม่มีชื่อยามาให้ดู
จึงอาจจะต้องเอายาไปปรึกษาที่ห้องยาเพื่อให้คุณเภสัชกรช่วยค้นข้อมูลว่ายาที่คนไข้ได้รับตัวนี้ชื่ออะไร
ซึ่งคุณเภสัชกรเองก็อาจจะต้องไปค้นในฐานข้อมูลซึ่งต้องใช้เวลามากพอสมควร เนื่องจากอย่างที่บอก ยาแต่ละตัวแต่ละบริษัทลักษณะเม็ดยาแตกต่างกัน
ยารักษาโรคเดียวกัน ยังมีกลุ่มยาย่อยลงไปอีก เช่น ยาเบาหวาน ยาฆ่าเชื้อ หรือยาลดความดัน ยังแบ่งชนิดเป็นกลุ่มย่อยได้อีกหลายกลุ่ม
แต่ละกลุ่มยังมีกลุ่มยาย่อยๆ ลงไปอีกหลายชนิด ซึ่งแต่ละตัวจะมีคุณสมบัติต่างกัน ซึ่งใช้กับคนไข้แตกต่างกัน
การทราบชื่อยาจึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับคุณหมอ โดยเฉพาะยาตัวที่แพ้
(ซึ่งสำคัญมากนะคะ ขอร้องคนไข้ที่น่ารัก ถ้าจำไม่ได้จริงๆ ก็กรุณาจดไว้ในโทรศัพท์มือถือหรือที่ไหนก็ได้ที่คุณจะสามารถแสดงให้คุณหมอดูได้ตลอดเวลา)
คุณหมอจะได้ไม่จ่ายยาตัวที่แพ้หรือยาในกลุ่มเดียวกันนั้นให้คุณอีก สำคัญมากจริงๆ
***ทีนี้รู้ความสำคัญแล้ว ก็มาดูว่าจะจำตัวไหน บนฉลากมีชื่อยาตั้งหลายชื่อ โดยทั่วไปยา
แต่ละตัวจะมี ชื่อสามัญ (Generic name) และชื่อการค้า (Trade name) ซึ่งชื่อการค้าจะแตกต่างกันขึ้นกับแต่ละบริษัท
ชื่อการค้ามักจะเป็นตัวใหญ่อยู่บนฉลากยาและมีตัว R ใหญ่ที่มีวงกลมล้อมรอบเล็กๆ อยู่ด้านหลัง
ส่วนชื่อสามัญของยามักจะอยู่บรรทัดล่างตัวเล็กๆ หรืออยู่ในวงเล็บหลังชื่อการค้านะคะ***
ดังนั้นคุณควรจะจำชื่อสามัญของยา เช่น ยา Paracetamol จะมีชื่อการค้าเยอะมาก เช่น Tylenol, Paracap, Genapap, Panadol และอีกเยอะแยะมากมาย
(เคยซักประวัติคนไข้คนหนึ่งบอกว่า มีไข้กินยา Tylenol คุณหมอก็เลยถามว่า “กิน Paracetamol แล้วไข้ลงมั๊ยคะ”
คนไข้รีบแย้งเสียงดังว่า “ผมกิน Tylenon นะหมอไม่ใช่ Paracetamol” .... แป่ว !!! คุณหมอไปต่อไม่ถูกเลย 555)
หรือยา Clotrimazole ที่ใช้รักษาเชื้อรา ก็จะมีชื่อการค้า เช่น Lotrimin, Mycelex เป็นต้น
การจำชื่อยา นอกจากจะทำให้คุณหมอดูแลคุณง่ายขึ้นแล้ว ยังมีประโยชน์อย่างมากกับคุณด้วย คุณจะได้ได้รับยาที่ถูกต้อง
หลีกเลี่ยงการได้ยาซ้ำ, ยาที่ไม่ได้ผล หรือที่สำคัญที่สุด ไม่ต้องเสี่ยงกับการได้ยาที่แพ้ด้วยนะคะ
แนะนำ website ที่มีประโยชน์ในการหาข้อมูลเกี่ยวกับยานะคะ คือ Wikipedia และ UpToDate ซึ่งคุณหมอเองก็ใช้บ่อยๆ คะ
หมอเมษ์ - https://www.facebook.com/pages/ใกล้มิตรชิดหมอ/138161163029343?ref=tn_tnmn
Credit picture: recyclemorewisconsin.org