จะดูใคร จะประเมินใคร ดูได้จากความคิด แล้วจะรู้ว่าขนาดไหน
ต่อให้เรียนจบ ด็อกเตอร์ เมืองนอกเมืองนา หากความคิดไม่พัฒนา
ค่าก็จะเสมอคนจบ ป.4 บ้านเรานี่แหละ
1.รัฐบาลเพื่อไทย ไปไกลขนาดคิดสร้างระบบขนส่งรถไฟความเร็วสูง
เพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียนและก้าวข้ามไปสู่ประชาคมโลก
แต่อีกฝ่ายหนึ่ง ยังไล่ใส่ไฟป้ายสี ว่าพรรคการเมืองพรรคหนึ่งจะเป็นประธานาธิบดี
แล้วตะโกนให้คนผ่านทางบอกว่า รัฐบาลไม่ต้องกู้เงินถึง 2.2ล้านๆ ขอให้ทำ
ค่อยเป็นค่อยไป แบบหลวงพ่อสร้างโบสถ จะดีกว่า
= ความคิดของมนุษย์ แตกต่างกันตรงนี้=
2.สันติภาพ เกิดจาก การเจรจา เป็นทฤษฎีสากล เจรจากับใคร ที่ ไหน ใครเจรจาก็ได้
จะมีผลส่งเป็นแรงกระเพื่อมให้เกิดสันติภาพ ดีกว่าการประกาศสงคราม
แต่อีกฝ่ายกลับบอกว่า การเจรจา ทำให้เหตุการณ์รุนแรงขึ้น
เจรจาผิดคน เจรจาผิดเวลา และจะทำให้เกิดการเสียดินแดน
=ความคิดของมนุษย์แตกต่างกันตรงนี้ =
3.การเลือกตั้ง ผู้ว่า กทม.คือการเลือกผู้นำ ที่จะมาพัฒนา แก้ไขปัญหาของ กทม.
ให้คน กทม.อยู่อย่างสุขสบาย ปลอดภัย มีรายได้เพิ่มขึ้น ผู้คนใน กทม.มอง กทม.อย่างสดใส
มีความสุข จึงต้องเสนอนโยบายพัฒนา และ
แก้ไขปัญหาให้แก่คน กทม.ได้พิจารณาเป็นด้านหลัก
แต่อีกฝ่ายกลับบอกว่า พรรคฝ่ายตรงข้าม จะมายึด กทม. เป็นประธานาธิบดี
ไม่เสนอนโยบายอะไร แต่จะเน้นการทำลายคู่ต่อสู้ว่าเป็นคนเลวร้ายเป็นด้านหลัก
=ความคิดของมนุษย์แตกต่างกันตรงนี้=
4.ประเทศชาติจะก้าวไกล ประชาไท จะมีความสุข ก็ต่อเมื่อประชาชนรักสามัคคี
มีความปรองดองกัน ไม่แบ่งแยกแบ่งสี นั่นเป็นหลักสากลแห่งสันติภาพ จึงพยายาม
จะสร้างกลไก(พระราชบัญญัติ)ให้เกิดความปรองดองสามัคคี สมัยหนึ่งคอมมิวนิสต์
เกิดในประเทศไทย มีการฆ่ากันมากมาย เรายังให้อภัย แล้วดึงกลับมาสู่ความปรองดอง
ประเทศชาติจึงได้เจริญรุดหน้ามาจนถึงทุกวันนี้
แต่อีกฝ่ายหนึ่ง ปฎิเสธการปรองดอง ไม่ว่าด้วยวิธีการใด อ้างว่าจะเอื้อประโยชน์ให้ทักษิณ
มีเพียงเท่านี้จริงๆ (แต่...ถึงแม้จะเอื้อประโยชน์ให้ทักษิณจริง เพียงคนเดียว แล้วชาติบ้านเมือง
มันเกิดความสงบสุข มีความสามัคคี ปรองดอง ก็น่าจะแลกน่าจะโอเคนะ) ทั้งๆที่เขาก็ยืนยันไม่เกี่ยวกับ
ทักษิณ ให้เว้นทักษิณไว้ ก็ไม่ยอมฟัง(มันหมายความว่าอย่างไร? คิดเองเถิด)
=ความคิดของมนุษย์แตกต่างกันตรงนี้=
ฝ่ายหนึ่งมีความคิดสร้างสรรค์ มองสังคมสวยสด มองแต่จะก้าวไปสู่อนาคตที่สดใส
มองเรื่องปัญหาเป็นเรื่องการให้อภัย ประนีประนอม ไกล่เกลี่ย
ประชาชนมีความหวัง อย่างมีความสุข ไร้ความขัดแย้ง ต่างทำมาหากินอย่างอิสระ
และมีโอกาสเท่าเทียมกัน ไม่กดขี่ ข่มเหงกัน
แต่อีกฝ่ายหนึ่งมองโลกในแง่ร้าย มองอะไรเป็นผลประโยชน์ทับซ้อน
หวาดระแวงและอิจฉา เป็นเรื่องเลวร้ายไปหมด
สองฝ่ายเมื่อต้องเจอกันในสนามเลือกตั้ง ท่านว่าประชาชนจะเลือกฝ่ายใด
เพื่อที่จะมอบอำนาจให้เป็นผู้บริหารประเทศ นำประชาชนไปสู่ความสงบสุข
คำตอบมีอยู่ในใจท่านแล้ว....เป็นหัวหน้าพรรคต่อไปนะน้องมาร์ค เราชื่นชมท่านจริงๆ
เป็นอัจฉริยะ ของความเลวร้ายอย่างเป็นเอกลักษณ์เลยทีเดียว
เขาชนะกันที่ความคิดจริงๆ
ต่อให้เรียนจบ ด็อกเตอร์ เมืองนอกเมืองนา หากความคิดไม่พัฒนา
ค่าก็จะเสมอคนจบ ป.4 บ้านเรานี่แหละ
1.รัฐบาลเพื่อไทย ไปไกลขนาดคิดสร้างระบบขนส่งรถไฟความเร็วสูง
เพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียนและก้าวข้ามไปสู่ประชาคมโลก
แต่อีกฝ่ายหนึ่ง ยังไล่ใส่ไฟป้ายสี ว่าพรรคการเมืองพรรคหนึ่งจะเป็นประธานาธิบดี
แล้วตะโกนให้คนผ่านทางบอกว่า รัฐบาลไม่ต้องกู้เงินถึง 2.2ล้านๆ ขอให้ทำ
ค่อยเป็นค่อยไป แบบหลวงพ่อสร้างโบสถ จะดีกว่า
= ความคิดของมนุษย์ แตกต่างกันตรงนี้=
2.สันติภาพ เกิดจาก การเจรจา เป็นทฤษฎีสากล เจรจากับใคร ที่ ไหน ใครเจรจาก็ได้
จะมีผลส่งเป็นแรงกระเพื่อมให้เกิดสันติภาพ ดีกว่าการประกาศสงคราม
แต่อีกฝ่ายกลับบอกว่า การเจรจา ทำให้เหตุการณ์รุนแรงขึ้น
เจรจาผิดคน เจรจาผิดเวลา และจะทำให้เกิดการเสียดินแดน
=ความคิดของมนุษย์แตกต่างกันตรงนี้ =
3.การเลือกตั้ง ผู้ว่า กทม.คือการเลือกผู้นำ ที่จะมาพัฒนา แก้ไขปัญหาของ กทม.
ให้คน กทม.อยู่อย่างสุขสบาย ปลอดภัย มีรายได้เพิ่มขึ้น ผู้คนใน กทม.มอง กทม.อย่างสดใส
มีความสุข จึงต้องเสนอนโยบายพัฒนา และ
แก้ไขปัญหาให้แก่คน กทม.ได้พิจารณาเป็นด้านหลัก
แต่อีกฝ่ายกลับบอกว่า พรรคฝ่ายตรงข้าม จะมายึด กทม. เป็นประธานาธิบดี
ไม่เสนอนโยบายอะไร แต่จะเน้นการทำลายคู่ต่อสู้ว่าเป็นคนเลวร้ายเป็นด้านหลัก
=ความคิดของมนุษย์แตกต่างกันตรงนี้=
4.ประเทศชาติจะก้าวไกล ประชาไท จะมีความสุข ก็ต่อเมื่อประชาชนรักสามัคคี
มีความปรองดองกัน ไม่แบ่งแยกแบ่งสี นั่นเป็นหลักสากลแห่งสันติภาพ จึงพยายาม
จะสร้างกลไก(พระราชบัญญัติ)ให้เกิดความปรองดองสามัคคี สมัยหนึ่งคอมมิวนิสต์
เกิดในประเทศไทย มีการฆ่ากันมากมาย เรายังให้อภัย แล้วดึงกลับมาสู่ความปรองดอง
ประเทศชาติจึงได้เจริญรุดหน้ามาจนถึงทุกวันนี้
แต่อีกฝ่ายหนึ่ง ปฎิเสธการปรองดอง ไม่ว่าด้วยวิธีการใด อ้างว่าจะเอื้อประโยชน์ให้ทักษิณ
มีเพียงเท่านี้จริงๆ (แต่...ถึงแม้จะเอื้อประโยชน์ให้ทักษิณจริง เพียงคนเดียว แล้วชาติบ้านเมือง
มันเกิดความสงบสุข มีความสามัคคี ปรองดอง ก็น่าจะแลกน่าจะโอเคนะ) ทั้งๆที่เขาก็ยืนยันไม่เกี่ยวกับ
ทักษิณ ให้เว้นทักษิณไว้ ก็ไม่ยอมฟัง(มันหมายความว่าอย่างไร? คิดเองเถิด)
=ความคิดของมนุษย์แตกต่างกันตรงนี้=
ฝ่ายหนึ่งมีความคิดสร้างสรรค์ มองสังคมสวยสด มองแต่จะก้าวไปสู่อนาคตที่สดใส
มองเรื่องปัญหาเป็นเรื่องการให้อภัย ประนีประนอม ไกล่เกลี่ย
ประชาชนมีความหวัง อย่างมีความสุข ไร้ความขัดแย้ง ต่างทำมาหากินอย่างอิสระ
และมีโอกาสเท่าเทียมกัน ไม่กดขี่ ข่มเหงกัน
แต่อีกฝ่ายหนึ่งมองโลกในแง่ร้าย มองอะไรเป็นผลประโยชน์ทับซ้อน
หวาดระแวงและอิจฉา เป็นเรื่องเลวร้ายไปหมด
สองฝ่ายเมื่อต้องเจอกันในสนามเลือกตั้ง ท่านว่าประชาชนจะเลือกฝ่ายใด
เพื่อที่จะมอบอำนาจให้เป็นผู้บริหารประเทศ นำประชาชนไปสู่ความสงบสุข
คำตอบมีอยู่ในใจท่านแล้ว....เป็นหัวหน้าพรรคต่อไปนะน้องมาร์ค เราชื่นชมท่านจริงๆ
เป็นอัจฉริยะ ของความเลวร้ายอย่างเป็นเอกลักษณ์เลยทีเดียว