จดหมายส่วนตัวถึงคุณทองรำไร

กระทู้สนทนา
เรียนคุณทองรำไร

อยากจะบอกตรง ๆ ว่า เขิน นิด ๆ ที่ผมเขียนจดหมายถึง สมาชิกในห้องนี้โดยตรง มันเป็นฉบับแรก และคงเป็นฉบับสุดท้าย แค่อยากสื่ออะไรบางอย่างให้คุณทองได้รับรู้ ตามประสาเพื่อนที่ไม่เคยเห็นหน้ากัน ซักครั้ง แต่สามารถสัมผัสได้ถึงตัวตนที่แท้จริง ผ่านตัวอักษรที่ร้อยเรียงผ่านหน้าเวปบอร์ด

ผมอยากเล่าประสบการณ์ในชีวิตจริง ๆ ให้คุณทองได้ฟัง เผื่อคุณทองจะนำไปเป็นแนวคิด การอยู่ร่วมกันกับสังคมแปลก ๆ ได้อย่างมีความสุข ชีวิตผมทำงานตั้งแต่เรียนจบ ทำตั้งแต่ ยังไม่ได้รับใบปริญญาบัตรเสียด้วยซ้ำ ผมมาปักหลักปักฐานทำงานที่แห่งหนึ่งเมื่อ 22 ปีที่แล้ว ผ่านคนเห็นคน สัมผัสคน มากมายหลายรูปแบบ ทั้งคนดี คนไม่ดี และคนมีอาการทางจิตแบบไม่รู้ตัว

มีอยู่กรณีหนึ่ง ผมค่อนข้างแปลกใจมาก ที่เด็กจบเกียรตินิยมตรี/โท จากสถาบันดังอันดับหนึ่งของเมืองไทย สมมติว่าชื่อ ม. เขามาแนะนำตัวกับผมในห้องสมุดยามเช้าขณะที่ผมนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ (ปัจจุบันห้องสมุดเปลี่ยนชื่อเป็นศูนย์สารสนเทศ) แกบอกว่า แกเป็นเด็กที่แม่ดูแล คือ เช้าแม่ไปส่ง เย็นแม่มารับ ซึ่งฟังเผิน ๆ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ถ้าแม่แก ไม่มารับส่ง ตั้งแต่ "อนุบาล" "ประถม" "มัธยม" "มหาวิทยาลัย" จนถึงวัยทำงาน

หลังจากแกเริ่มทำงาน แกก็มีพฤติกรรมแปลก ๆ เช่น ถ้าแกเห็นคนยืนคุยกัน แกก็จะเดินผ่านไป แต่ที่มันแปลกก็คือ แกไม่ได้เดินอ้อมคนใด คนหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่ มันมีพื้นที่กว้างพอ แต่แกเดินผ่านตรงกลาง ซึ่งมันแคบจนไม่น่าจะเสียมารยาทเดินผ่าเข้าไป  หรือกรณี มีการเชิญวิทยากรข้างนอก มาให้ความรู้ แกก็จะคว้าไมค์ สอบถาม พร้อมทั้งหยิบยกสิ่งที่แกคิดว่า แกเจ๋งกว่า ขึ้นมาสอบถาม และไม่ยอมแพ้ในเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ที่แกคิดขึ้นมาได้ว่า นี่แหละถูกต้องแล้ว จนวิทยากรจากหลาย ๆ สถาบันแปลกใจ ปนขำ ๆ กับการพยายามจะเอาชนะวิทยากรให้ได้ ของน้อง ม.

จนผู้หลักผู้ใหญ่ ต้องให้ผมเดินไปสะกิดบอกกับน้องดี ๆ ว่า "ขอไมค์ให้พี่เถอะ คำถามของน้องหนะพอแล้ว"

ผ่านมาหลายปี น้อง ม.มีปัญหา แต่น้อง ม. ไม่กล้าถามใคร ปรึกษาใคร เมื่อใกล้เวลาจะระเบิดน้อง ม. ก็บากหน้ามาเอ่ยปากกับผมในห้องทำงานว่า "อึดอัดใจกับความไม่ยุติธรรม เพราะน้อง ม. ไม่เคยโดนปล่อยให้เดินทางไปอบรมเพิ่มเติม ณ ต่างประเทศ แบบปล่อยเดี่ยวบ้าง ทั้ง ๆที่คนอื่น ๆ ใน แผนกได้ไปหมดทุกคน" (ลืมบอกไปข้อนึงที่ทำงานผมทุนเยอะมาก)

น้อง ม. ถามผมว่าเพราะอะไรพี่ เขาถึงไม่ปล่อย ผม และหากเป็นไปได้ผมขอมาเป็นลูกน้องที่ฝ่ายพี่จะได้ไหม ได้แต่นั่งมองหน้าน้อง ม. และถอนหายใจ โดยเนื้อแท้นั้น ผมรู้จักกับหัวหน้าน้อง ม. และรู้จักนิสัยใจคอแกดีว่าเป็นคนยุติธรรม และเหตุผลด้วยว่าทำไม หัวหน้าเขาถึงไม่ปล่อยน้อง ม. ไปเดี่ยว ๆ ในฐานะ ตัวแทนหน่วย

บอกตรง ๆ ว่า ตอนนั้นผมรู้สึกสงสาร  "สงสารที่น้อง ม. ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังป่วย"

ทุกคนในที่ทำงานรู้ว่าน้อง ม.ป่วย แต่ไม่มีใครกล้าบอก แม้แต่คนใกล้ชิดกับแม่น้อง ม.

และเพื่อสกัดกั้น ไม่ให้ความเครียดของน้อง ม. พุ่งขึ้นไปกว่านี้อันอาจมีผลให้อาการทางจิต กำเริบมากขึ้น

ผมตัดสินใจคุยกับหัวหน้าน้อง ม. และแอบคุยกับคุณแม่น้อง ม. โดยตรง และในขั้นสุดท้าย ผมบอกกับน้อง ม. ตรง ๆ ว่า "เราไปควรไปพบจิตแพทย์  เพื่อรักษา" สิ่งที่เขากำลังป่วย

นาทีนั้นน้อง ม. คงช๊อค แต่เขาฟังสิ่งที่ผมให้เหตุผล เชื่อไหมว่า หลังจากนั้นไม่นาน น้อง ม.ก็ได้รับยามาทาน โดยคุณแม่น้อง ม.เป็นคนพาไป...

ไม่กี่ปีในภายหลังน้อง ม. ก้าวหน้าขึ้น โดยได้ไปในประเทศใกล้ ๆ เช่น สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และ เวียตนาม ล่าสุดแกได้ไปอบรมที่อเมริกาแล้ว

แกไม่ได้กลับมาขอบคุณผม และผมก็ไม่คิดว่า ผมจะไปเอาอะไรกับน้อง ม. ด้วย

แต่ผมดีใจกับแก ผมดีใจลึก ๆ ที่ผมฉุดเด็กหนุ่มที่เรียนเก่งมาก ให้ผ่านภาวะวิกฤติในชีวิตไปได้..........

อาจจะฟังดูไม่เข้าท่า อาจจะเหมือนว่าผมขี้คุย ขี้โอ่  แต่ผมอยากสื่อไปยังคุณทองตรง ๆ ว่า ในสังคมเรามีคนป่วยที่ไม่รู้ว่าตัวเองป่วยอยู่เยอะมาก

มีอีกหลายกรณี ทั้งแม่บ้านสติเฟื่อง ผู้เห็น ประตูห้องน้ำชาย ห้องน้ำหญิงปิดพร้อมกันไม่ได้  เพราะมันทำให้ห้องน้ำร้อน (ลมไม่ผ่าน) แม้นผมจะเรียกมาอธิบายว่า ไม่ควรเปิดประตูค้างไว้ เพราะห้องน้ำมันอยู่ตรงข้ามกัน (ทำให้ต่างฝ่ายต่างเห็น หรือเกือบเห็นขณะทำธุระส่วนตัว)

จนในที่สุด ผมต้องสั่งให้ย้ายแม่บ้านไปอยู่ทำความสะอาดที่ห้องประชุมชั้น 9 แทน

หรือ น้อง อ. ปัจจุบันเธอกึ่งเป็นเลขาส่วนตัวผม ผู้เพียบพร้อมในด้านงานดูแล เจ้านาย ทั้งตารางประชุม ตารางงาน อาหารเช้า อาหารกลางวัน แต่เธอก็ยังกะเปิ๊บกะป้าบ ได้หน้าลืมหลัง ได้หลังลืมหน้า ลืมกระทั่งว่า เงินที่จะจ่ายอยู่ตรงไหน ทั้ง ๆ ที่ น้อง อ. แกถือเงินอยู่ในมือ เธอได้เข้าแท่ง วิชาการ เมื่อปีที่แล้วจากสิ่งที่ผมผลักดัน หลังจากเธอหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน ในตำแหน่ง ธุรการมานานเป็นสิบปี

นิ้วคนเราไม่เท่ากันนะครับคุณทอง แม้นจะเป็นมนุษย์ก็เหมือนกัน

อาจแตกต่างกันตรงที่ได้รับการบ่มเพาะ มาจากเบ้าหลอมที่แตกต่างกันในวัยเยาว์

ฉะนั้น จงปล่อยวาง และเป็นตัวของตัวเองอย่างที่คุณทองเป็น นั่นหละดีแล้ว

สุดท้ายนี้ เป็นกำลังใจให้คุณทองนะครับ

และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า คุณทองคงเข้าใจใจเจตนารมย์ของจดหมายฉบับนี้ได้อย่างครบถ้วนกระบวนความ

จาก ชายใกล้จะแก่ คนหนึ่ง ที่มีวุฒิภาวะในการพิจารณาสิ่งใด ๆ มากพอ

ขอบคุณครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่