สืบเนื่องจากกระทู้ก่อนหน้าที่เราได้เข้าไปทำความสะอาดห้องเก็บของในบ้านหลังเก่า และพบสมบัติเก่าเก็บที่เราก็ลืมไปแล้ว ของอีกหนึ่งสิ่งที่เราพบก็คือ จดหมายจากเพื่อนคนนึง
เมื่อ 19 ปีที่แล้ว
เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อเราต้องเป็นตัวแทนโรงเรียนไปเข้าค่ายพัฒนาเยาวชนซึ่งจัดขึ้นโดยหน่วยงานของจังหวัดเป็นเวลา 5 วัน 4 คืน
ยอมรับเลยว่าการทำกิจกรรมที่ทางวิทยากรจัดให้สร้างความรักความผูกพันให้กับพวกเราจริงๆ จนกระทั่งวันปิดค่าย ก็มีกิจกรรมแลกเปลี่ยนของที่ระลึก กิจกรรมอำลาค่ายที่ให้พวกเราแลกที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์กัน จากนั้นก็เดินทางกลับและเราก็ใช้ชีวิตปกติ จนกระทั่งจดหมายฉบับแรกส่งมา
"ขอบคุณที่เอายามาให้ตอนที่เราปวดท้อง ขอบคุณที่แบ่งกับข้าวเอาไว้ให้เราตอนที่เราลุกไปกินข้าวไม่ไหว"
อาจดูเหมือนจดหมายขอบคุณธรรมดา แต่นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของการเขียนจดหมายส่งให้กันและกันของเราสองคน
จดหมายฉบับที่ 2
"วันนี้เราได้รับคัดเลือกให้เป็นประธานนักเรียน เราดีใจนะ แต่ก็กลัวว่าจะทำงานได้ไม่ดีพอแต่เราจะทำทุกอย่างให้เต็มที่"
จดหมายฉบับที่ 3
"วันนี้ที่โรงเรียนมีการแข่งกีฬาสี เหนื่อยเอาการ แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี อยากให้เธอได้มีโอกาสมาเห็นบ้าง"
จดหมายฉบับที่ 4
"เสาร์หน้า เราจะเข้าไปทำธุระให้ตัวจังหวัด ถ้าเธอว่างเรามาเจอกันได้ไหม เราจะรอที่.......... เวลา 09.30 น. จะรอถึง 10.00."
จดหมายแต่ก่อนไม่ได้ส่งรวดเร็วเหมือนสมัยนี้ การตอบตกลงทางจดหมายจึงไม่ทันการ เรายังจำภาพที่เราเห็นผู้ชายตัวสูงยืนรอเรา ณ จุดนัดพบพร้อมกับหันมายิ้มได้ดี
จดหมายฉบับสุดท้าย
"เราคงไม่ได้เรียนต่อแล้วล่ะ ที่บ้านเรามีปัญหาน่ะ ถ้าเราเรียนต่อน้องชายเราอาจจะไม่ได้เรียน เรามีน้องสาวด้วยอีกคนนึง มันคงหนักมากหากเราจะดันทุรังที่จะเรียน เราว่าเราจะออกไปหางานทำ ถ้าทุกอย่างลงตัวค่อยต่อรามฯ เราคงไม่ได้เขียนจดหมายหาบ่อยๆแล้วนะ เพราะเธอเองก็คงต้องไปเรียนต่อมหาลัยแล้ว เรายินดีและขอให้เป็นก้าวที่ดีของเธอ"
หลังจากนั้นเราก็เตรียมตัวในการเรียนต่อในมหาลัย จนไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องราวต่างๆมาหมายนัก การปรับตัวในมหาลัยของเราค่อนข้างหนัก เพราะเป็นมหาลัยที่มีระบบรับน้องที่หนักหน่วง บวกกับการเรียนในคณะที่สาหัสสุดๆ เราจึงมีเวลาที่เฟลสุดๆเช่นกัน สายโทรศัพท์เบอร์แปลกโทรเข้ามา และนั่นเป็นการโทรคุยกันครั้งแรกของเรา แม้ว่าจะไม่มีสถานะที่ชัดเจนของเราสองคน แต่ทุกช่วงเวลาของชีวิตคนๆนี้ก็อยู่ข้างๆเราเสมอ
วันที่เราหมั้นหมายเขาส่งข้อความแสดงความยินดี
วันที่เราสูญเสียคู่หมั้นเขาเป็นเพื่อนคนแรกที่เข้าไปหาเราที่บ้าน แต่ไม่เจอเราเพราะเราเดินทางไปร่วมงานศพคู่หมั้นที่ต่างจังหวัด
วันที่เราพบรักครั้งใหม่เขายังเป็นคนที่ส่งข้อความมาแสดงความยินดีกับเรา
วันที่เราแต่งงานข้อความผ่านอินบ็อก "ยินดีด้วยนะ ขอให้ทุกวันเป็นวันที่ดี และอย่าลืมว่าเราจะอยู่ข้างเธอเสมอ เพียงแต่ เราอาจจะไม่ได้แสดงตัว แต่ไม่ไห้หมายความว่าไม่มีเราอยู่ตรงนั้น เธอคือความรักของเรา ถ้าในอนาคตเธอไม่มีใครแล้ว ยังมีเราที่รอเธออยู่ตรงนี้เสมอนะ"
หลังจากข้อความนั้นเราก็ไม่ได้คุยกันอีก ผ่านมานานแล้วเราได้แต่ถามข่าวคราวของเขาคนนั้นผ่านทางเพื่อนสนิทของเขาที่ยังเป็นเพื่อนกันทางFB ได้ข่าวว่าเขายังคงไม่มีใคร ยังใช้ชีวิตคนเดียว ลาออกจากงานกลับมาทำการเกษตรที่บ้านเกิดและยังรอเราอยู่
หากเธอมีโอกาสได้เข้ามาอ่าน
ตลอด 19 ปีที่ผ่านมาไม่มา ไม่มีช่วงเวลาใดสินะที่เธอจะปล่อยให้เราเดียวดาย เวลาที่เราเจอเรื่องหนักหนาในชีวิตเธอยังยืนอยู่ตรงนั้นข้างๆเราเสมอ ทำไมเราถึงไม่เคยเข้าใจความรู้สึกของเธอ ทำไมเราหูหนวกตาบอดไม่เคยรับรู้อะไร เราขอโทษที่ทิ้งความรู้สึกของเธอเอาไว้ อย่ารอเราอีกเลย เราไม่อยากให้เธอเอาชีวิตของเธอมาผูกไว้กับคำว่ารอที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะสิ้นสุดลง
หวังว่าข้อความนี้จะไปถึงเธอ เพราะฉันคงขี้ขลาดเกินไปหากต้องเอ่ยคำนี้กับเธอเอง
จดหมาย ค่ายพัฒนาเยาวชน และเขาคนนั้น
เมื่อ 19 ปีที่แล้ว
เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อเราต้องเป็นตัวแทนโรงเรียนไปเข้าค่ายพัฒนาเยาวชนซึ่งจัดขึ้นโดยหน่วยงานของจังหวัดเป็นเวลา 5 วัน 4 คืน
ยอมรับเลยว่าการทำกิจกรรมที่ทางวิทยากรจัดให้สร้างความรักความผูกพันให้กับพวกเราจริงๆ จนกระทั่งวันปิดค่าย ก็มีกิจกรรมแลกเปลี่ยนของที่ระลึก กิจกรรมอำลาค่ายที่ให้พวกเราแลกที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์กัน จากนั้นก็เดินทางกลับและเราก็ใช้ชีวิตปกติ จนกระทั่งจดหมายฉบับแรกส่งมา
"ขอบคุณที่เอายามาให้ตอนที่เราปวดท้อง ขอบคุณที่แบ่งกับข้าวเอาไว้ให้เราตอนที่เราลุกไปกินข้าวไม่ไหว"
อาจดูเหมือนจดหมายขอบคุณธรรมดา แต่นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของการเขียนจดหมายส่งให้กันและกันของเราสองคน
จดหมายฉบับที่ 2
"วันนี้เราได้รับคัดเลือกให้เป็นประธานนักเรียน เราดีใจนะ แต่ก็กลัวว่าจะทำงานได้ไม่ดีพอแต่เราจะทำทุกอย่างให้เต็มที่"
จดหมายฉบับที่ 3
"วันนี้ที่โรงเรียนมีการแข่งกีฬาสี เหนื่อยเอาการ แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี อยากให้เธอได้มีโอกาสมาเห็นบ้าง"
จดหมายฉบับที่ 4
"เสาร์หน้า เราจะเข้าไปทำธุระให้ตัวจังหวัด ถ้าเธอว่างเรามาเจอกันได้ไหม เราจะรอที่.......... เวลา 09.30 น. จะรอถึง 10.00."
จดหมายแต่ก่อนไม่ได้ส่งรวดเร็วเหมือนสมัยนี้ การตอบตกลงทางจดหมายจึงไม่ทันการ เรายังจำภาพที่เราเห็นผู้ชายตัวสูงยืนรอเรา ณ จุดนัดพบพร้อมกับหันมายิ้มได้ดี
จดหมายฉบับสุดท้าย
"เราคงไม่ได้เรียนต่อแล้วล่ะ ที่บ้านเรามีปัญหาน่ะ ถ้าเราเรียนต่อน้องชายเราอาจจะไม่ได้เรียน เรามีน้องสาวด้วยอีกคนนึง มันคงหนักมากหากเราจะดันทุรังที่จะเรียน เราว่าเราจะออกไปหางานทำ ถ้าทุกอย่างลงตัวค่อยต่อรามฯ เราคงไม่ได้เขียนจดหมายหาบ่อยๆแล้วนะ เพราะเธอเองก็คงต้องไปเรียนต่อมหาลัยแล้ว เรายินดีและขอให้เป็นก้าวที่ดีของเธอ"
หลังจากนั้นเราก็เตรียมตัวในการเรียนต่อในมหาลัย จนไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องราวต่างๆมาหมายนัก การปรับตัวในมหาลัยของเราค่อนข้างหนัก เพราะเป็นมหาลัยที่มีระบบรับน้องที่หนักหน่วง บวกกับการเรียนในคณะที่สาหัสสุดๆ เราจึงมีเวลาที่เฟลสุดๆเช่นกัน สายโทรศัพท์เบอร์แปลกโทรเข้ามา และนั่นเป็นการโทรคุยกันครั้งแรกของเรา แม้ว่าจะไม่มีสถานะที่ชัดเจนของเราสองคน แต่ทุกช่วงเวลาของชีวิตคนๆนี้ก็อยู่ข้างๆเราเสมอ
วันที่เราหมั้นหมายเขาส่งข้อความแสดงความยินดี
วันที่เราสูญเสียคู่หมั้นเขาเป็นเพื่อนคนแรกที่เข้าไปหาเราที่บ้าน แต่ไม่เจอเราเพราะเราเดินทางไปร่วมงานศพคู่หมั้นที่ต่างจังหวัด
วันที่เราพบรักครั้งใหม่เขายังเป็นคนที่ส่งข้อความมาแสดงความยินดีกับเรา
วันที่เราแต่งงานข้อความผ่านอินบ็อก "ยินดีด้วยนะ ขอให้ทุกวันเป็นวันที่ดี และอย่าลืมว่าเราจะอยู่ข้างเธอเสมอ เพียงแต่ เราอาจจะไม่ได้แสดงตัว แต่ไม่ไห้หมายความว่าไม่มีเราอยู่ตรงนั้น เธอคือความรักของเรา ถ้าในอนาคตเธอไม่มีใครแล้ว ยังมีเราที่รอเธออยู่ตรงนี้เสมอนะ"
หลังจากข้อความนั้นเราก็ไม่ได้คุยกันอีก ผ่านมานานแล้วเราได้แต่ถามข่าวคราวของเขาคนนั้นผ่านทางเพื่อนสนิทของเขาที่ยังเป็นเพื่อนกันทางFB ได้ข่าวว่าเขายังคงไม่มีใคร ยังใช้ชีวิตคนเดียว ลาออกจากงานกลับมาทำการเกษตรที่บ้านเกิดและยังรอเราอยู่
หากเธอมีโอกาสได้เข้ามาอ่าน
ตลอด 19 ปีที่ผ่านมาไม่มา ไม่มีช่วงเวลาใดสินะที่เธอจะปล่อยให้เราเดียวดาย เวลาที่เราเจอเรื่องหนักหนาในชีวิตเธอยังยืนอยู่ตรงนั้นข้างๆเราเสมอ ทำไมเราถึงไม่เคยเข้าใจความรู้สึกของเธอ ทำไมเราหูหนวกตาบอดไม่เคยรับรู้อะไร เราขอโทษที่ทิ้งความรู้สึกของเธอเอาไว้ อย่ารอเราอีกเลย เราไม่อยากให้เธอเอาชีวิตของเธอมาผูกไว้กับคำว่ารอที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะสิ้นสุดลง
หวังว่าข้อความนี้จะไปถึงเธอ เพราะฉันคงขี้ขลาดเกินไปหากต้องเอ่ยคำนี้กับเธอเอง