ออกอาการลนลาน เหมือนจะรีบชิงม้าเกิด...
เป็นสัญญาณความผิดปกติของกระบวนการอ้างปรองดองในสังคมไทย
1) คนของพรรคเพื่อไทย นายเจริญ จรรย์โกมล พยายามโอ้โลมปฏิโลม นัดหมายกลุ่มต่างๆ ให้เข้าร่วมประชุมหารือเรื่องกฎหมาย
นิรโทษกรรม ปรากฏว่าฝ่ายอื่นๆ ไม่มีใครเข้าร่วมสังฆกรรมด้วย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มพันธมิตรฯ พรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มเสื้อหลากสี คุณนิชา หิรัญบูรณะ หรือแม้แต่ คอป.
คงเหลือก็แต่พรรคพวกเสื้อแดง พรรคเพื่อไทย และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มารับฟังตามคำสั่งของฝ่ายการเมือง
กระนั้น ยังอุตส่าห์ออกมาบอกว่าไม่เป็นไร และยังจะเดินหน้าต่อ
2) สส.ของพรรคเพื่อไทยกว่า 40 คน รวมหัวกันเสนอกฎหมายนิรโทษกรรม โดยเนื้อหาที่จะส่งผลให้ สส.เสื้อแดงที่มีคดีติดตัวอยู่พลอยได้รับอานิสงส์จากการนิรโทษกรรมด้วย
นายวรชัย เหมะ สส.สมุทรปราการ ถึงขนาดประกาศว่าจะอาศัยสถานะความเป็น สส.เสนอให้สภาผู้แทนราษฎรเลื่อนกฎหมายนิรโทษกรรมขึ้นมาพิจารณาก่อนเรื่องอื่นๆ ที่ค้างอยู่ในสภา
พูดง่ายๆ ว่า การล้างผิดให้พรรคพวกเผาบ้านเผาเมือง กระทำผิดกฎหมายอาญา ดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ฯลฯ เป็นเรื่องสำคัญยิ่งกว่าปัญหาทุกสิ่งอันในประเทศชาติเวลานี้
3) ขณะเดียวกัน มีร่างกฎหมายปรองดองค้างอยู่ในวาระการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรหลายฉบับ
เนื้อหาสาระบางฉบับนั้น จะช่วยล้างผิดให้ทักษิณอย่างหมดจด ถึงขนาดว่าคดีทุจริตโกงกิน ร่ำรวยผิดปกติ ถูกศาลฎีกาฯ พิพากษายึดทรัพย์อันได้มาโดยมิชอบตกเป็นของแผ่นดิน 46,000 ล้านบาทนั้น ก็สามารถจะขอเงินโกงชาติที่ถูกยึดเป็นของแผ่นดินกลับไปอีกด้วย
หากเริ่มพิจารณาร่างกฎหมายนิรโทษกรรม ก็เกรงว่าจะมีการเสนอให้เสียงข้างมากในสภานำร่างกฎหมายปรองดองที่มีเนื้อหาสาระคาบเกี่ยวทับซ้อนกันอยู่ขึ้นมาพิจารณาในคราวเดียวกัน แล้วคำตอบของเสียงข้างมากก็มีแนวโน้มที่จะเลือกเอาการนิรโทษกรรมให้นายใหญ่ได้รับผลประโยชน์ไปด้วย
เมื่อเป็นเช่นนี้ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ พรรคเพื่อไทยก็ควรถอนร่างกฎหมายปรองดองที่มีเนื้อหาล้างผิดให้คนโกงออกไปก่อน แล้วพิจารณากันเฉพาะการนิรโทษกรรมให้กับประชาชนที่กระทำผิด พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน และ/หรือความผิดที่ไม่ร้ายแรง เพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนก่อน ส่วนนักการเมืองและนายใหญ่เอาไว้ทีหลัง
แต่สุดท้าย ก็ไม่มีการแสดงความบริสุทธิ์ใจดังกล่าว
พฤติการณ์จึงดูเหมือนกับว่า “จับคนเสื้อแดงเป็นตัวประกัน”
4) สส.เสื้อแดงได้ไปรับปากมวลชนคนเสื้อแดง ปลุกปั่น ล่อหลอกมวลชน ให้ความหวังด้วยความเท็จว่าจะสามารถผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมในแนวทางที่ช่วยล้างผิดทั้งปวงให้แก่คนเสื้อแดงได้อย่างแน่นอน
ไม่ว่าจะคดีเผาศาลากลาง เผาบ้านเผาเมือง ดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูงกระทำผิดทางอาญา ฯลฯ
รวมถึงความพยายามจะ “เอาทักษิณกลับบ้านแบบเท่ๆ”
ไม่ต้องรับผิด ไม่มีคดีติดตัว แถมเงิน 46,000 ล้านบาทให้ด้วย
ทั้งๆ ที่ มิอาจกระทำได้เช่นนั้น เพราะจะเป็นการขัดต่อกฎหมาย ละเมิดรัฐธรรมนูญ ทำลายหลักนิติรัฐ และเหยียบย่ำการปกครองระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
พฤติการณ์จึงดูเหมือนว่า “หลอกแดงทั้งแผ่นดิน”
5) การกระทำของบรรดา สส.พรรคเพื่อไทย นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะทำตัวเป็น “ปูกรรเชียง” เอ้อระเหย นวยนาด เดินสายถ่ายรูป ไม่หือไม่อือ บ่ฮู้บ่หัน หรือหนูไม่รู้ ไม่ได้!
เพราะนายกฯ ยิ่งลักษณ์ประกาศหาเสียงไว้ชัดเจน แถลงนโยบายต่อรัฐสภาก็ย้ำชัดเจนว่า “สนับสนุนให้คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ดำเนินการอย่างเป็นอิสระและได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายอย่างเต็มที่ในการตรวจสอบและค้นหาความจริงจากกรณีความรุนแรงทางการเมือง การละเมิดสิทธิมนุษยชน การสูญเสียชีวิต บาดเจ็บทางร่างกายและจิตใจ รวมทั้งความเสียหายทางทรัพย์สิน”
มาวันนี้ พฤติการณ์และการดำเนินการของ สส.เพื่อไทยขัดแย้งโดยสิ้นเชิงกับแนวทางของ คอป.
ในรายงานฉบับสมบูรณ์ของ คอป. ระบุชัดเจน ทั้งสาเหตุความขัดแย้งข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ และแนวทางที่รัฐบาลควรจะดำเนินการต่อไป
“ไม่เร่งรัดให้เกิดการนิรโทษกรรม แต่ต้องคำนึงถึงความเหมาะสม ทั้งในแง่ของเวลา สถานการณ์ กระบวนการ และควรสร้างความเข้าใจของสังคมต่อความจริงของเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นและสาเหตุของความขัดแย้ง”
ยิ่งกว่านั้น เนื้อหาในส่วนที่พูดถึงการนิรโทษกรรม คอป.ยังระบุชัดว่า
“...แม้การนิรโทษกรรมจะเป็นกลไกหนึ่งที่อาจนำไปสู่การปรองดอง แต่การนำการนิรโทษกรรมมาใช้ จะต้องคำนึงถึงความเหมาะสม ทั้งในแง่ของเวลา สถานการณ์ และกระบวนการ โดยเฉพาะการเร่งรัดให้เกิดการนิรโทษกรรมนอกจากจะไม่ส่งผลให้เกิดการปรองดองแล้ว ยังอาจเป็นการสร้างประเด็นความขัดแย้งขึ้นมาใหม่
จากที่มีการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการนิรโทษกรรมการกระทำความผิดที่เกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ความไม่สงบและความขัดแย้งทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา โดยการผลักดันให้รัฐสภาพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ พ.ศ. ... ซึ่งมีผลเป็นการนิรโทษกรรมผู้กระทำผิดนั้น คอป. เห็นว่าการกระทำดังกล่าว เป็นการเร่งรัดกระบวนการปรองดอง ซึ่งต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของสังคมทุกฝ่าย โดยเฉพาะเหยื่อและผู้เสียหายที่จะได้รับผลกระทบโดยตรงจากการนิรโทษกรรมอันมีผลเป็นการยกเว้นการดำเนินคดีและการลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมต่อผู้กระทำผิด การเร่งรัดเพื่อให้เกิดการนิรโทษกรรมเช่นนี้กระทบต่อบรรยากาศของความปรองดองในชาติและทำให้สังคมเกิดความหวาดระแวง ซึ่งอาจนำไปสู่การเผชิญหน้าระหว่างกันและยกระดับไปสู่ความรุนแรงได้..”
รัฐบาลยิ่งลักษณ์กำลังจะนำพาประเทศชาติเดินเข้าไปสู่หุบเหวของความขัดแย้ง เพียงเพราะก้าวไม่ข้ามผลประโยชน์ส่วนตัวของพี่ชาย
หยุดสุมไฟประเทศ บูชายัญให้พี่!
ที่มา:
http://www.naewna.com/index.php
ปล.สงสัยงานนี้ จะเรียก แขก อีกแล้ว..เอิ๊ก ๆ ๆ
หยุดสุมไฟประเทศ บูชายัญให้พี่!
เป็นสัญญาณความผิดปกติของกระบวนการอ้างปรองดองในสังคมไทย
1) คนของพรรคเพื่อไทย นายเจริญ จรรย์โกมล พยายามโอ้โลมปฏิโลม นัดหมายกลุ่มต่างๆ ให้เข้าร่วมประชุมหารือเรื่องกฎหมาย
นิรโทษกรรม ปรากฏว่าฝ่ายอื่นๆ ไม่มีใครเข้าร่วมสังฆกรรมด้วย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มพันธมิตรฯ พรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มเสื้อหลากสี คุณนิชา หิรัญบูรณะ หรือแม้แต่ คอป.
คงเหลือก็แต่พรรคพวกเสื้อแดง พรรคเพื่อไทย และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มารับฟังตามคำสั่งของฝ่ายการเมือง
กระนั้น ยังอุตส่าห์ออกมาบอกว่าไม่เป็นไร และยังจะเดินหน้าต่อ
2) สส.ของพรรคเพื่อไทยกว่า 40 คน รวมหัวกันเสนอกฎหมายนิรโทษกรรม โดยเนื้อหาที่จะส่งผลให้ สส.เสื้อแดงที่มีคดีติดตัวอยู่พลอยได้รับอานิสงส์จากการนิรโทษกรรมด้วย
นายวรชัย เหมะ สส.สมุทรปราการ ถึงขนาดประกาศว่าจะอาศัยสถานะความเป็น สส.เสนอให้สภาผู้แทนราษฎรเลื่อนกฎหมายนิรโทษกรรมขึ้นมาพิจารณาก่อนเรื่องอื่นๆ ที่ค้างอยู่ในสภา
พูดง่ายๆ ว่า การล้างผิดให้พรรคพวกเผาบ้านเผาเมือง กระทำผิดกฎหมายอาญา ดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ฯลฯ เป็นเรื่องสำคัญยิ่งกว่าปัญหาทุกสิ่งอันในประเทศชาติเวลานี้
3) ขณะเดียวกัน มีร่างกฎหมายปรองดองค้างอยู่ในวาระการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรหลายฉบับ
เนื้อหาสาระบางฉบับนั้น จะช่วยล้างผิดให้ทักษิณอย่างหมดจด ถึงขนาดว่าคดีทุจริตโกงกิน ร่ำรวยผิดปกติ ถูกศาลฎีกาฯ พิพากษายึดทรัพย์อันได้มาโดยมิชอบตกเป็นของแผ่นดิน 46,000 ล้านบาทนั้น ก็สามารถจะขอเงินโกงชาติที่ถูกยึดเป็นของแผ่นดินกลับไปอีกด้วย
หากเริ่มพิจารณาร่างกฎหมายนิรโทษกรรม ก็เกรงว่าจะมีการเสนอให้เสียงข้างมากในสภานำร่างกฎหมายปรองดองที่มีเนื้อหาสาระคาบเกี่ยวทับซ้อนกันอยู่ขึ้นมาพิจารณาในคราวเดียวกัน แล้วคำตอบของเสียงข้างมากก็มีแนวโน้มที่จะเลือกเอาการนิรโทษกรรมให้นายใหญ่ได้รับผลประโยชน์ไปด้วย
เมื่อเป็นเช่นนี้ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ พรรคเพื่อไทยก็ควรถอนร่างกฎหมายปรองดองที่มีเนื้อหาล้างผิดให้คนโกงออกไปก่อน แล้วพิจารณากันเฉพาะการนิรโทษกรรมให้กับประชาชนที่กระทำผิด พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน และ/หรือความผิดที่ไม่ร้ายแรง เพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนก่อน ส่วนนักการเมืองและนายใหญ่เอาไว้ทีหลัง
แต่สุดท้าย ก็ไม่มีการแสดงความบริสุทธิ์ใจดังกล่าว
พฤติการณ์จึงดูเหมือนกับว่า “จับคนเสื้อแดงเป็นตัวประกัน”
4) สส.เสื้อแดงได้ไปรับปากมวลชนคนเสื้อแดง ปลุกปั่น ล่อหลอกมวลชน ให้ความหวังด้วยความเท็จว่าจะสามารถผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมในแนวทางที่ช่วยล้างผิดทั้งปวงให้แก่คนเสื้อแดงได้อย่างแน่นอน
ไม่ว่าจะคดีเผาศาลากลาง เผาบ้านเผาเมือง ดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูงกระทำผิดทางอาญา ฯลฯ
รวมถึงความพยายามจะ “เอาทักษิณกลับบ้านแบบเท่ๆ”
ไม่ต้องรับผิด ไม่มีคดีติดตัว แถมเงิน 46,000 ล้านบาทให้ด้วย
ทั้งๆ ที่ มิอาจกระทำได้เช่นนั้น เพราะจะเป็นการขัดต่อกฎหมาย ละเมิดรัฐธรรมนูญ ทำลายหลักนิติรัฐ และเหยียบย่ำการปกครองระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
พฤติการณ์จึงดูเหมือนว่า “หลอกแดงทั้งแผ่นดิน”
5) การกระทำของบรรดา สส.พรรคเพื่อไทย นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะทำตัวเป็น “ปูกรรเชียง” เอ้อระเหย นวยนาด เดินสายถ่ายรูป ไม่หือไม่อือ บ่ฮู้บ่หัน หรือหนูไม่รู้ ไม่ได้!
เพราะนายกฯ ยิ่งลักษณ์ประกาศหาเสียงไว้ชัดเจน แถลงนโยบายต่อรัฐสภาก็ย้ำชัดเจนว่า “สนับสนุนให้คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ดำเนินการอย่างเป็นอิสระและได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายอย่างเต็มที่ในการตรวจสอบและค้นหาความจริงจากกรณีความรุนแรงทางการเมือง การละเมิดสิทธิมนุษยชน การสูญเสียชีวิต บาดเจ็บทางร่างกายและจิตใจ รวมทั้งความเสียหายทางทรัพย์สิน”
มาวันนี้ พฤติการณ์และการดำเนินการของ สส.เพื่อไทยขัดแย้งโดยสิ้นเชิงกับแนวทางของ คอป.
ในรายงานฉบับสมบูรณ์ของ คอป. ระบุชัดเจน ทั้งสาเหตุความขัดแย้งข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ และแนวทางที่รัฐบาลควรจะดำเนินการต่อไป
“ไม่เร่งรัดให้เกิดการนิรโทษกรรม แต่ต้องคำนึงถึงความเหมาะสม ทั้งในแง่ของเวลา สถานการณ์ กระบวนการ และควรสร้างความเข้าใจของสังคมต่อความจริงของเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นและสาเหตุของความขัดแย้ง”
ยิ่งกว่านั้น เนื้อหาในส่วนที่พูดถึงการนิรโทษกรรม คอป.ยังระบุชัดว่า
“...แม้การนิรโทษกรรมจะเป็นกลไกหนึ่งที่อาจนำไปสู่การปรองดอง แต่การนำการนิรโทษกรรมมาใช้ จะต้องคำนึงถึงความเหมาะสม ทั้งในแง่ของเวลา สถานการณ์ และกระบวนการ โดยเฉพาะการเร่งรัดให้เกิดการนิรโทษกรรมนอกจากจะไม่ส่งผลให้เกิดการปรองดองแล้ว ยังอาจเป็นการสร้างประเด็นความขัดแย้งขึ้นมาใหม่
จากที่มีการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการนิรโทษกรรมการกระทำความผิดที่เกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ความไม่สงบและความขัดแย้งทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา โดยการผลักดันให้รัฐสภาพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ พ.ศ. ... ซึ่งมีผลเป็นการนิรโทษกรรมผู้กระทำผิดนั้น คอป. เห็นว่าการกระทำดังกล่าว เป็นการเร่งรัดกระบวนการปรองดอง ซึ่งต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของสังคมทุกฝ่าย โดยเฉพาะเหยื่อและผู้เสียหายที่จะได้รับผลกระทบโดยตรงจากการนิรโทษกรรมอันมีผลเป็นการยกเว้นการดำเนินคดีและการลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมต่อผู้กระทำผิด การเร่งรัดเพื่อให้เกิดการนิรโทษกรรมเช่นนี้กระทบต่อบรรยากาศของความปรองดองในชาติและทำให้สังคมเกิดความหวาดระแวง ซึ่งอาจนำไปสู่การเผชิญหน้าระหว่างกันและยกระดับไปสู่ความรุนแรงได้..”
รัฐบาลยิ่งลักษณ์กำลังจะนำพาประเทศชาติเดินเข้าไปสู่หุบเหวของความขัดแย้ง เพียงเพราะก้าวไม่ข้ามผลประโยชน์ส่วนตัวของพี่ชาย
หยุดสุมไฟประเทศ บูชายัญให้พี่!
ที่มา:http://www.naewna.com/index.php
ปล.สงสัยงานนี้ จะเรียก แขก อีกแล้ว..เอิ๊ก ๆ ๆ