“เรืองไกร”ยื่นปธ.กกต.คัดค้านประกาศผลการเลือกตั้ง...จอมสอยมาเอง ใครไม่เกี่ยวถอยไป ถอยไม่ระวังสะดุดขาตัวเองล้มเน้อ

กระทู้สนทนา
“เรืองไกร”ยื่นปธ.กกต.คัดค้านประกาศผลการเลือกตั้ง

“เรืองไกร”ยื่นประธาน.กกต.คัดค้านประกาศผลการเลือกตั้ง พร้อมขอให้สอบ “มาร์ค-สุขุมพันธุ์” เปิดรายชื่อทีมร่วมงานเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดตอนหาเสียง ส่อขัดม.57(1)กม.เลือกตั้งท้องถิ่น

วันนี้ (5 มี.ค.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา ได้เดินทางมาเข้ายื่นหนังสือต่อนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.เพื่อขอให้ตรวจสอบว่าผู้สมัครหรือผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 57(1) แห่งพ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 ประกอบมาตรา 57 แห่งพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 หรือไม่

นายเรืองไกร กล่าวว่า ตนในฐานะผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ขอใช้สิทธิตามมาตรา 27 วรรคหนึ่ง แห่งพ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 เพื่อขอให้ตรวจสอบ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ในฐานะผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคและนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  ในฐานะผู้ใด จากกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์โดยนายอภิสิทธิ์ นายอภิรักษ์ และ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ออกนโยบายหาเสียงว่าจะตั้งมีผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 31 คน ที่พร้อมจะทำงานร่วมกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ หากได้กลับไปเป็นผู้ว่าฯ กทม. อีกสมัย เป็นการสัญญาว่าจะให้เพื่อจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่ตนเอง ตามความมาตรา 57(1) แห่ง พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 หรือไม่ เนื่องจากนโยบายหาเสียงที่จะตั้งที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญดังกล่าว เป็นการตั้งประธานที่ปรึกษา ที่ปรึกษา และคณะที่ปรึกษาของผู้ว่าฯ กทม. ตามพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528  มาตรา 49(3) ที่มาตรา 57 กำหนดไว้ว่า ตำแหน่งดังกล่าวจะมีจำนวนรวมกันทั้งหมดเกินเก้าคนไม่ได้

นายเรืองไกร กล่าวอีกว่า อีกทั้งการออกนโยบายดังกล่าวยังขัดต่อประกาศ กกต. เรื่องวิธีการหรือลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2551 ข้อ 5(6) ที่กำหนดว่า ต้อง เสนอชื่อบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งตามที่กฎหมาย ว่าด้วยการจัดตั้งองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นได้กำหนด เช่น ตำแหน่งรองนายก เลขานุการ เป็นต้น โดยให้เสนอได้ไม่เกินจำนวนที่กฎหมายกำหนดไว้และต้องมีหลักฐานที่แสดงให้เห็น ว่า บุคคลดังกล่าวพร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่และให้ความยินยอมเป็นลายลักษณ์ อักษรที่จะปฏิบัติหน้าที่โดยส่งเอกสารหลักฐานให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดทราบ

ดังนั้นการออกนโยบายหาเสียงเสนอตั้งกลุ่มบุคคลดังกล่าวจำนวนกว่า 30 คน ทั้งที่กฎหมายกำหนดไว้ไม่เกินเก้าคน จึงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และไม่เป็นไปตามเงื่อนไขประกาศของ กกต. อาจถือว่า มีการออกนโยบายหาเสียงที่ฝ่าฝืนบทกฎหมายตามมาตรา 57(1) แห่ง พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 จึงขอให้ประธาน กกต. ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว

ที่มา...เดลินิวส์ออนไลน์
http://www.dailynews.co.th/politics/188535

                              ????????????????????????????

อ้ะ...มารอดูกันว่า
ประธาน กกต.จะหาทางออกรูใดให้แมงสาบ....

หาช่องให้ดีนะคร้าบบบ
ยิ่งเน่าในอยู่ด้วย....555
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่