ตอนนี้เงินเดือนประจำประมาณ 32000 บาทคะ แต่มีค่าคอมมิชชั่นอีกเดือนละ 50000 บาทเงินจำนวนนี้เข้าเป็นประจำทุกเดือนผ่านธนาคาร เพียงแต่จะเข้าเป็น 2 ก้อน ไม่ได้รวมเป็นยอดเดียวกันนะคะ
จะกู้ซื้อบ้านราคาประมาณ 3-4 ล้าน มีผู้กู้ร่วมอีก 1 คนเงินเดือนประมาณ 15000 บาทและมีรายได้จากการเปิดร้านขายเสื้อผ้าอีกประมาณเดือนละ 3-4 หมื่นบาท พอจะกู้ผ่านไหมคะ
แต่มันมีปัญหาอยู่นะคะ คือตัวเองตอนสมัยที่เริ่มทำงานใหม่ๆ ไปหลงเชื่อคำพูดของผู้จัดการที่เป็นหัวหน้างานตัวเองสมัยนั้นให้ยื่นกู้ซื้อบ้านกับธนาคารสงเคราะห์ ด้วยความที่ยังเด็กและเกรงใจพี่เขาเลยยอม ภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก บวกกับลูกตื้อเลยไปเซ็นเป็นผู้กู้หลัก โดยมีผู้ร่วมชะตากรรมเป็นเพื่อนร่วมงานอีกคน (ตอนนั้นพี่เขาให้เหตุผลว่า เขากู้ซื้อบ้านกับญาติพี่น้อง แต่มีปัญหากัน ตกลงกันไม่ได้เลยปล่อยให้บ้านโดนยึด เขาคิดว่าเขาจะกู้แค่ 5 ปี แล้วจะเอาเงินไปจ่ายให้หมด เผื่อเราจะซื้อบ้านเป็นของตัวเอง ตอนนั้นในความที่ยังเด็ก ดูว่าเขามีเงิน หน้าที่การงานก็ทำอยู่คิดว่าเขามีกำลังจ่ายแน่ ย้อนมาคิดตอนนี้ ตูโง่ชิบ )
หลังจากนั้น พี่เขาก็ลาออกจากงาน หลังจากยื่นกู้เรียบร้อยแล้ว แรกๆก็มีการติดต่อกันอยู่บ้างทางโทรศัพท์ แต่ต่อมาพี่เขาก็เปลี่ยนเบอร์ เราติดต่อไม่ได้ แต่ความที่ชะล่าใจไม่คิดว่ามีอะไร จนวันหนึ่งมีจดหมายติดตามทวงหนี้ค้างชำระมาจากธนาคารส่งไปถึงที่บ้าน (หลังจากพี่เขาลาออกเอกสารมีการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ในการจัดส่ง โดยอ้างว่าพี่เขาจะได้สะดวกในการเอาเอกสารไปจ่ายชำระ) เราเลยพยายามติดต่อจนได้เบอร์โทรศัพท์มา พอติดต่อได้ พี่เขาก็อ้างว่าเขาคลอดลูกมีความความจำเป็นต้องใช้เงิน เราก็เลยให้เขาไปจ่ายชำระให้เรียบร้อย แล้วอย่าค้างชำระอีก หลังจากนั้นไม่ถึงปีก็มีจดหมายมาที่บ้านอีกว่า มีการจะนำชื่อเราส่งฟ้องเพราะค้างชำระมากกว่า 6 เดือน
เราติดต่อไปทางธนาคาร ทางธนาคารก็แจ้งว่าเราต้องรีบจ่ายเงินเข้าไปก่อนที่จะมีการยื่นฟ้อง เราเลยปรึกษาทนายที่เรารู้จัก สุดท้ายก็มีการเจรจาให้พี่เขาหาคนมาเปลี่ยนชื่อพวกเราสองคนออกจากการเป็นผู้กู้ ไม่อย่างนั้นเราจะเอาบ้านขายทอดตลาดราคาถูก แต่เรื่องก็คาราคาซังยังหาคนมาเปลี่ยนชื่อไม่ได้ เราเลยให้ทนายยื่นฟ้องให้เขาออกจากบ้าน (มีเอกสารการยื่นฟ้อง) พอมีหมายไปให้เขามาติดต่อ ก็หาคนมาซื้อบ้านได้ ไม่รู้ว่าซื้อจริงหรือว่าคล้ายๆของเราเพราะคนที่ซื้อก็เกี่ยวข้องเป็นลูกน้องของพี่เขาอีก แต่ช่างเหอะ สุดท้ายชื่อเราก็หลุดจากการเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ มีเอกสารการซื้อขายชัดเจน
เราสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ว่าชื่อของเรามีการส่งฟ้องไปแล้วหรือยัง เจ้าหน้าที่บอกว่ายังไม่มีการส่งฟ้อง แค่เป็นจดหมายแจ้งให้เราเข้าไปชำระ ถ้ายังไม่ชำระก็คงเป็นไปตามขั้นตอนของธนาคาร (จดหมายขู่ว่างั้นเหอะ)
เราปิดบัญชีกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ไปตั้งแต่เดือน มีนาคม 2554 จนเมื่อวันที่ 07.06.2555 เราเคยขอดูข้อมูลเครดิตบุโรของตัวเอง ตอนนั้นมันโชว์สถานะบัญชีของสินเชื่อบ้านเป็น ปิดบัญชี แต่ถ้าดูรายละเอียดประวัติการชำระมันจะโชว์ว่าเราเคยมีประวัติการจ่ายล่าช้ามาก่อน อย่างนี่ถือว่าเราติดแบ็คลิสเครดิตบุโรหรือเปล่า แต่ ณ ปัจจุบันเรายังไม่ได้ไปขอดูข้อมูลเครดิตอีกรอบนะคะ แต่เคยมีคนบอกว่าเขาจะเก็บข้อมูลเอาไว้ถึง 5 ปีจริงไหมคะ
และอีกอย่างที่จะสอบถามคือ ไม่ทราบว่าเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อของธนาคารในกรณีเคยมีประวัติการจ่ายชำระล่าช้า ธนาคารจะปล่อยสินเชื่อให้เราไหม แล้วถ้าเราเอาเอกสารทั้งหมด ที่เรายื่นฟ้องแนบไปด้วยจะได้ไหม
ตอนนี้เราคิดว่าเราสามารถผ่อนบ้านได้ เพราะเราพึ่งผ่อนรถยนต์เดือนละ 18,000 บาทหมดไปเมื่อปีที่แล้ว และมีเงินเก็บพอที่จะดาวน์บ้านได้ เราไม่มีหนี้บัตรเครดิต เพราะไม่ได้ใช้ เราไม่กล้าไปดูบ้านหรือจองบ้าน กลัวว่าจะกู้ไม่ผ่านแล้วจะถูกยึดเงิน
ส่วนใครที่จะว่าเราว่าโง่ไปซื้อแทนเขาทำไม ก็ยอมรับคะ ว่าตอนนั้นเราไม่ทันเขาจริงๆ
ขอขอบคุณทุกคำตอบนะคะ
มีเรื่องจะขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการกู้ซื้อบ้านคะ
จะกู้ซื้อบ้านราคาประมาณ 3-4 ล้าน มีผู้กู้ร่วมอีก 1 คนเงินเดือนประมาณ 15000 บาทและมีรายได้จากการเปิดร้านขายเสื้อผ้าอีกประมาณเดือนละ 3-4 หมื่นบาท พอจะกู้ผ่านไหมคะ
แต่มันมีปัญหาอยู่นะคะ คือตัวเองตอนสมัยที่เริ่มทำงานใหม่ๆ ไปหลงเชื่อคำพูดของผู้จัดการที่เป็นหัวหน้างานตัวเองสมัยนั้นให้ยื่นกู้ซื้อบ้านกับธนาคารสงเคราะห์ ด้วยความที่ยังเด็กและเกรงใจพี่เขาเลยยอม ภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก บวกกับลูกตื้อเลยไปเซ็นเป็นผู้กู้หลัก โดยมีผู้ร่วมชะตากรรมเป็นเพื่อนร่วมงานอีกคน (ตอนนั้นพี่เขาให้เหตุผลว่า เขากู้ซื้อบ้านกับญาติพี่น้อง แต่มีปัญหากัน ตกลงกันไม่ได้เลยปล่อยให้บ้านโดนยึด เขาคิดว่าเขาจะกู้แค่ 5 ปี แล้วจะเอาเงินไปจ่ายให้หมด เผื่อเราจะซื้อบ้านเป็นของตัวเอง ตอนนั้นในความที่ยังเด็ก ดูว่าเขามีเงิน หน้าที่การงานก็ทำอยู่คิดว่าเขามีกำลังจ่ายแน่ ย้อนมาคิดตอนนี้ ตูโง่ชิบ )
หลังจากนั้น พี่เขาก็ลาออกจากงาน หลังจากยื่นกู้เรียบร้อยแล้ว แรกๆก็มีการติดต่อกันอยู่บ้างทางโทรศัพท์ แต่ต่อมาพี่เขาก็เปลี่ยนเบอร์ เราติดต่อไม่ได้ แต่ความที่ชะล่าใจไม่คิดว่ามีอะไร จนวันหนึ่งมีจดหมายติดตามทวงหนี้ค้างชำระมาจากธนาคารส่งไปถึงที่บ้าน (หลังจากพี่เขาลาออกเอกสารมีการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ในการจัดส่ง โดยอ้างว่าพี่เขาจะได้สะดวกในการเอาเอกสารไปจ่ายชำระ) เราเลยพยายามติดต่อจนได้เบอร์โทรศัพท์มา พอติดต่อได้ พี่เขาก็อ้างว่าเขาคลอดลูกมีความความจำเป็นต้องใช้เงิน เราก็เลยให้เขาไปจ่ายชำระให้เรียบร้อย แล้วอย่าค้างชำระอีก หลังจากนั้นไม่ถึงปีก็มีจดหมายมาที่บ้านอีกว่า มีการจะนำชื่อเราส่งฟ้องเพราะค้างชำระมากกว่า 6 เดือน
เราติดต่อไปทางธนาคาร ทางธนาคารก็แจ้งว่าเราต้องรีบจ่ายเงินเข้าไปก่อนที่จะมีการยื่นฟ้อง เราเลยปรึกษาทนายที่เรารู้จัก สุดท้ายก็มีการเจรจาให้พี่เขาหาคนมาเปลี่ยนชื่อพวกเราสองคนออกจากการเป็นผู้กู้ ไม่อย่างนั้นเราจะเอาบ้านขายทอดตลาดราคาถูก แต่เรื่องก็คาราคาซังยังหาคนมาเปลี่ยนชื่อไม่ได้ เราเลยให้ทนายยื่นฟ้องให้เขาออกจากบ้าน (มีเอกสารการยื่นฟ้อง) พอมีหมายไปให้เขามาติดต่อ ก็หาคนมาซื้อบ้านได้ ไม่รู้ว่าซื้อจริงหรือว่าคล้ายๆของเราเพราะคนที่ซื้อก็เกี่ยวข้องเป็นลูกน้องของพี่เขาอีก แต่ช่างเหอะ สุดท้ายชื่อเราก็หลุดจากการเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ มีเอกสารการซื้อขายชัดเจน
เราสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ว่าชื่อของเรามีการส่งฟ้องไปแล้วหรือยัง เจ้าหน้าที่บอกว่ายังไม่มีการส่งฟ้อง แค่เป็นจดหมายแจ้งให้เราเข้าไปชำระ ถ้ายังไม่ชำระก็คงเป็นไปตามขั้นตอนของธนาคาร (จดหมายขู่ว่างั้นเหอะ)
เราปิดบัญชีกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ไปตั้งแต่เดือน มีนาคม 2554 จนเมื่อวันที่ 07.06.2555 เราเคยขอดูข้อมูลเครดิตบุโรของตัวเอง ตอนนั้นมันโชว์สถานะบัญชีของสินเชื่อบ้านเป็น ปิดบัญชี แต่ถ้าดูรายละเอียดประวัติการชำระมันจะโชว์ว่าเราเคยมีประวัติการจ่ายล่าช้ามาก่อน อย่างนี่ถือว่าเราติดแบ็คลิสเครดิตบุโรหรือเปล่า แต่ ณ ปัจจุบันเรายังไม่ได้ไปขอดูข้อมูลเครดิตอีกรอบนะคะ แต่เคยมีคนบอกว่าเขาจะเก็บข้อมูลเอาไว้ถึง 5 ปีจริงไหมคะ
และอีกอย่างที่จะสอบถามคือ ไม่ทราบว่าเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อของธนาคารในกรณีเคยมีประวัติการจ่ายชำระล่าช้า ธนาคารจะปล่อยสินเชื่อให้เราไหม แล้วถ้าเราเอาเอกสารทั้งหมด ที่เรายื่นฟ้องแนบไปด้วยจะได้ไหม
ตอนนี้เราคิดว่าเราสามารถผ่อนบ้านได้ เพราะเราพึ่งผ่อนรถยนต์เดือนละ 18,000 บาทหมดไปเมื่อปีที่แล้ว และมีเงินเก็บพอที่จะดาวน์บ้านได้ เราไม่มีหนี้บัตรเครดิต เพราะไม่ได้ใช้ เราไม่กล้าไปดูบ้านหรือจองบ้าน กลัวว่าจะกู้ไม่ผ่านแล้วจะถูกยึดเงิน
ส่วนใครที่จะว่าเราว่าโง่ไปซื้อแทนเขาทำไม ก็ยอมรับคะ ว่าตอนนั้นเราไม่ทันเขาจริงๆ
ขอขอบคุณทุกคำตอบนะคะ