ปัญหาการกู้ไม่ผ่านในการซื้ออาคารชุดคอนโดมิเนียม หรือบ้าน นับได้ว่าเป็นปัญหาอันดับต้น ๆ ของข้อพิพาทและมีผู้บริโภคมาร้องเรียนกับ สคบ. จำนวนไม่น้อย การถูกปฏิเสธจากสถาบันการเงิน ทำให้ผู้บริโภคเสียโอกาสและทำลายความหวังของการมีบ้าน อีกทั้งอาจจะถูกยึดเงินจองและมัดจำที่ได้ชำระไปแล้ว ดังนั้นเราควรจะรู้ก่อนว่าธนาคารหรือสถาบันการเงินมีวิธีการประเมินผู้กู้จากอะไรบ้าง นอกจากความน่าเชื่อถือของผู้กู้เป็นสิ่งสำคัญแล้ว เราควรรู้ว่าจะทำอย่างไรถึงจะกู้ได้โดยไม่ติดขัดเทคนิคสำหรับผู้ที่จะขอกู้เงินให้ผ่าน
1. ประเมินรายได้ของตนเอง ควรเลือกซื้อที่อยู่อาศัยให้เหมาะกับรายได้ เพื่อให้การขอวงเงินกู้สอดคล้องกับรายได้และความสามารถในการผ่อนชำระ
2. ควรมีเงินเก็บอย่างน้อย 10% ของราคาที่อยู่อาศัย เผื่อกรณีที่กู้ได้ไม่เต็มวงเงิน จะได้มีเงินส่วนนี้ไว้จ่ายส่วนต่าง หรือเป็นเงินที่ใช้เป็นค่าใช้จ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์ ซึ่งไม่ควรหวังน้ำบ่อหน้าว่าอาจจะได้รับการอนุมัติวงเงินเต็มจำนวน หรือมีส่วนต่างที่จะใช้เป็นค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในวันโอนกรรมสิทธิ์
3. สร้างประวัติรายได้ให้ดี คนที่ประกอบอาชีพอิสระ รายได้ไม่แน่นอน ควรนำเงินเข้าบัญชีต่อเนื่อง และทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายเก็บไว้ เพื่อใช้เป็นเอกสารด้านรายได้ประกอบการยื่นสินเชื่อ ส่วนคนที่เป็นพนักงานประจำ แต่ไม่มีสลิปเงินเดือน ควรสร้างประวัติรายได้ด้วยการนำเงินสดเหล่านี้เข้าบัญชีทุกเดือน อย่างน้อย 6 - 12 เดือนก่อนยื่นกู้
4. เคลียร์หนี้ให้หมด ควรเคลียร์หนี้ต่าง ๆ โดยเฉพาะหนี้การผ่อนสินค้าให้หมดก่อนขอยื่นกู้ เพราะธนาคารต่าง ๆ จะส่งรายงานให้เครดิตบูโรโชว์ว่าหนี้เคลียร์เรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าเพิ่งไปเคลียร์ก่อนยื่นกู้ไม่กี่วัน ข้อมูลจะยังไม่แสดง อาจจะมีเสี่ยงเล็กน้อย ซึ่งทำให้กู้ไม่ผ่านได้
5. กรณีมีประวัติค้างชำระ มีประวัติเป็นหนี้คงค้าง สถาบันการเงินจะส่งข้อมูลตามจริงมายังเครดิตบูโร
6. เตรียมเอกสารให้พร้อม ผู้กู้ต้องเตรียมเอกสารทุกอย่างให้ครบ ทั้งเอกสารเกี่ยวกับรายได้ เช่น หนังสือรับรองเงินเดือน สลิปเงินเดือน เอกสารประวัติรายได้ รายการเดินบัญชีอย่างน้อย 3 - 6 เดือน ฯลฯ เอกสารเกี่ยวกับผู้กู้ ทั้งสำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน เอกสารเกี่ยวกับสถานภาพ การเปลี่ยนชื่อหรือนามสกุล ฯลฯ
เมื่อผู้บริโภคทำตามข้อแนะนำดังที่กล่าวมาข้างต้นนี้ การกู้เงินก็มีโอกาสผ่านสูงมากขึ้น แต่หากพยายามทุกวิถีทางแล้วก็ยังกู้ไม่ผ่าน เงินที่จอง เงินที่ทำสัญญา เงินดาวน์จะได้คืนหรือไม่นั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละโครงการที่แตกต่างกันไปด้วย ดังนั้น ก่อนจะตัดสินใจซื้อบ้านควรอ่านข้อสัญญารายละเอียดและเงื่อนไขให้ดีก่อนตัดสินใจเสมอ เมื่อผู้บริโภคไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือมีข้อสงสัยสามารถโทรมาขอคำปรึกษาและร้องเรียนได้ที่ สายด่วน สคบ. 1166
ปัญหาการกู้ไม่ผ่าน
1. ประเมินรายได้ของตนเอง ควรเลือกซื้อที่อยู่อาศัยให้เหมาะกับรายได้ เพื่อให้การขอวงเงินกู้สอดคล้องกับรายได้และความสามารถในการผ่อนชำระ
2. ควรมีเงินเก็บอย่างน้อย 10% ของราคาที่อยู่อาศัย เผื่อกรณีที่กู้ได้ไม่เต็มวงเงิน จะได้มีเงินส่วนนี้ไว้จ่ายส่วนต่าง หรือเป็นเงินที่ใช้เป็นค่าใช้จ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์ ซึ่งไม่ควรหวังน้ำบ่อหน้าว่าอาจจะได้รับการอนุมัติวงเงินเต็มจำนวน หรือมีส่วนต่างที่จะใช้เป็นค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในวันโอนกรรมสิทธิ์
3. สร้างประวัติรายได้ให้ดี คนที่ประกอบอาชีพอิสระ รายได้ไม่แน่นอน ควรนำเงินเข้าบัญชีต่อเนื่อง และทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายเก็บไว้ เพื่อใช้เป็นเอกสารด้านรายได้ประกอบการยื่นสินเชื่อ ส่วนคนที่เป็นพนักงานประจำ แต่ไม่มีสลิปเงินเดือน ควรสร้างประวัติรายได้ด้วยการนำเงินสดเหล่านี้เข้าบัญชีทุกเดือน อย่างน้อย 6 - 12 เดือนก่อนยื่นกู้
4. เคลียร์หนี้ให้หมด ควรเคลียร์หนี้ต่าง ๆ โดยเฉพาะหนี้การผ่อนสินค้าให้หมดก่อนขอยื่นกู้ เพราะธนาคารต่าง ๆ จะส่งรายงานให้เครดิตบูโรโชว์ว่าหนี้เคลียร์เรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าเพิ่งไปเคลียร์ก่อนยื่นกู้ไม่กี่วัน ข้อมูลจะยังไม่แสดง อาจจะมีเสี่ยงเล็กน้อย ซึ่งทำให้กู้ไม่ผ่านได้
5. กรณีมีประวัติค้างชำระ มีประวัติเป็นหนี้คงค้าง สถาบันการเงินจะส่งข้อมูลตามจริงมายังเครดิตบูโร
6. เตรียมเอกสารให้พร้อม ผู้กู้ต้องเตรียมเอกสารทุกอย่างให้ครบ ทั้งเอกสารเกี่ยวกับรายได้ เช่น หนังสือรับรองเงินเดือน สลิปเงินเดือน เอกสารประวัติรายได้ รายการเดินบัญชีอย่างน้อย 3 - 6 เดือน ฯลฯ เอกสารเกี่ยวกับผู้กู้ ทั้งสำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน เอกสารเกี่ยวกับสถานภาพ การเปลี่ยนชื่อหรือนามสกุล ฯลฯ
เมื่อผู้บริโภคทำตามข้อแนะนำดังที่กล่าวมาข้างต้นนี้ การกู้เงินก็มีโอกาสผ่านสูงมากขึ้น แต่หากพยายามทุกวิถีทางแล้วก็ยังกู้ไม่ผ่าน เงินที่จอง เงินที่ทำสัญญา เงินดาวน์จะได้คืนหรือไม่นั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละโครงการที่แตกต่างกันไปด้วย ดังนั้น ก่อนจะตัดสินใจซื้อบ้านควรอ่านข้อสัญญารายละเอียดและเงื่อนไขให้ดีก่อนตัดสินใจเสมอ เมื่อผู้บริโภคไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือมีข้อสงสัยสามารถโทรมาขอคำปรึกษาและร้องเรียนได้ที่ สายด่วน สคบ. 1166