สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 15
ถ้าเป็นคนญี่ปุ่น ก็ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ค่ะ
เพราะแรงกดดันสูง หลายคนหันหน้าเข้าหาเกมค่ะ
วัน ๆ หมกหมุ่นกับการเล่นคอมพิวเตอร์เกม เพื่อหนีความจริงค่ะ
วิธีแก้ไข เอาง่าย ๆ ก่อน ก็ลองให้ทานโอเมก้าสามทุกวันดู
ดูว่าอาหารที่เขากินเป็นประจำ ...ขาดน้ำมันตัวนี้หรือเปล่า
ถ้าขาดก็ทานวันละพันมิลลิกรัมขึ้นไป
บางคนสมองขาดมาก สารเคมีในสมองไม่เท่ากัน
ลองหาบทความเกี่ยวกับโรคหดหู่ ซึมเศร้า หรือไบโพล่าดูนะคะ
ว่าเขาทานกันวันละเท่าไหร่ (ข้อเสียก็มี คือ ทำให้อ้วนค่ะ)
นอกจากที่น้ำมันตัวนี้มีประโยชน์ต่อหัวใจ และ ข้อต่าง ๆ แล้ว
ยังไปเพิ่มสมาธิในการเรียนด้วยค่ะ และช่วยลดความเครียด
(เคยอ่านผลของการวิจัยที่ใช้ในเด็กนักเรียนที่ประเทศอังกฤษ
ปรากฎว่าผลการเรียนของเด็กดีขึ้นมาก)
นอกจากนั้น ก็ลองพยายามดึงเขาออกจากห้อง
ออกมาเดินตากแดดข้างนอกทุกวัน อย่างน้อยวันละครึ่งชั่วโมง
ให้ร่างกายได้รับวิตะมินดี (ร่างกายผลิตวิตะมินตัวนี้ไม่ได้เองนะคะ)
เพื่อให้สมองรู้สึกมีความสุข กระปรี้กระเปร่า มองโลกในแง่บวก
เพราะเวลาเดิน จะช่วยให้สมองโปร่ง
เป็นการลดความเครียดของร่างกายไปในตัวด้วย
ส่วนคำพูดของเขานั้น ฟังได้ แต่อย่ารับเข้ามา
บอกเขาว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน คุณให้เขาพึ่งได้ก็ต่อเมื่อเขา
ได้พิสูจน์แล้วว่า เขาเลี้ยงดูตัวเองได้ ... บางคนพูดแบบนั้นเพราะ
ต้องการบอกตัวของเขาเองว่าเขาไม่มีภาระที่จะต้องแบก
ยิ่งมาข้อร้องคุณอีกด้วย ยิ่งค่อนข้างชัดเจนนะ
เขาต้องการหาวิธีหนีปัญหา ลดความตึงเครียด และความกดดัน
(ที่ตัวเขาไม่สามารถจัดการแก้ไขเหตุการณ์ที่เผชิญอยู่ได้)
ถ้าหากว่าเขาไม่เคยเป็นคนแบบหนักไม่เอา เบาไม่สู้แล้ว
ก็อาจจะเป็นไปได้ว่า เป็นคำพูดที่ส่งสัญญาณของความพ่ายแพ้ของชีวิต
ลองดูว่าวิธีดังกล่าวที่แนะนำพอจะไปไหวไหม ก็ต้องลองทำดูสักหกเดือนนะคะ
ถ้าถามเรื่องแต่งงานกับแฟนประเภทแบบนี้ คุณต้องถามตัวเองก่อนว่า
คุณเป็นผู้นำไหวไหม ถ้าไม่ไหว .. ก็ไม่เหมาะ เพราะเขาจะกลายเป็น
ลูกชายของคุณ และคุณไม่ควรคาดหวังที่จะให้เขามาทำหน้าที่เป็น
House Husband อีกด้วย ยกเว้นว่าเขาสามารถทำงานในบ้าน และชอบเลี้ยงเด็ก
เพราะแรงกดดันสูง หลายคนหันหน้าเข้าหาเกมค่ะ
วัน ๆ หมกหมุ่นกับการเล่นคอมพิวเตอร์เกม เพื่อหนีความจริงค่ะ
วิธีแก้ไข เอาง่าย ๆ ก่อน ก็ลองให้ทานโอเมก้าสามทุกวันดู
ดูว่าอาหารที่เขากินเป็นประจำ ...ขาดน้ำมันตัวนี้หรือเปล่า
ถ้าขาดก็ทานวันละพันมิลลิกรัมขึ้นไป
บางคนสมองขาดมาก สารเคมีในสมองไม่เท่ากัน
ลองหาบทความเกี่ยวกับโรคหดหู่ ซึมเศร้า หรือไบโพล่าดูนะคะ
ว่าเขาทานกันวันละเท่าไหร่ (ข้อเสียก็มี คือ ทำให้อ้วนค่ะ)
นอกจากที่น้ำมันตัวนี้มีประโยชน์ต่อหัวใจ และ ข้อต่าง ๆ แล้ว
ยังไปเพิ่มสมาธิในการเรียนด้วยค่ะ และช่วยลดความเครียด
(เคยอ่านผลของการวิจัยที่ใช้ในเด็กนักเรียนที่ประเทศอังกฤษ
ปรากฎว่าผลการเรียนของเด็กดีขึ้นมาก)
นอกจากนั้น ก็ลองพยายามดึงเขาออกจากห้อง
ออกมาเดินตากแดดข้างนอกทุกวัน อย่างน้อยวันละครึ่งชั่วโมง
ให้ร่างกายได้รับวิตะมินดี (ร่างกายผลิตวิตะมินตัวนี้ไม่ได้เองนะคะ)
เพื่อให้สมองรู้สึกมีความสุข กระปรี้กระเปร่า มองโลกในแง่บวก
เพราะเวลาเดิน จะช่วยให้สมองโปร่ง
เป็นการลดความเครียดของร่างกายไปในตัวด้วย
ส่วนคำพูดของเขานั้น ฟังได้ แต่อย่ารับเข้ามา
บอกเขาว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน คุณให้เขาพึ่งได้ก็ต่อเมื่อเขา
ได้พิสูจน์แล้วว่า เขาเลี้ยงดูตัวเองได้ ... บางคนพูดแบบนั้นเพราะ
ต้องการบอกตัวของเขาเองว่าเขาไม่มีภาระที่จะต้องแบก
ยิ่งมาข้อร้องคุณอีกด้วย ยิ่งค่อนข้างชัดเจนนะ
เขาต้องการหาวิธีหนีปัญหา ลดความตึงเครียด และความกดดัน
(ที่ตัวเขาไม่สามารถจัดการแก้ไขเหตุการณ์ที่เผชิญอยู่ได้)
ถ้าหากว่าเขาไม่เคยเป็นคนแบบหนักไม่เอา เบาไม่สู้แล้ว
ก็อาจจะเป็นไปได้ว่า เป็นคำพูดที่ส่งสัญญาณของความพ่ายแพ้ของชีวิต
ลองดูว่าวิธีดังกล่าวที่แนะนำพอจะไปไหวไหม ก็ต้องลองทำดูสักหกเดือนนะคะ
ถ้าถามเรื่องแต่งงานกับแฟนประเภทแบบนี้ คุณต้องถามตัวเองก่อนว่า
คุณเป็นผู้นำไหวไหม ถ้าไม่ไหว .. ก็ไม่เหมาะ เพราะเขาจะกลายเป็น
ลูกชายของคุณ และคุณไม่ควรคาดหวังที่จะให้เขามาทำหน้าที่เป็น
House Husband อีกด้วย ยกเว้นว่าเขาสามารถทำงานในบ้าน และชอบเลี้ยงเด็ก
แสดงความคิดเห็น
ถามสาวๆหากแฟนที่คบอยู่มาสี่ปีบอกว่ายังไงก็ต้องแต่งงานกับเขา ขอร้องให้ทำงานเลี้ยงเขา จะทำไงต่อไปดี
จริงๆ มั่นใจล้านเปอร์เซ็นว่าคนส่วนใหญ่บอกให้เลิก จะไปทนทำไม แต่เรารักเขามาก เขาก็บอกรักเรามาก ผู้ชายคนนี้เคยเป็นคนที่เราคิดจะแต่งงานด้วย แต่ตอนนี้ไม่มั่นใจเพราะยังคงมีความหวังให้เขากลับมาเป็นคนกระตือรือร้นเหมือนเดิม ปวดใจจริงๆ อยากจะเลิกๆๆ ก็ทำใจไม่ได้สักที
มีคำแนะนำอะไรดีๆ ไหมค่ะ
ปล. แฟนเป็นคนต่างชาติ ประเทศเขากดดันสูง การแข่งขันสูงมาก พ่อแม่เขาตั้งความหวังที่ตัวเขาเยอะ ตัวเขาเองส่งใบสมัครงานไม่ถึงสิบที่ ไม่ถูกเรียกสักที่เลยปล่อยมันทุกอย่าง ไม่หางานอีกเลย