ตัดสินใจเลิกไปส่งเพื่อนร่วมงานคนนึงที่บ้านหลังรับส่งมาเป็นเวลา4ปี เพื่อนผู้หญิง อายุ45ปีเท่ากัน กรณีทำงานหลัง5โมงเย็นไปแล้วต้องไปส่ง เพราะเธอให้เหตุผลว่าไม่กล้านั่งแท็กซี่
1.ตำแหน่งงานรองผู้จัดการบัญชีเท่ากัน นอกจากเงินเดือนแล้วยังได้ค่าน้ำมันรถเดือนละ4000 เหมือนกัน แต่เธอไม่ขับรถมาอาศัยนั่งรถรับส่งพนักงานบริษัท (มีรถนะแต่ให้พี่สาวใช้)
2.เวลามีงานหัวหน้ามักจะรีวิวงานเธอก่อนเพราะจะได้ทันกลับรถพนักงาน ส่วนเรามีรถค่อยรีวิวหลังเลิกงาน
3.วันไหนมีงานที่เค้าต้องแก้ไข กับหัวหน้าแม้งานเราเสร็จแล้วเราก็ต้องอยู่รอ เพราะไม่งั้นหัวหน้าต้องย้อนไปส่งเราทำเพราะหัวหน้าเหนื่อยเอางานกลับไปทำต่อที่บ้านเราก็เลยแบ่งเบาโดยไปส่งให้ ซึ่งหัวหน้าก็รู้ดี
4.มีวันนึงเรามีธุระและงานเราก็เสร็จแล้ว แต่เค้าไม่เสร็จ เราเลยกลับไปก่อน กลายเป็นเรื่องวุ่นวาย แม่เค้าถามหาว่าเราไปไหนไมไม่มาส่ง โทรตามหลานมารับ โดยหัวหน้าส่งครึ่งทางหลานมารับต่อ(รับต่อแค่บางนาอุดมสุข จริงๆนั่งแท็กซี่ก็น่าจะได้) รุ่งเช้าเราโดนหัวหน้าเรียกไปว่าเรื่องนี้ ว่าไม่รู้จักเผื่อเวลามีธุระอะไร และเถียงเรื่องนี้กันอีกยาว ประมาณว่าเห็นใจเรานะถึงรีบดูงานให้หล่อนก่อนจะได้กลับรถบริษัทไปเราได้ไม่ต้องไปส่ง หัวหน้าทำเพื่อเรา งงอ่ะ
5.ต่อมามีเหตุอีก ทำงานถึงสามทุ่มไปส่งตรงอุดมสุขบอกให้นั่งแท็กซี่ไปอีก10นาทีก็ถึง สี่ทุ่มเอง ลองหัดดู แต่เธอไม่ยอมขอให้ไปส่งที่บ้าน เราก็ยอมส่ง เรามาคิดดูว่าถ้าเราลาออกไปหรือย้ายบ้านล่ะ เช้าเราเลยบอกเราจะย้ายไปอยู่คอนโดที่ซื้อไว้คงส่งได้แค่จุดตรงนี้นะแล้วต่อรถไปเอง สายๆหัวหน้าเราเรียกเราไปว่าอีก หัวหน้าว่าเราโกหกอ้างเรื่องคอนโด เค้นเราว่าเราโกหก เราบอกเราพูดอ้อมๆตามมารยาทไม่อยากพูดตรงเดี๋ยวยาว พูดไปพูดมาหัวหน้าไปส่งเอง ประหนึ่งว่าเราไม่มีน้ำใจ
6.เราบอกว่าระยะทางหรืออะไรไม่ใช่อุปสรรค เราเคยรับส่งพี่ในแผนกเค้าป่วยเดินไม่ได้ปีกว่าเช้ารับเย็นส่งมาจากลาดพร้าวมารับอุดมสุขแล้วไปทำงานบางพลีแต่เราเต็มใจ บางทีทำงานดึกปิดบัญชียังขับรถมาส่งพี่เค้าก่อนแล้วกลับไปทำวานต่อถึงเที่ยงคืนตีหนึ่ง แล้วกลับมาส่งยัยเพื่อนคนที่กลัวนั่งแท๊กซี่ด้วย
7.หัวหน้าผ่าท้องเราก็ขับไปรับไปส่ง งานเข้าเจ็ดโมง แต่พอเราบอกไม่ส่งยัยเพื่อนคนนี้แล้ว เรากลายเป็นคนไม่มีน้ำใจในสายตาหัวหน้าไปเสียแล้ว
คุณคิดว่าไง ป.ล.เพื่อนคนนี้ชอบฟ้องซะด้วยฟ้องคนในแผนกโดนไปหลายคนแล้ว
ทำถูกมั้ยกับเพื่อนแบบนี้
1.ตำแหน่งงานรองผู้จัดการบัญชีเท่ากัน นอกจากเงินเดือนแล้วยังได้ค่าน้ำมันรถเดือนละ4000 เหมือนกัน แต่เธอไม่ขับรถมาอาศัยนั่งรถรับส่งพนักงานบริษัท (มีรถนะแต่ให้พี่สาวใช้)
2.เวลามีงานหัวหน้ามักจะรีวิวงานเธอก่อนเพราะจะได้ทันกลับรถพนักงาน ส่วนเรามีรถค่อยรีวิวหลังเลิกงาน
3.วันไหนมีงานที่เค้าต้องแก้ไข กับหัวหน้าแม้งานเราเสร็จแล้วเราก็ต้องอยู่รอ เพราะไม่งั้นหัวหน้าต้องย้อนไปส่งเราทำเพราะหัวหน้าเหนื่อยเอางานกลับไปทำต่อที่บ้านเราก็เลยแบ่งเบาโดยไปส่งให้ ซึ่งหัวหน้าก็รู้ดี
4.มีวันนึงเรามีธุระและงานเราก็เสร็จแล้ว แต่เค้าไม่เสร็จ เราเลยกลับไปก่อน กลายเป็นเรื่องวุ่นวาย แม่เค้าถามหาว่าเราไปไหนไมไม่มาส่ง โทรตามหลานมารับ โดยหัวหน้าส่งครึ่งทางหลานมารับต่อ(รับต่อแค่บางนาอุดมสุข จริงๆนั่งแท็กซี่ก็น่าจะได้) รุ่งเช้าเราโดนหัวหน้าเรียกไปว่าเรื่องนี้ ว่าไม่รู้จักเผื่อเวลามีธุระอะไร และเถียงเรื่องนี้กันอีกยาว ประมาณว่าเห็นใจเรานะถึงรีบดูงานให้หล่อนก่อนจะได้กลับรถบริษัทไปเราได้ไม่ต้องไปส่ง หัวหน้าทำเพื่อเรา งงอ่ะ
5.ต่อมามีเหตุอีก ทำงานถึงสามทุ่มไปส่งตรงอุดมสุขบอกให้นั่งแท็กซี่ไปอีก10นาทีก็ถึง สี่ทุ่มเอง ลองหัดดู แต่เธอไม่ยอมขอให้ไปส่งที่บ้าน เราก็ยอมส่ง เรามาคิดดูว่าถ้าเราลาออกไปหรือย้ายบ้านล่ะ เช้าเราเลยบอกเราจะย้ายไปอยู่คอนโดที่ซื้อไว้คงส่งได้แค่จุดตรงนี้นะแล้วต่อรถไปเอง สายๆหัวหน้าเราเรียกเราไปว่าอีก หัวหน้าว่าเราโกหกอ้างเรื่องคอนโด เค้นเราว่าเราโกหก เราบอกเราพูดอ้อมๆตามมารยาทไม่อยากพูดตรงเดี๋ยวยาว พูดไปพูดมาหัวหน้าไปส่งเอง ประหนึ่งว่าเราไม่มีน้ำใจ
6.เราบอกว่าระยะทางหรืออะไรไม่ใช่อุปสรรค เราเคยรับส่งพี่ในแผนกเค้าป่วยเดินไม่ได้ปีกว่าเช้ารับเย็นส่งมาจากลาดพร้าวมารับอุดมสุขแล้วไปทำงานบางพลีแต่เราเต็มใจ บางทีทำงานดึกปิดบัญชียังขับรถมาส่งพี่เค้าก่อนแล้วกลับไปทำวานต่อถึงเที่ยงคืนตีหนึ่ง แล้วกลับมาส่งยัยเพื่อนคนที่กลัวนั่งแท๊กซี่ด้วย
7.หัวหน้าผ่าท้องเราก็ขับไปรับไปส่ง งานเข้าเจ็ดโมง แต่พอเราบอกไม่ส่งยัยเพื่อนคนนี้แล้ว เรากลายเป็นคนไม่มีน้ำใจในสายตาหัวหน้าไปเสียแล้ว
คุณคิดว่าไง ป.ล.เพื่อนคนนี้ชอบฟ้องซะด้วยฟ้องคนในแผนกโดนไปหลายคนแล้ว