
ทุกท่านเคยอ่านเคยรู้จัก สำนวนที่ว่า “ น้ำกลิ้งบนใบบอน” และความหมายของสำนวนนี้มักจะมีความหมายในทางลบ หมายถึง คนที่ตลบตะแลง มีจิตใจไม่แน่นอน หรือเอาแน่อะไรไม่ได้
แต่วันนี้สิ่งที่แม่พูดให้ฟัง ระหว่าง น้ำกับใบบอน เป็นธรรมะ สรุปได้ดังนี้
มีอยู่วันหนึ่งแม่ทานข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้วก็มานั่งคุยกันหน้าจอโทรทัศน์แม่ถามว่าใครรู้บ้างว่าทำไมน้ำจึงไม่ติดบนใบบอน ตัวข้าพเจ้าก็ตอบแบบกำปั้นทุบดิน ตลก ๆ ว่า เพราะใบบอนมันคัน อะไรก็ไม่อยากอยู่ใกล้ ฮาฮา ฮา ฮา .....
แม่จึงตอบว่า "ตามหลักธรรมะ คนที่มีจิตใจสว่าง สะอาด สงบ จะไม่ยึดติดกับอะไร เหมือนใบบอนที่จะไม่ยึดอะไรไว้ อะไรมากระทบก็ปล่อยมันไปเช่นนั้นเอง"
หลังจากแม่พูดจบก็บอกว่า ที่แม่พูดให้ลูกฟังนั้นไม่รู้จะถูกหรือไม่เพราะแม่พูดตามหนังสือธรรมะที่แม่อ่านมา ( แม่ไม่ใช่คุณครู)
ลูก ๆจึงบอกว่าที่แม่สรุปมานั้นเป็นแนวคิดที่ดี เพราะนั่นย่อมบอกให้ลูกเป็นคนดี คิดดี ทำดี ไม่ยึดติดกับสิ่งใดก็เพียงพอแล้ว
เขียนโดย อ.สุวดี บุญราศรี
“ น้ำกลิ้งบนใบบอน”
ทุกท่านเคยอ่านเคยรู้จัก สำนวนที่ว่า “ น้ำกลิ้งบนใบบอน” และความหมายของสำนวนนี้มักจะมีความหมายในทางลบ หมายถึง คนที่ตลบตะแลง มีจิตใจไม่แน่นอน หรือเอาแน่อะไรไม่ได้
แต่วันนี้สิ่งที่แม่พูดให้ฟัง ระหว่าง น้ำกับใบบอน เป็นธรรมะ สรุปได้ดังนี้
มีอยู่วันหนึ่งแม่ทานข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้วก็มานั่งคุยกันหน้าจอโทรทัศน์แม่ถามว่าใครรู้บ้างว่าทำไมน้ำจึงไม่ติดบนใบบอน ตัวข้าพเจ้าก็ตอบแบบกำปั้นทุบดิน ตลก ๆ ว่า เพราะใบบอนมันคัน อะไรก็ไม่อยากอยู่ใกล้ ฮาฮา ฮา ฮา .....
แม่จึงตอบว่า "ตามหลักธรรมะ คนที่มีจิตใจสว่าง สะอาด สงบ จะไม่ยึดติดกับอะไร เหมือนใบบอนที่จะไม่ยึดอะไรไว้ อะไรมากระทบก็ปล่อยมันไปเช่นนั้นเอง"
หลังจากแม่พูดจบก็บอกว่า ที่แม่พูดให้ลูกฟังนั้นไม่รู้จะถูกหรือไม่เพราะแม่พูดตามหนังสือธรรมะที่แม่อ่านมา ( แม่ไม่ใช่คุณครู)
ลูก ๆจึงบอกว่าที่แม่สรุปมานั้นเป็นแนวคิดที่ดี เพราะนั่นย่อมบอกให้ลูกเป็นคนดี คิดดี ทำดี ไม่ยึดติดกับสิ่งใดก็เพียงพอแล้ว
เขียนโดย อ.สุวดี บุญราศรี