ต่อจากตอนที่ 7
http://pantip.com/topic/30094929
วันที่57:สุราษฎร์ธานี ไปสิชล
วันพุธ ที่ 6 กพ.2013, 105 กม. ระยะทางรวม 3,737 กม.
ผมคิดว่า ได้พัฒนาการกินที่ไม่เป็นระเบียบ หรืออย่างน้อยเกี่ยวกับการบ้ากิน ผมกังวลอยู่เสมอว่ากินพอแล้วหรือยัง ผมไปที่ร้านขายอาหารแห่งหนึ่ง กินอาหารหนึ่งมื้อ พอออกมาจากร้าน จะคิดว่าควรจะกินอีกไหม แต่อิ่มแล้ว แต่อาจจะรู้สึกหิวอีก แต่ตอนนั้น มันสายไปแล้ว จะเป็นอะไรถ้า มีพลังงานไม่พอที่จะปั่นในวันพรุ่งนี้ คิดมากไปหรือไม่ รู้ว่าพอการท่องเที่ยวนี้เสร็จสิ้น ลง ผมจะกลับไปเซี้ยงไฮ้ จะไม่รู้สึกเช่นนั้น อีกต่อไป นั่นคือความสบายใจ.
ผมยุ่งยากกับการขี่ออกจากเมืองเช้าวันนี้ ขี่ไปตามถนนสายหลักไปทางทิศตะวันออก เพื่อบรรจบกับทางหลวงสาย 401 แต่ถนนสายหลักเปลี่ยนจากถนนที่ขับขี่สองทาง(ทูเวย์) เป็นขับขี่ทางเดียว(วันเวย์) หลายแห่ง จึงขี่(ย้อนศร) ไปตามข้างถนนเล็กๆ เพื่อไปยังที่ที่ต้องการไป, และจากนั้น อีก500 เมตร ก่อนถึงทางหลวงแผ่นดิน ถนนเป็นทางวันเวย์อีก เวลานี้มีตำรวจจราจรคนหนึ่งกำลังควบคุมจราจร .และกำลังมองมาที่ผม ต้องเลี้ยวกลับ ไปอีก สองสามช่วงตึก จนไปพบถนนอีกสายหนึ่ง. ที่จะให้ผมไปยังทางหลวงแผ่นดินได้.

ถึงตอนนี้ คุณควรรู้ว่า ผมชอบทิวทัศน์ข้างแม่น้ำ, อยู่นอกเมืองสุราษฎร์ธานี.
ช่วง20 กม.แรก อยู่บนทางหลวงแผ่นดิน เป็นเรื่องน่าเบื่องเร็ว เสียงดังของล้อรถยนต์ที่วิ่งไปไม่หยุด มีพลังมากกว่าเสียงใดๆที่มี . ในสถานการณ์นั้น มันเป็นการมุ่งไปข้างหน้าให้เร็วที่สุด ในความเห็นของผม นี่ไม่ใช่การท่องเที่ยวอย่างแท้จริง .
ดังนั้น จึงเลี้ยวไปทางทิศใต้ ไปยังถนนสายที่เล็กกว่า และหยุดกินกาแฟที่ร้านขายกาแฟชื่อว่า “ดีคัพ” ชื่อที่ผมชอบ แม้ว่า คนขายผู้หญิงจะไม่มีสิ่งใดที่เหมาะสมกับชื่อ.
ไม่นานเลี้ยวไปยังถนนที่เล็กลงไปอีก. และทางนี้เป็นถนนสายเล็กที่ยอดเยี่ยม. แคบและไม่มีรถ, เลี้ยวหักมุม และโค้ง , ปกคลุมด้วยต้นกล้วยและต้นยาง นั่นคือสิ่งที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ,มีช่วงที่เป็นถนนกรวดหลายแห่ง แต่ก็ดี เป็นถนนกรวดที่ราบเรียบ ไม่ทำให้ขี่ช้าลง.

ถนนที่ยอดเยี่ยมในตอนเช้า.

ยางที่จับตัวแข็งเป็นก้อน
พอมาทางทิศใต้ เริ่มรู้สึกหิวอีก จึงสอบถามคนท้องถิ่นที่อยู่แถวนั้น ว่าที่ไหนขายอาหารบ้าง พวกเขาบอกว่า "ให้ขี่ย้อนกลับไป" แต่ผมพบร้านค้าเล็กๆ เจ้าของร้านต้มน้ำเพื่อให้กินกับบะหมี่สำเร็จรูป และยังกินแค๊กเกอร์ อีกจำนวนหนึ่ง นั่นที่ต้องกิน.
ขี่มาทางทิศใต้ ต่อมา ตอนนี้ถนนเปลี่ยนเป็นถนนปนดินและหิน. กำลังเข้าไปยังพื้นที่เปิดใหม่ เมื่อไม่นานมานี้ , ข้างทางยังเป็นต้นยาง , ต้นปาล์ม และสวนกล้วยที่มีร่องรอย การตัดโค่นป่าฝนเมื่อไม่นานมานี้ พอขึ้นเนินไปอีกหน่อย ยังมีสภาพป่าไม้
ช่วง12 กม. ต่อไปค่อนข้างยาก ถนนดินและมีร่องแคบ มีหิน ภูมิประเทศเป็นเนินเขา ต้องลงเนินและขึ้นเนินชัน ทำให้คิดถึงตอนเดินทางในประเทศไทยและประเทศลาว สนุกที่อยู่ในภูมิประเทศนั้นอีกครั้ง . แต่ก็สบายใจที่ จะอยู่ในช่วงนั้น เป็นเวลา 1 ชม.หรือ ราวๆนั้น แทนที่จะอยู่ทั้งวัน

ช่วงแรกถนนดิน ยังราบเรียบและอยู่ในระดับปกติ

ถนนที่อยู่ในกำหนดการที่จะปรับปรุงให้ดีขึ้น . มีสะพานแล้ว มองเห็นสะพานเก่าอยู่หลังสะพานใหม่.
ผมต้องข้ามลำธารหลายแห่ง ในช่วง 12กม.นี้.ช่วงแรก, หิ้วสัมภาระข้ามช่วงนี้ , ช่วงต่อมา เพียงอีกไม่กี่ร้อยเมตร ถัดมา ต้องการวิธีการที่ง่ายที่สุด ดังนั้น จึงถอดรองเท้าและถุงเท้าออกและลุยข้าม นั่นเป็นความสบายใจมาก .จำได้ว่า ทุกครั้งที่ต้องข้ามลำธารหรือแม่น้ำ คิดว่า เป็นที่สุดท้ายแล้ว แต่พอไปอีกไม่กี่นาที ก็มีลำธาร มันค่อนข้างซ้ำๆ แล้วตอนนี้ และไม่ต้องการเสียเวลา จึงขี่ข้ามไปโดยใช้เกียร์ต่ำ ก็ไปได้ดี และจากนั้น เมื่อไปได้อีก ไม่เกิน 100 เมตร หลังจากขี่ข้ามลำธารมา ถนนดินสายเล็กๆ ก็เชื่อมเข้ากับทางหลวงสาย4088 ที่ราบเรียบและราดยางมะตอยเรียบร้อย ทางที่เป็นหินและเนินดิน 12 กม.ผ่านพ้นไปแล้ว แต่ในช่วงไม่กี่เมตรสุดท้ายทางสาย 4088 ก็เปลี่ยนเป็นถนนดินอีกครั้ง ยังมีลำธารเล็กๆให้ข้าม ก่อนเข้าทางหลวงสาย4088 และการขับขี่สบายก็เริ่มขึ้น.

น้ำแห่งแรกที่ต้องข้าม ผมปลดกระเป๋าจักรยานออกและหิ้วข้ามน้ำครั้งที่2

น้ำช่วงที่สอง ช่วงนี้ถอดรองเท้าและถุงเท้า

มาแล้ว ถนนลาดยางมาถึงแล้ว.
พอกลับมาขี่บนถนนยางมะตอย ขึ้นเนิน ไปสักครุหนึ่ง ก็มาถึงยอดเขา ระหว่างเนินเขาที่มีหลักซิเมนต์ข้างทาง หยุดพัก ช่วงการขับขี่ที่ยากลำบาก ไปสิชล นี่คือสิ่งที่ผมได้ (บางครั้ง กฎเมอร์ฟี่ ก็ไม่ได้)

บนยอดเนิน มีหลักซิเมนต์ข้างทาง.

ช่วงขี่อย่างสบายใจ ในอีกไม่กี่กม.สุดท้ายเข้าไปสิชล.
ถึงสิชล เวลา ประมาณ15.00 น. เริ่มมองหาโรงแรม ในช่วงแรก ไม่พบสักแห่ง มีโรงแรมอยู่หนึ่งแห่ง ตรงสี่แยกไฟแดงใหญ่ของเมือง (เป็นทำเลที่ดี) หรืออย่างน้อย ก็ใกล้เมือง ผมไม่พบร้านอินเทอร์เน็ตที่มีwifi ปกติจะมีอยู่ทั่วไป แต่ที่นี่ไม่มี ในที่สุด พบร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่และเช็คออนไลน์ มีสัญญาณ แล้ว ผมใช้แผนที่ของ longdo.com ซึ่งแสดงโรงแรมที่มีในประเทศไทย ทั้งโรงแรมเล็ก โรงแรมใหญ่ วางซ้อนบนGoogle Maps. พบโรงแรม4 แห่ง อยู่ในอาณาเขตเมือง ขี่ไปดูทุกแห่ง ไม่มีสักแห่ง ที่มีอินเทอร์เน็ต จึงไปหยุดที่โรงแรมที่มีชาวเยอรมันเป็นผู้ถือหุ้น ( ตามป้ายที่บอก) ด้วยความหวังว่า อย่างน้อยก็บริหารด้วยความเที่ยงตรงและคุณภาพแบบเยอรมัน.
ห้องแบบธรรมดา ตกลงกันที่ ราคา380 บาท. พวกเขาลืมให้กุญแจ ตอนผมเช็คอิน, จึงโทรศัพท์เรียกหุ้นส่วน และขอกุญแจ พยายามส่งความหมาย โดยการไปยืนอยู่ข้างนอก และชี้ไปที่ลูกบิดประตู ทำท่าทางว่ากำลังถือกุญแจในมือ พนักงานที่เป็นหุ้นส่วนจับลูกบิด กดปุ่มล็อคที่อยู่ข้างใน และปิดประตู เธอยิ้มกับผม ภารกิจของเธอจบแล้ว . ทำให้ผมต้องเล่นคำทายปริศนาต่ออีกเพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่ต้องการล๊อคประตู และปัญหาก็คือว่า ประตูล๊อคจน ผมเข้าห้องไม่ได้ พอเธอเห็นท่าทาง เธอกลับไปที่สำนักงานไปหยิบกุญแจ . ผมเข้ามาในห้องได้
“ ผมขอกุญแจได้ไหม?” ผมผายมือให้เธอดูว่า ผมไม่มีกุญแจ
“ไม่, เป็นไปไม่ได้”
เธอบอกว่า ผมต้องไปที่แผนกต้อนรับ ถ้าผมต้องการกุญแจ เปิดประตู เมื่อใดก็ตามที่ต้องการใช้กุญแจ
ผมอาบน้ำและออกไปหาอาหารกิน เมื่อกลับมา ผมขอให้เจ้าของเปิดประตูให้ผมเข้าไปในห้อง(เธอพูดภาษาอังกฤษได้บ้าง เนื่องจากมีความสัมพันธ์กับตามกฎหมายกับชาย ชาวเยอรมัน)
“โปรดเปิดประตู ห้องของผมด้วย” ผมบอก
“คุณล๊อคประตูหรือ”
ผมอาจล๊อคประตู โดยไม่ตั้งใจ หรือผมอาจออกจากห้อง โดยยังทิ้งสิ่งของที่มีค่าไว้ข้างใน.
หลังจากเข้ามาในห้อง . อีกไม่กี่นาทีต่อมา มีเสียงเคาะที่ประตู มีเสียงผู้ชายเรียก ตอนนี้มืดแล้วและผมมองไม่ชัด แต่พอเปิดประตู เห็นผู้ชายไทย ใส่กางเกงใน ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวด มองเหมือนผ้าขนหนู ที่พาดพบไหล่ของเขา มือถือขวดแชมพู ,ผมไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดอะไร แต่พอผมแปลความหมายจากมือไม้ของเขา และลักษณะที่แสดงออกภายนอก ก็ได้ความหมายว่า เขาอยากจะใช้ห้องน้ำของผมเพื่ออาบน้ำฝักบัว
“ไม่ได้” ผมพูดแล้วปิดประตู “นี่ เกิดอะไรขึ้น?”
มีเสียงเคาะประตู อีก ทีนี้มีผู้หญิงที่พูดภาษาอังกฤษได้อยู่ข้างนอก
“สวัสดีค่ะ เราอยากจะพ่นยากันยุงในห้องของคุณ”
โอ นั่น คือสิ่งที่คนที่ไม่สวมใส่เสื้อผ้าครึ่งตัว ต้องการ ผมอนุญาต ให้ผู้ชายเข้ามาข้างในและพ่นยาฉีดยุง ผมต้องอยู่นอกห้อง 5 นาที ขณะที่ยาแพร่กระจาย เอาละ ยอม , ให้ทำได้ .
ช่วงค่ำไม่มีอะไรเลวร้าย ที่ชอบก็คือ ทีวี120 ช่อง ที่ไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่ที่น่าสนใจก็คือกดหาช่องต่างๆ นอกจากช่องทีวีไทยที่มีร่วม100 ช่อง ก็มีช่องทีวีเนปาล ช่องปากีสถาน ช่องโซมาเลีย ช่องเติร์ก , ลาว และก็พบอีกแล้ว ช่องเกาหลีเหนือ ผมดูช่องเกาหลีเหนือครู่หนึ่ง เหมือนดูซ้ำกับที่ได้ดู ตอนอยู่ในประเทศลาวเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ก็พบช่องคริสเตียน. มีช่องคริสเตียนอยู่ 4-5 ช่อง ช่องทีวีคริสเตียน เป็นภาษาอังกฤษทุกช่อง ทุกครั้งที่ผมดูช่องคริสเตียน (ซึ่งก็ดูเป็นบางครั้ง) พวกเขาจะพูดถึงเรื่องการกลับมาของพระคริสต์ พวกเขาจะพูดเรื่องการกลับมาของพระคริสต์อีกนานเท่าไหร่ ตอนนี้ คนที่ดูทุกวัน เป็นปกติจะเข้าใจไหม. ยังมีช่วงจบ ,ซึ่งเป็นช่วงจบที่เกี่ยวข้องกับคนอื่น แต่ด้วยถ้อยคำบางอย่าง
“พระเจ้าต้องการให้คุณมีสุขภาพดี”
หลังจากนั้น เป็นข้อความ ที่กล่าวเป็นครั้งที่ 5 เพื่อให้ถวายเงินให้กับผู้เทศนา (ให้ดูว่า ในใจของคุณ จะถวาย100 ดอลลาร์ หรือเพียง50 ดอลลาร์ ...หรือ 100 ดอลลาร์ดีกว่า),ผมเบื่อและไปนอน.

เส้นทางวันนี้
[SR] ไปดูรีวิวของนักท่องเที่ยวด้วยจักรยาน(ตอนที่8)
วันที่57:สุราษฎร์ธานี ไปสิชล
วันพุธ ที่ 6 กพ.2013, 105 กม. ระยะทางรวม 3,737 กม.
ผมคิดว่า ได้พัฒนาการกินที่ไม่เป็นระเบียบ หรืออย่างน้อยเกี่ยวกับการบ้ากิน ผมกังวลอยู่เสมอว่ากินพอแล้วหรือยัง ผมไปที่ร้านขายอาหารแห่งหนึ่ง กินอาหารหนึ่งมื้อ พอออกมาจากร้าน จะคิดว่าควรจะกินอีกไหม แต่อิ่มแล้ว แต่อาจจะรู้สึกหิวอีก แต่ตอนนั้น มันสายไปแล้ว จะเป็นอะไรถ้า มีพลังงานไม่พอที่จะปั่นในวันพรุ่งนี้ คิดมากไปหรือไม่ รู้ว่าพอการท่องเที่ยวนี้เสร็จสิ้น ลง ผมจะกลับไปเซี้ยงไฮ้ จะไม่รู้สึกเช่นนั้น อีกต่อไป นั่นคือความสบายใจ.
ผมยุ่งยากกับการขี่ออกจากเมืองเช้าวันนี้ ขี่ไปตามถนนสายหลักไปทางทิศตะวันออก เพื่อบรรจบกับทางหลวงสาย 401 แต่ถนนสายหลักเปลี่ยนจากถนนที่ขับขี่สองทาง(ทูเวย์) เป็นขับขี่ทางเดียว(วันเวย์) หลายแห่ง จึงขี่(ย้อนศร) ไปตามข้างถนนเล็กๆ เพื่อไปยังที่ที่ต้องการไป, และจากนั้น อีก500 เมตร ก่อนถึงทางหลวงแผ่นดิน ถนนเป็นทางวันเวย์อีก เวลานี้มีตำรวจจราจรคนหนึ่งกำลังควบคุมจราจร .และกำลังมองมาที่ผม ต้องเลี้ยวกลับ ไปอีก สองสามช่วงตึก จนไปพบถนนอีกสายหนึ่ง. ที่จะให้ผมไปยังทางหลวงแผ่นดินได้.
ถึงตอนนี้ คุณควรรู้ว่า ผมชอบทิวทัศน์ข้างแม่น้ำ, อยู่นอกเมืองสุราษฎร์ธานี.
ช่วง20 กม.แรก อยู่บนทางหลวงแผ่นดิน เป็นเรื่องน่าเบื่องเร็ว เสียงดังของล้อรถยนต์ที่วิ่งไปไม่หยุด มีพลังมากกว่าเสียงใดๆที่มี . ในสถานการณ์นั้น มันเป็นการมุ่งไปข้างหน้าให้เร็วที่สุด ในความเห็นของผม นี่ไม่ใช่การท่องเที่ยวอย่างแท้จริง .
ดังนั้น จึงเลี้ยวไปทางทิศใต้ ไปยังถนนสายที่เล็กกว่า และหยุดกินกาแฟที่ร้านขายกาแฟชื่อว่า “ดีคัพ” ชื่อที่ผมชอบ แม้ว่า คนขายผู้หญิงจะไม่มีสิ่งใดที่เหมาะสมกับชื่อ.
ไม่นานเลี้ยวไปยังถนนที่เล็กลงไปอีก. และทางนี้เป็นถนนสายเล็กที่ยอดเยี่ยม. แคบและไม่มีรถ, เลี้ยวหักมุม และโค้ง , ปกคลุมด้วยต้นกล้วยและต้นยาง นั่นคือสิ่งที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ,มีช่วงที่เป็นถนนกรวดหลายแห่ง แต่ก็ดี เป็นถนนกรวดที่ราบเรียบ ไม่ทำให้ขี่ช้าลง.
ถนนที่ยอดเยี่ยมในตอนเช้า.
ยางที่จับตัวแข็งเป็นก้อน
พอมาทางทิศใต้ เริ่มรู้สึกหิวอีก จึงสอบถามคนท้องถิ่นที่อยู่แถวนั้น ว่าที่ไหนขายอาหารบ้าง พวกเขาบอกว่า "ให้ขี่ย้อนกลับไป" แต่ผมพบร้านค้าเล็กๆ เจ้าของร้านต้มน้ำเพื่อให้กินกับบะหมี่สำเร็จรูป และยังกินแค๊กเกอร์ อีกจำนวนหนึ่ง นั่นที่ต้องกิน.
ขี่มาทางทิศใต้ ต่อมา ตอนนี้ถนนเปลี่ยนเป็นถนนปนดินและหิน. กำลังเข้าไปยังพื้นที่เปิดใหม่ เมื่อไม่นานมานี้ , ข้างทางยังเป็นต้นยาง , ต้นปาล์ม และสวนกล้วยที่มีร่องรอย การตัดโค่นป่าฝนเมื่อไม่นานมานี้ พอขึ้นเนินไปอีกหน่อย ยังมีสภาพป่าไม้
ช่วง12 กม. ต่อไปค่อนข้างยาก ถนนดินและมีร่องแคบ มีหิน ภูมิประเทศเป็นเนินเขา ต้องลงเนินและขึ้นเนินชัน ทำให้คิดถึงตอนเดินทางในประเทศไทยและประเทศลาว สนุกที่อยู่ในภูมิประเทศนั้นอีกครั้ง . แต่ก็สบายใจที่ จะอยู่ในช่วงนั้น เป็นเวลา 1 ชม.หรือ ราวๆนั้น แทนที่จะอยู่ทั้งวัน
ช่วงแรกถนนดิน ยังราบเรียบและอยู่ในระดับปกติ
ถนนที่อยู่ในกำหนดการที่จะปรับปรุงให้ดีขึ้น . มีสะพานแล้ว มองเห็นสะพานเก่าอยู่หลังสะพานใหม่.
ผมต้องข้ามลำธารหลายแห่ง ในช่วง 12กม.นี้.ช่วงแรก, หิ้วสัมภาระข้ามช่วงนี้ , ช่วงต่อมา เพียงอีกไม่กี่ร้อยเมตร ถัดมา ต้องการวิธีการที่ง่ายที่สุด ดังนั้น จึงถอดรองเท้าและถุงเท้าออกและลุยข้าม นั่นเป็นความสบายใจมาก .จำได้ว่า ทุกครั้งที่ต้องข้ามลำธารหรือแม่น้ำ คิดว่า เป็นที่สุดท้ายแล้ว แต่พอไปอีกไม่กี่นาที ก็มีลำธาร มันค่อนข้างซ้ำๆ แล้วตอนนี้ และไม่ต้องการเสียเวลา จึงขี่ข้ามไปโดยใช้เกียร์ต่ำ ก็ไปได้ดี และจากนั้น เมื่อไปได้อีก ไม่เกิน 100 เมตร หลังจากขี่ข้ามลำธารมา ถนนดินสายเล็กๆ ก็เชื่อมเข้ากับทางหลวงสาย4088 ที่ราบเรียบและราดยางมะตอยเรียบร้อย ทางที่เป็นหินและเนินดิน 12 กม.ผ่านพ้นไปแล้ว แต่ในช่วงไม่กี่เมตรสุดท้ายทางสาย 4088 ก็เปลี่ยนเป็นถนนดินอีกครั้ง ยังมีลำธารเล็กๆให้ข้าม ก่อนเข้าทางหลวงสาย4088 และการขับขี่สบายก็เริ่มขึ้น.
น้ำแห่งแรกที่ต้องข้าม ผมปลดกระเป๋าจักรยานออกและหิ้วข้ามน้ำครั้งที่2
น้ำช่วงที่สอง ช่วงนี้ถอดรองเท้าและถุงเท้า
มาแล้ว ถนนลาดยางมาถึงแล้ว.
พอกลับมาขี่บนถนนยางมะตอย ขึ้นเนิน ไปสักครุหนึ่ง ก็มาถึงยอดเขา ระหว่างเนินเขาที่มีหลักซิเมนต์ข้างทาง หยุดพัก ช่วงการขับขี่ที่ยากลำบาก ไปสิชล นี่คือสิ่งที่ผมได้ (บางครั้ง กฎเมอร์ฟี่ ก็ไม่ได้)
บนยอดเนิน มีหลักซิเมนต์ข้างทาง.
ช่วงขี่อย่างสบายใจ ในอีกไม่กี่กม.สุดท้ายเข้าไปสิชล.
ถึงสิชล เวลา ประมาณ15.00 น. เริ่มมองหาโรงแรม ในช่วงแรก ไม่พบสักแห่ง มีโรงแรมอยู่หนึ่งแห่ง ตรงสี่แยกไฟแดงใหญ่ของเมือง (เป็นทำเลที่ดี) หรืออย่างน้อย ก็ใกล้เมือง ผมไม่พบร้านอินเทอร์เน็ตที่มีwifi ปกติจะมีอยู่ทั่วไป แต่ที่นี่ไม่มี ในที่สุด พบร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่และเช็คออนไลน์ มีสัญญาณ แล้ว ผมใช้แผนที่ของ longdo.com ซึ่งแสดงโรงแรมที่มีในประเทศไทย ทั้งโรงแรมเล็ก โรงแรมใหญ่ วางซ้อนบนGoogle Maps. พบโรงแรม4 แห่ง อยู่ในอาณาเขตเมือง ขี่ไปดูทุกแห่ง ไม่มีสักแห่ง ที่มีอินเทอร์เน็ต จึงไปหยุดที่โรงแรมที่มีชาวเยอรมันเป็นผู้ถือหุ้น ( ตามป้ายที่บอก) ด้วยความหวังว่า อย่างน้อยก็บริหารด้วยความเที่ยงตรงและคุณภาพแบบเยอรมัน.
ห้องแบบธรรมดา ตกลงกันที่ ราคา380 บาท. พวกเขาลืมให้กุญแจ ตอนผมเช็คอิน, จึงโทรศัพท์เรียกหุ้นส่วน และขอกุญแจ พยายามส่งความหมาย โดยการไปยืนอยู่ข้างนอก และชี้ไปที่ลูกบิดประตู ทำท่าทางว่ากำลังถือกุญแจในมือ พนักงานที่เป็นหุ้นส่วนจับลูกบิด กดปุ่มล็อคที่อยู่ข้างใน และปิดประตู เธอยิ้มกับผม ภารกิจของเธอจบแล้ว . ทำให้ผมต้องเล่นคำทายปริศนาต่ออีกเพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่ต้องการล๊อคประตู และปัญหาก็คือว่า ประตูล๊อคจน ผมเข้าห้องไม่ได้ พอเธอเห็นท่าทาง เธอกลับไปที่สำนักงานไปหยิบกุญแจ . ผมเข้ามาในห้องได้
“ ผมขอกุญแจได้ไหม?” ผมผายมือให้เธอดูว่า ผมไม่มีกุญแจ
“ไม่, เป็นไปไม่ได้”
เธอบอกว่า ผมต้องไปที่แผนกต้อนรับ ถ้าผมต้องการกุญแจ เปิดประตู เมื่อใดก็ตามที่ต้องการใช้กุญแจ
ผมอาบน้ำและออกไปหาอาหารกิน เมื่อกลับมา ผมขอให้เจ้าของเปิดประตูให้ผมเข้าไปในห้อง(เธอพูดภาษาอังกฤษได้บ้าง เนื่องจากมีความสัมพันธ์กับตามกฎหมายกับชาย ชาวเยอรมัน)
“โปรดเปิดประตู ห้องของผมด้วย” ผมบอก
“คุณล๊อคประตูหรือ”
ผมอาจล๊อคประตู โดยไม่ตั้งใจ หรือผมอาจออกจากห้อง โดยยังทิ้งสิ่งของที่มีค่าไว้ข้างใน.
หลังจากเข้ามาในห้อง . อีกไม่กี่นาทีต่อมา มีเสียงเคาะที่ประตู มีเสียงผู้ชายเรียก ตอนนี้มืดแล้วและผมมองไม่ชัด แต่พอเปิดประตู เห็นผู้ชายไทย ใส่กางเกงใน ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวด มองเหมือนผ้าขนหนู ที่พาดพบไหล่ของเขา มือถือขวดแชมพู ,ผมไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดอะไร แต่พอผมแปลความหมายจากมือไม้ของเขา และลักษณะที่แสดงออกภายนอก ก็ได้ความหมายว่า เขาอยากจะใช้ห้องน้ำของผมเพื่ออาบน้ำฝักบัว
“ไม่ได้” ผมพูดแล้วปิดประตู “นี่ เกิดอะไรขึ้น?”
มีเสียงเคาะประตู อีก ทีนี้มีผู้หญิงที่พูดภาษาอังกฤษได้อยู่ข้างนอก
“สวัสดีค่ะ เราอยากจะพ่นยากันยุงในห้องของคุณ”
โอ นั่น คือสิ่งที่คนที่ไม่สวมใส่เสื้อผ้าครึ่งตัว ต้องการ ผมอนุญาต ให้ผู้ชายเข้ามาข้างในและพ่นยาฉีดยุง ผมต้องอยู่นอกห้อง 5 นาที ขณะที่ยาแพร่กระจาย เอาละ ยอม , ให้ทำได้ .
ช่วงค่ำไม่มีอะไรเลวร้าย ที่ชอบก็คือ ทีวี120 ช่อง ที่ไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่ที่น่าสนใจก็คือกดหาช่องต่างๆ นอกจากช่องทีวีไทยที่มีร่วม100 ช่อง ก็มีช่องทีวีเนปาล ช่องปากีสถาน ช่องโซมาเลีย ช่องเติร์ก , ลาว และก็พบอีกแล้ว ช่องเกาหลีเหนือ ผมดูช่องเกาหลีเหนือครู่หนึ่ง เหมือนดูซ้ำกับที่ได้ดู ตอนอยู่ในประเทศลาวเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ก็พบช่องคริสเตียน. มีช่องคริสเตียนอยู่ 4-5 ช่อง ช่องทีวีคริสเตียน เป็นภาษาอังกฤษทุกช่อง ทุกครั้งที่ผมดูช่องคริสเตียน (ซึ่งก็ดูเป็นบางครั้ง) พวกเขาจะพูดถึงเรื่องการกลับมาของพระคริสต์ พวกเขาจะพูดเรื่องการกลับมาของพระคริสต์อีกนานเท่าไหร่ ตอนนี้ คนที่ดูทุกวัน เป็นปกติจะเข้าใจไหม. ยังมีช่วงจบ ,ซึ่งเป็นช่วงจบที่เกี่ยวข้องกับคนอื่น แต่ด้วยถ้อยคำบางอย่าง
“พระเจ้าต้องการให้คุณมีสุขภาพดี”
หลังจากนั้น เป็นข้อความ ที่กล่าวเป็นครั้งที่ 5 เพื่อให้ถวายเงินให้กับผู้เทศนา (ให้ดูว่า ในใจของคุณ จะถวาย100 ดอลลาร์ หรือเพียง50 ดอลลาร์ ...หรือ 100 ดอลลาร์ดีกว่า),ผมเบื่อและไปนอน.
เส้นทางวันนี้