นักเศรษฐศาสตร์ระบุโครงการประชานิยมสุดฮิต "รถคันแรก" ส่งผลให้หนี้ภาคครัวเรือนพุ่ง
รศ.ดร.ณรงค์ เพชรประเสริฐ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยถึงนโยบายโครงการรถยนต์คันแรก ซึ่งเป็นนโยบายประชานิยมของรัฐบาล ว่าเป็นการกระตุ้นให้ประชาชนก่อหนี้โดยใช่เหตุ โดยอาจทำให้ผู้ที่ไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ หรือชำระค่างวดได้เพียงบางส่วน หาช่องทางเปลี่ยนมือก่อนที่จะครบกำหนด ซึ่งก็เทียบเคียงกับปัญหาการซื้อขายผลิตภัณฑ์การเงินในสหรัฐอเมริกา จนลุกลามนำไปสู่วิกฤตการเงิน หรือ ซับไพรม์ ในปี 2551
นอกจากนั้น โครงการรถยนต์คันแรกยังเพิ่มความนิยมในกลุ่มชั้นกลางในเมือง แต่ขาดการเตรียมพร้อมรับมือผลกระทบ ตั้งแต่ปัญหาจราจร ถึง หนี้นอกระบบ ซึ่งคาดว่า ปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนจะรุนแรงขึ้นตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป
รศ.ดร.ณรงค์ กล่าวด้วยว่า ด้านธนาคารแห่งประเทศไทยกำลังติดตามผลกระทบจากการขยายตัวหนี้ภาคครัวเรือน หลังพบว่า สินเชื่อบริโภคอุปโภคส่วนบุคคลปีที่แล้ว ขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะสินเชื่อจากการซื้อ หรือ เช่าซื้อรถยนต์ ขยายตัวอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยร้อยละ 30 หรือมีหนี้สะสมในธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบกว่า 750,000 ล้านบาท เช่นเดียวกับหนี้บัตรเครดิตกว่า 640,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับยอดหนี้สินเชื่อบริโภคอุปโภคส่วนบุคคล ทั้งหมด 2,700,000 ล้านบาท
ปล.ยังมีอีกเยอะครับ ที่จะตามมา....เราจะกระชากค่าครองชีพ..ให้สู้ขึ้น ไอ้แม้วคิด เผาไทยทำ...เอิ๊ก ๆ ๆ
นโยบายประชานิยม...เริ่มทำงานแล้วครับ
รศ.ดร.ณรงค์ เพชรประเสริฐ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยถึงนโยบายโครงการรถยนต์คันแรก ซึ่งเป็นนโยบายประชานิยมของรัฐบาล ว่าเป็นการกระตุ้นให้ประชาชนก่อหนี้โดยใช่เหตุ โดยอาจทำให้ผู้ที่ไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ หรือชำระค่างวดได้เพียงบางส่วน หาช่องทางเปลี่ยนมือก่อนที่จะครบกำหนด ซึ่งก็เทียบเคียงกับปัญหาการซื้อขายผลิตภัณฑ์การเงินในสหรัฐอเมริกา จนลุกลามนำไปสู่วิกฤตการเงิน หรือ ซับไพรม์ ในปี 2551
นอกจากนั้น โครงการรถยนต์คันแรกยังเพิ่มความนิยมในกลุ่มชั้นกลางในเมือง แต่ขาดการเตรียมพร้อมรับมือผลกระทบ ตั้งแต่ปัญหาจราจร ถึง หนี้นอกระบบ ซึ่งคาดว่า ปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนจะรุนแรงขึ้นตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป
รศ.ดร.ณรงค์ กล่าวด้วยว่า ด้านธนาคารแห่งประเทศไทยกำลังติดตามผลกระทบจากการขยายตัวหนี้ภาคครัวเรือน หลังพบว่า สินเชื่อบริโภคอุปโภคส่วนบุคคลปีที่แล้ว ขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะสินเชื่อจากการซื้อ หรือ เช่าซื้อรถยนต์ ขยายตัวอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยร้อยละ 30 หรือมีหนี้สะสมในธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบกว่า 750,000 ล้านบาท เช่นเดียวกับหนี้บัตรเครดิตกว่า 640,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับยอดหนี้สินเชื่อบริโภคอุปโภคส่วนบุคคล ทั้งหมด 2,700,000 ล้านบาท
ปล.ยังมีอีกเยอะครับ ที่จะตามมา....เราจะกระชากค่าครองชีพ..ให้สู้ขึ้น ไอ้แม้วคิด เผาไทยทำ...เอิ๊ก ๆ ๆ