อดีตนักวิชาการสายเศรษฐกิจที่เคยทำงานกับนายทักษิณ ชินวัตร และน้องสาวยิ่งลักษณ์ไม่ต่ำกว่าครึ่งโหลได้ออกมาเตือนภัยหายนะทางเศรษฐกิจที่เป็นผลงานของรัฐบาลพรรคเพื่อทักษิณในรอบ 2 ปีกว่าที่ผ่านมา ว่ารัฐบาลกำลังพาประเทศลงเหวโดยเฉพาะนโยบายประชานิยมบริหารจนเละเทะและแถมยังดื้อไม่รับฟังใคร
กลุ่มคนเหล่านี้ ได้แก่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล คุณพ่อของหม่อมปลื้ม, ดร.วีรพงษ์ รามางกูร, ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์, ดร.ทนง พิทยะ, ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี, นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล, นายสมพล เกียรติไพบูลย์ และดร.ธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
โดยเฉพาะดร.สมคิดได้ยกตัวอย่างว่า ระวังไทยจะเป็นเหมือนฟิลิปปินส์ที่บริหารตามนโยบายการเมืองมากเกินไปจนประเทศไม่เจริญ การบริหารที่ผิดพลาด ขาดการปฏิรูปแก้ไขและการทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวงโดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ดที่ผ่านมาถือว่าล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงและรุนแรง
ตอนนี้เห็นอาการทรุดของเศรษฐกิจพร้อมๆ กันของ 4 เสาหลักคือ การส่งออก การบริโภคในประเทศ ภาคการลงทุน ขณะที่การใช้จ่ายของรัฐบาลในระยะสั้นนั้นไม่ทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ แต่หากเศรษฐกิจโลกปรับตัวดีขึ้น เศรษฐกิจไทยอาจจะฟื้นขึ้นได้ แต่ก็เป็นการเติบโตที่เปราะบาง
ดร.ทนงเป็นอีกคนที่ออกมาระบุว่า โครงการหลายโครงการไปเน้นที่คะแนนเสียงไม่ได้มองข้อเท็จจริงทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวช้ากว่าชาติอื่นๆ ในเอเชีย ปัจจุบันไทยไม่มีปัญหาการว่างงาน ส่วนใหญ่คนไทยมีงานทำแถมรายได้คนเก่งในภาคเอกชนก็ยังสูง ขณะนี้ไทยขาดแรงงานมาก ดอกเบี้ยต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านเงินเฟ้อก็น้อยแต่เศรษฐกิจกลับโตน้อยเพราะรัฐบาลใช้นโยบายผิดๆ
การใช้นโยบายประชานิยมที่ผิดๆ การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำกระทบต้นทุนและราคาขายของผู้ส่งออก โครงการจำนำข้าวรัฐไม่ได้ขายข้าวกลับไปเก็บไว้ในสต๊อกจนล้นไม่มีที่เก็บแถมทำให้ราคาข้าวเปลือกตกต่ำ นโยบายรถคันแรกทำให้ผู้ที่ผ่อนซื้อมีภาระต้องจ่ายค่าน้ำมัน ค่าซ่อมบำรุง ค่าประกันภัยและค่าดอกเบี้ยรวมทั้งเงินต้น ปัจจัยนี้จะมีผลลบต่อไปหลายปี ภาระเหล่านี้จะกดดันกำลังซื้อสินค้าด้านอื่นๆ ลดลง
นอกจากนี้หนี้ครัวเรือนของไทยมีมากเมื่อรัฐดำเนินนโยบายการคลังแบบกระตุ้นควรปล่อยให้ธนาคารชาติดำเนินนโยบายการเงินแบบระมัดระวังเพื่อถ่วงดุล แต่รัฐมนตรีคลังกลับพยายามกดดันธนาคารชาติให้ลดดอกเบี้ยทำให้ดอกเบี้ยต่ำในขณะที่การลงทุนภาคเอกชนไม่ขยายตัวมากนัก
โครงการรับจำนำข้าวขาดทุนถึง 480,000 ล้านบาท เป็นภาระต่องบประมาณของประเทศอย่างมากมีผู้หาประโยชน์จากชาวนามีการทุจริตถึง 120,000 กว่าล้านบาท การคลังของรัฐจะพินาศเพราะโครงการนี้ไม่ได้ช่วยเหลือเกษตรกรอย่างที่รัฐบาลหาเสียง เสียงเตือนเหล่านี้รัฐบาลไม่ยอมรับฟังแต่อย่างใดน่าสงสารประเทศไทยจริงๆ
# แนวหน้า (2พ.ย.)
เตือนภัยหายนะเศรษฐกิจ.......กับรัฐบาลชุดนี้
กลุ่มคนเหล่านี้ ได้แก่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล คุณพ่อของหม่อมปลื้ม, ดร.วีรพงษ์ รามางกูร, ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์, ดร.ทนง พิทยะ, ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี, นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล, นายสมพล เกียรติไพบูลย์ และดร.ธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
โดยเฉพาะดร.สมคิดได้ยกตัวอย่างว่า ระวังไทยจะเป็นเหมือนฟิลิปปินส์ที่บริหารตามนโยบายการเมืองมากเกินไปจนประเทศไม่เจริญ การบริหารที่ผิดพลาด ขาดการปฏิรูปแก้ไขและการทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวงโดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ดที่ผ่านมาถือว่าล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงและรุนแรง
ตอนนี้เห็นอาการทรุดของเศรษฐกิจพร้อมๆ กันของ 4 เสาหลักคือ การส่งออก การบริโภคในประเทศ ภาคการลงทุน ขณะที่การใช้จ่ายของรัฐบาลในระยะสั้นนั้นไม่ทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ แต่หากเศรษฐกิจโลกปรับตัวดีขึ้น เศรษฐกิจไทยอาจจะฟื้นขึ้นได้ แต่ก็เป็นการเติบโตที่เปราะบาง
ดร.ทนงเป็นอีกคนที่ออกมาระบุว่า โครงการหลายโครงการไปเน้นที่คะแนนเสียงไม่ได้มองข้อเท็จจริงทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวช้ากว่าชาติอื่นๆ ในเอเชีย ปัจจุบันไทยไม่มีปัญหาการว่างงาน ส่วนใหญ่คนไทยมีงานทำแถมรายได้คนเก่งในภาคเอกชนก็ยังสูง ขณะนี้ไทยขาดแรงงานมาก ดอกเบี้ยต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านเงินเฟ้อก็น้อยแต่เศรษฐกิจกลับโตน้อยเพราะรัฐบาลใช้นโยบายผิดๆ
การใช้นโยบายประชานิยมที่ผิดๆ การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำกระทบต้นทุนและราคาขายของผู้ส่งออก โครงการจำนำข้าวรัฐไม่ได้ขายข้าวกลับไปเก็บไว้ในสต๊อกจนล้นไม่มีที่เก็บแถมทำให้ราคาข้าวเปลือกตกต่ำ นโยบายรถคันแรกทำให้ผู้ที่ผ่อนซื้อมีภาระต้องจ่ายค่าน้ำมัน ค่าซ่อมบำรุง ค่าประกันภัยและค่าดอกเบี้ยรวมทั้งเงินต้น ปัจจัยนี้จะมีผลลบต่อไปหลายปี ภาระเหล่านี้จะกดดันกำลังซื้อสินค้าด้านอื่นๆ ลดลง
นอกจากนี้หนี้ครัวเรือนของไทยมีมากเมื่อรัฐดำเนินนโยบายการคลังแบบกระตุ้นควรปล่อยให้ธนาคารชาติดำเนินนโยบายการเงินแบบระมัดระวังเพื่อถ่วงดุล แต่รัฐมนตรีคลังกลับพยายามกดดันธนาคารชาติให้ลดดอกเบี้ยทำให้ดอกเบี้ยต่ำในขณะที่การลงทุนภาคเอกชนไม่ขยายตัวมากนัก
โครงการรับจำนำข้าวขาดทุนถึง 480,000 ล้านบาท เป็นภาระต่องบประมาณของประเทศอย่างมากมีผู้หาประโยชน์จากชาวนามีการทุจริตถึง 120,000 กว่าล้านบาท การคลังของรัฐจะพินาศเพราะโครงการนี้ไม่ได้ช่วยเหลือเกษตรกรอย่างที่รัฐบาลหาเสียง เสียงเตือนเหล่านี้รัฐบาลไม่ยอมรับฟังแต่อย่างใดน่าสงสารประเทศไทยจริงๆ
# แนวหน้า (2พ.ย.)