ลิขิตรักธารามังกร บทที่ 4. ความลับอันซ่อนเร้น

กระทู้สนทนา
กระแสลมยะเยือกกรีดผิว กระโชกแรงจากหน้าต่างที่ถูกทะลายลง เปลวเทียนในห้องวูบไหวไปมาจวนเจียนจะดับเสียให้ได้ บังเกิดเงาวูบวาบเคลื่อนไหวไม่หยุดยั้ง ดั่งฝูงปีศาจมากมายวนเวียนหมายทวงคืนชีวิต

สภาพร่างเถียนฟู่โหย่วยังอุ่นๆ แสดงว่าเพิ่งถูกสังหารไม่นาน!

นางพยายามตั้งสติระงับความตื่นตระหนก รีบตรวจสอบสภาพใบหน้าร่างไร้วิญญาณเบื้องหน้า หวังพบพิรุธร่องรอยการปลอมแปลงโฉม ทว่าตรวจละเอียดถ้วนถี่กลับไม่พบสิ่งใดผิดปกติ แม้มิได้พบหน้าค่าตาหลายปี แต่ยังจำอดีตเสนาบดีโยธาผู้นี้ได้แม่นยำ คนผู้นี้คือเถียนฟู่โหย่วอย่างแน่นอน!

นางทราบว่าสถานการณ์คับขันจวนตัว ไม่เสียเวลาขบคิดมากความ รีบตรวจค้นบนร่างเถียนฟู่โหย่ว แต่กลับไม่พบหลักฐานอื่นใด รื้อค้นภายในห้องอย่างละเอียดก็ไม่พบร่องรอยใดเช่นกัน ซึ่งความจริงหากอดีตเสนาบดีโยธาผู้นี้เก็บหลักฐานอันใดไว้กับตัว ย่อมต้องถูกผู้ลงมือสังหารแย่งชิงไปแล้ว ดังนั้นไม่มีประโยชน์จะรั้งอยู่ที่นี่

เสี้ยวอึดใจ ก่อนจะโผทะยานร่างผละออกจากห้อง บังเกิดเสียงดังโครม ประตูบ้านพังทลายเปิดออก!

เงาร่างสายหนึ่งพุ่งวาบเข้ามาภายใน นางถลันร่างหลบเลี่ยงอย่างเฉียดฉิว รีบวกร่างหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้า จี้กระบี่สั้นจู่โจมเข้าใส่ทันที!

แต่ก่อนประกายกระบี่สั้นบรรลุถึงเป้าหมาย ผู้บุกรุกเบื้องหน้าโพล่งเสียงเร่งร้อน

“ข้าพเจ้าเอง!” เป็นเสียงของหานอี้ซิน

บุรุษร่างใหญ่หันขวับ สำรวจสภาพภายในห้อง พลางเอ่ยถาม

“ได้ตัวเถียนฟู่โหย่วหรือไม่”

นางระงับความแตกตื่น รีบตอบร้อนรน

“เถียนฟู่โหย่วถูกสังหารอยู่ในห้อง!”

หานอี้ซินสะดุ้งตกใจ รุดตรงไปดูสภาพศพเถียนฟู่โหย่ว  เพียงมองปราดก็ออกมา

“รีบหนี ไม่มีประโยชน์จะอยู่ที่นี่แล้ว”

สิ้นประโยค รอบตัวบ้านบังเกิดเสียงสายลมปะทะร่างผู้คนจำนวนมาก ทั้งหมดใช้วิชาตัวเบาละลิ่วร่างมุ่งตรงมาอย่างรวดเร็ว ต่างแยกย้ายกระจายกำลังคิดปิดสกัดทุกเส้นทางหลบหนีหมดสิ้น เพียงบรรลุถึงตัวบ้านต่างระดมยิงเกาทัณฑ์สั้นเข้าใส่ภายในเป็นจุดเดียว หมายเข่นฆ่าสังหารทุกผู้ที่อยู่ในบ้านให้สิ้น!

หานอี้ซินรีบฉุดดึงร่างนางมาข้างกาย โสตซึ่งสดับจับความเคลื่อนไหวของศัตรูแต่แรก จำแนกออกว่าหน้าบ้านกลับเป็นตำแหน่งซึ่งศัตรูเบาบางที่สุด ร่างสูงใหญ่กระชากร่างนางละลิ่วตามติด อาศัยวิชาตัวเบาดั่งเหินบิน หลบเลี่ยงพายุเกาทัณฑ์ทะลวงสู่เบื้องนอก

ประกายดาบสั้นในมือบุรุษหนุ่ม สะท้อนรัศมีดาราวาบออกเป็นวงกว้างสีเงินยวง บัดนั้นโลหิตแดงฉานสาดกระจายรอบบริเวณ เหล่ามือสังหารทอดร่างกลายเป็นศพหมดสิ้นในพริบตา!

นางแทบไม่เชื่อภาพที่ปรากฏตรงหน้า มือสังหารสี่คนหลอดลมสะบั้นสิ้น ภายใต้ประกายดาบเพียงวาบเดียวของหานอี้ซิน! พลังฝีมือของบุรุษร่างใหญ่ลึกล้ำจนเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!

แม้นางตระหนักดีว่า เหตุหนึ่งที่ทำให้บุรุษร่างใหญ่ลงมือประสบผล เนื่องเพราะเหล่ามือสังหารไม่คาดว่า ผู้อยู่ภายในบ้านจะกล้าทะลวงฝ่าพายุเกาทัณฑ์ออกมา กระนั้นด้วยพลังฝีมือสูงเยี่ยมเพียงนี้ยิ่งระบุชัด หานอี้ซินต้องมิใช่บุคคลธรรมดาผู้ไร้ชื่อเสียงเรียงนาม หากคนผู้นี้เคยอยู่หน่วยพยัคฆ์คำรณจริง ต้องดำรงตำแหน่งไม่ต่ำต้อย

ยามนั้น หานอี้ซินใช้เชือกปลายติดตะขอของนางอย่างชำนาญ ร่างใหญ่แบกนางไว้บนหลังอย่างมั่นคงดุจสิ่งของไร้น้ำหนัก เพียงชั่วอึดใจอาศัยเชือกเส้นเดียว เหวี่ยงเกาะเกี่ยวกิ่งไม้ใหญ่ต้นแล้วต้นเล่า ชั่วอึดใจก็ทะยานร่างออกจากใจกลางบึงกว้าง ทิ้งเหล่ามือสังหารไว้เบื้องหลังไกลลิบ

ในที่สุดทั้งสองกลับมาสู่ขอบริมบึงภูตจันทรา ต่างหลบซุ่มนิ่งเงียบหลังต้นไม้ตระหง่าน จากสภาพภูมิประเทศและตำแหน่งแห่งที่ทิศทาง แสดงว่าอยู่คนละด้านกับเมื่อแรกที่เข้ามา เหล่ามือสังหารเงียบเสียงติดตามไปแล้ว แต่คาดว่าพวกมันคงไม่เลิกติดตามโดยง่าย ไม่แน่อาจมีแผนการใดล้อมจับคนทั้งสอง ยามนี้ยังไม่อาจคลายความระแวดระวัง

นางกระซิบถามแผ่วเบา เร่งร้อน

“ทำไมเป็นเช่นนี้ ใครสังหารเถียนฟู่โหย่ว!”

หานอี้ซินส่ายหน้า ขมวดคิ้วมุ่นครุ่นคิด

“ข้าพเจ้าไม่ทราบ ท่านไม่พบหลักฐานใดบนตัวเถียนฟู่โหย่วใช่หรือไม่”

นางพยักหน้ารับคำ กล่าวสำทับ

“ข้าพเจ้าตรวจถ้วนถี่แล้ว ในห้องก็ไม่มีหลักฐานใดทั้งสิ้น คราวนี้พวกเรามาเสียเที่ยวแล้ว”

หานอี้ซินนิ่งคิดชั่วอึดใจ พลันส่ายหน้าช้าๆ จู่ๆ บุรุษหนุ่มอุทานโพล่งขึ้น

“มิแน่ว่า...เร็ว! รีบตามมา!”

นางไหนเลยมีเวลาสอบถามว่าเป็นเรื่องอันใด ได้แต่เร่งฝีเท้าทะยานตามติดเต็มกำลัง ครั้นเข้ามากระชั้นทันกัน รีบเอ่ยถามอย่างร้อนรน

“ท่านจะไปไหน”

“คนที่อยู่บนเรือ! อาจมีหลักฐานอยู่ในตัวคนผู้นั้น!”

นางอุทานด้วยคาดไม่ถึง ห้วงความคิดยิ่งมึนงง จับต้นชนปลายเรื่องราวไม่ถูก แวบนั้นค่อยฉุกคิดได้ว่า นางเคยเกิดความสงสัยตั้งแต่แรก ว่าเพราะเหตุใดเพียงเห็นเรือแล่นออกจากบึงเข้าสู่ลำน้ำแขนง หานอี้ซินกลับทราบว่านี่เป็นกับดัก สามารถเตือนนางให้หนีได้ทันท่วงที ความสงสัยประการนี้ถูกลืมเลือนไปชั่วขณะ เพราะเหตุเปลี่ยนแปรพลิกผันทั้งหลายที่เกิดขึ้น ยามนี้พลันได้คิดอีกครั้ง

ไม่เพียงเท่านั้นความสงสัยเมื่อบังเกิด ย่อมเชื่อมโยงให้พบข้อสงสัยอีกหลายประการติดตาม หานอี้ซินในเมื่อช่วยเหลือนาง หลอกล่อเหล่ามือสังหารไปอีกทิศทางหนึ่ง แล้วไฉนจึงวกกลับไปพบนางในบ้านกลางบึงได้ทันท่วงที

คล้ายดั่งบุรุษร่างใหญ่ทราบตำแหน่งบ้านหลังนั้นอยู่ก่อน แล้วปฏิกิริยาของหานอี้ซินเมื่อครู่ คล้ายมั่นใจอย่างยิ่งว่าหลักฐานอยู่ในเรือลำนั้น บุรุษร่างใหญ่อาศัยอะไรจึงบังเกิดความมั่นใจปานนั้น

นางไม่มีคำตอบใดให้กับข้อสงสัยของตน ทำได้เพียงทะยานเร่งตามหลังหานอี้ซินสุดฝีเท้า ผ่านไปอีกอึดใจใหญ่นางและหานอี้ซินจึงกลับมาถึงเรือ

บุรุษร่างใหญ่รีบค้นร่างผู้กลายเป็นซากศพอยู่บนเรือ ไม่นานก็พบจดหมายฉบับหนึ่งซ่อนในตะเข็บชายเสื้อ ทั้งบนเรือยังพบกระบอกส่งสารโลหะ ในนั้นอัดแน่นด้วยม้วนผ้าแพรขนาดใหญ่!

หานอี้ซินรีบเปิดจอดหมายออกอ่าน สีหน้าปรากฏแววพึงพอใจ ยื่นส่งต่อให้นาง

“หลักฐานเท่านี้เพียงพอหรือไม่”

นางรับจดหมาย อ่านด้วยความฉงน บัดนั้นใจระส่ำเต้นระทึก เนื้อหาในจดหมายนั้นน่าตระหนก จนแทบมิอาจเชื่อสายตาตนเอง!

ข้อความในจดหมาย ระบุถึงจุดตั้งทัพพักแรม เส้นทางการเดินทัพ ยุทธวิธีที่ใช้ ตลอดถึงแม่ทัพนายกองผู้ควบคุม ทั้งระบุชื่อหัวหน้าหน่วยและความสามารถของหน่วยจู่โจม ที่จะออกปฏิบัติภารกิจในวันพรุ่งนี้อย่างละเอียด!

นี่เป็นไปได้อย่างไร! กระทั่งนางยังไม่มีสิทธิ์รับรู้ข้อมูลเหล่านี้...

เนื่องเพราะภารกิจนี้จัดเตรียมรอบคอบรัดกุม ด้วยเกรงจะเป็นแผนลวงอีกครั้ง ท่านแม่ทัพใหญ่สั่งการเป็นความลับด้วยตนเอง ทั้งการเคลื่อนกำลังและเส้นทางที่ใช้ รับรู้เฉพาะแม่ทัพระดับสูงไม่กี่คนเท่านั้น กระทั่งหัวหน้าหน่วยที่จะออกปฏิบัติงานเป็นผู้ใดยังไม่ระบุชื่อล่วงหน้า

หากข้อมูลในจดหมายเป็นความจริง นี่เป็นเรื่องน่าตระหนกเกินไปแล้ว!

เพราะคำนวณจากช่วงเวลาการส่งจดหมายฉบับนี้ เป็นไปไม่ได้ที่ข่าวจะรั่วจากหน่วยปฏิบัติผู้รับคำสั่ง ไส้ศึกต้องเป็นหนึ่งในแม่ทัพระดับสูงของอาณาจักรเทียนหมิง!

แล้วเถียนฟู่โหย่วไปเกี่ยวข้องได้อย่างไร…

ใบหน้าซีดเผือดของนาง ตะคอกถามหานอี้ซิน

“ท่านบอกมา เถียนฟู่โหย่วเกี่ยวข้องอะไรด้วย!”

หานอี้ซินรีบตัดบท เอ่ยเสียงเครียดขึง

“รีบหนีเถอะ! ไม่มีเวลาอธิบายแล้ว!”

ไม่ทันสิ้นประโยค เสียงพายุเกาทัณฑ์แหวกอากาศดังอื้ออึง บังเกิดขึ้นรอบด้านอีกครั้ง!

เหล่ามือสังหารไม่ทราบเคลื่อนไหวอย่างไรกลับหาคนทั้งสองพบ ซ้ำลอบเข้ามาโอบล้อมด้วยฝีเท้าเบากริบดุจภูตพราย กระทั่งผู้มีพลังฝีมือเยี่ยงหานอี้ซินกว่าจะทันรู้ตัว ก็ถูกโอบล้อมหมดทุกด้านสิ้นหนทางหนีแล้ว

วงล้อมพายุเกาทัณฑ์หนาแน่นถี่ยิบ ไม่เหลือช่องว่างใดให้เล็ดลอดหลบหนี เมื่อใดที่เหล่ามือสังหารกระชับวงล้อมถึงตัวทั้งสอง ยามนั้นมีแต่กลายร่างเป็นวิหคเหินบิน มิเช่นนั้นต้องทอดร่างทิ้งวิญญาณ กลายเป็นภูตเฝ้าบึงปีศาจแห่งนี้!

บุรุษหนุ่มฉวยกระบอกส่งสารโลหะ เก็บม้วนผ้าแพรไว้ภายในเช่นเดิมโดยไม่มีโอกาสเปิดอ่าน รีบผูกกระบอกโลหะกับสายรัดเอว ตัดสินใจโดยพลัน

“กระโดดลงน้ำ!”

นางไหนเลยเสียเวลาคิดใคร่ครวญ พุ่งร่างกระโดดลงน้ำตามหานอี้ซิน แม่น้ำสายนี้ทั้งแคบและตื้น นางพยายามแหวกว่ายให้ลึกที่สุด กระนั้นเกาทัณฑ์สั้นยังถูกยิงด้วยกำลังแรงจากเหนือผิวน้ำ พุ่งโฉบเฉี่ยวเฉียดร่างนางไปมา หลายดอกสะกิดถากแขนขาลำตัวโลหิตหลั่งไหล แต่ดีที่ไม่มีดอกใดถูกจุดสำคัญเป็นแผลฉกรรจ์

ลำน้ำสายเล็กแคบตื้น ลดเลี้ยวเคี้ยวคดไปมา นางไหนเลยจำแนกทิศทางออก ได้แต่มุ่งหน้าว่ายตามติดหานอี้ซิน ทั้งสองโผล่ขึ้นเปลี่ยนลมหายใจเป็นระยะ เวลาราวผ่านไปนานชั่วกัปกัลป์ เสียงเหล่ามือสังหารที่ตามติดก็เริ่มทิ้งห่าง กระทั่งเปลี่ยนลมหายใจอีกสามครั้ง เสียงผู้ไล่ล่าเบื้องหลังก็เงียบหาย

บุรุษร่างใหญ่พุ่งร่างขึ้นสู่ผิวน้ำอีกครั้ง เหลียวสำรวจสภาพรอบด้าน

“รีบขึ้นฝั่งเถอะ ข้าพเจ้าคิดเลาะตามลำน้ำสายนี้ เข้าสู่แขนงลำน้ำของทะเลสาบมังกรสวรรค์ หากโชคดีพวกเรายังสามารถยั้งทัพทัน”

นางพยักหน้ารับทราบ ยามนี้ไหนเลยมีความเห็นอื่นใด ด้วยนางไม่อาจจำแนกแยกทิศทาง บุรุษหนุ่มบอกให้ไปทางไหนย่อมไม่อาจโต้แย้งอันใด เมื่อทั้งสองขึ้นบนฝั่งค่อยเห็นโลหิตหลั่งไหลชุ่มโชก ออกจากบาดแผลบนไหล่บุรุษร่างใหญ่ เกาทัณฑ์สั้นติดตรึงบนไหล่ซ้ายหานอี้ซิน!

บุรุษร่างใหญ่กัดฟันกรอด ข่มความเจ็บปวด ยื่นมือกล่าวว่า

“ส่งกระบี่สั้นให้ข้าพเจ้า”

นางปัดมือบุรุษร่างใหญ่ กล่าวแผ่วเบา

“ข้าพเจ้าทำให้เอง”

กระบี่สั้นคมกริบกรีดเปิดปากแผลบนไหล่หานอี้ซิน ลูกเกาทัณฑ์ฝังลึกเกือบมิด นับเป็นแผลฉกรรจ์มิใช่น้อย โลหิตหลั่งไหลชุ่มโชก นางจับปลายเกาทัณฑ์ไว้มั่นดึงออกโดยแรง รีบเทยาสมานแผลที่บุรุษร่างใหญ่ยื่นส่งให้ ฉีกชายผ้าเป็นริ้วยาวพันปิดปากแผลไว้

หานอี้ซินเข้มแข็งยิ่ง ไม่มีเสียงร้องจากปากแม้ครึ่งคำ ระบายลมหายใจอย่างโล่งอก

“โชคดีเกาทัณฑ์ไม่มีพิษ”

“ท่านพักสักครู่...”

หานอี้ซินรีบตัดบท กล่าวว่า

“ข้าพเจ้าไม่เป็นไร เหลือเวลาไม่มากเราต้องรีบเดินทาง อดทนอีกหน่อยขอเพียงเลาะไปตามลำน้ำสายนี้ เมื่อใกล้เข้าสู่ทะเลสาบมังกรสวรรค์จะพบท่าข้าม ปกติควรมีเรือรับจ้างรออยู่ ขอเพียงขึ้นเรือได้พวกเราก็ปลอดภัยแล้ว”

บุรุษร่างใหญ่มองบาดแผลบนร่างนาง น้ำเสียงเจือแววห่วงใย

“บาดแผลท่านเป็นอย่างไร หนักหนาหรือไม่”

“เพียงแผลถากเล็กน้อย พวกเรารีบออกเดินทางเถอะ”

นางแม้กล่าวออกไปเช่นนั้น แต่ยามนี้บาดแผลที่ไหล่เริ่มปวดแปลบขึ้นอีก ซ้ำยิ่งนานความปวดยิ่งทวีรุนแรง เรี่ยวแรงก็แทบสิ้นสูญ ส่วนบาดแผลจากลูกเกาทัณฑ์แม้เพียงโดนถากๆ แต่โลหิตยังไม่หยุดไหล ปวดแปลบทั่วทั้งร่าง

แต่นางไหนเลยมีเวลาหยุดพักผ่อน หานอี้ซินก็มีบาดแผลฉกรรจ์ที่ไหล่ แขนขาก็ถูกเกาทัณฑ์ยิงถากหลายแห่ง เสียโลหิตมิน้อยกว่านาง บุรุษร่างใหญ่ยังสามารถเดินทางต่อไป นางย่อมสามารถกระทำได้เช่นกัน

ประการสำคัญ ตั้งแต่ออกเดินทางจากกระท่อมของหานอี้ซิน จนขณะนี้กว่าครึ่งค่อนคืนร่วมสี่ชั่วยามแล้ว มีเวลาอีกเพียงสองชั่วยามต้องเดินทางไปยับยั้งทัพให้ทัน

ดังนั้นทั้งสองเร่งเดินทางโดยไม่ผ่อนฝีเท้า ด้วยรู้ดีว่านี่เป็นแรงเฮือกสุดท้ายของทั้งคู่ ยามนี้หากหยุดพักเมื่อใดจะสิ้นเรี่ยวแรงไม่สามารถลุกขึ้นยืนอีกได้ ดังนั้นต้องไปถึงท่าข้ามให้เร็วที่สุด

เกือบครึ่งชั่วยามผ่านพ้น ทั้งสองได้ยินเสียงคล้ายกระแสน้ำไหลแรงขึ้น ดังนั้นรีบตามกระแสเสียงไปพบเบื้องหน้าไกลออกไปเป็นทะเสสาบใหญ่สุดลูกหูลูกตา

ริมฝั่งลำน้ำช่วงเชื่อมต่อกับทะเลสาบพบท่าข้ามขนาดเล็ก มีเรือพายลำหนึ่งผูกไว้กับหลัก แต่ไม่ทราบเจ้าของเรืออยู่ที่ใด ทั้งคู่ย่อมไม่กล้าส่งเสียงดังตะโกนเรียกหา

วิกฤตคับขันรอบด้านไหนเลยมัวรีรอชักช้าอันใด หานอี้ซินรีบปลดเรือจากหลัก ทว่าทันใด ประกายวาบกรีดผ่านห้วงราตรี มีดสั้นคมกริมสามเล่มพุ่งจู่โจมบุรุษหนุ่มโดยไร้สุ้มเสียง!

หานอี้ซินขยับเคลื่อนกายวูบ ประกายดาบสั้นกระแทกมีดสังหารทั้งสามพ้นร่างสิ้น แทบเป็นจังหวะเวลาเดียวกัน เงาร่างในชุดดำสายหนึ่งโฉบวูบปรากฏเบื้องหน้า!

ประกายอาวุธแหลมคมปะทะดาบสั้น หักโหมต่อเนื่องรุนแรงสุดเปรียบปาน บังเกิดประกายสะเก็ดอัคคีสว่างเจิดจ้า พร่างพรายดุจม่านพลุดอกไม้ไฟผืนใหญ่!
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่