กระทู้ผลโพลโดนอุ้มไปเฉยเลย สงสัยแท็กไปห้องศาลาประชาคม (ปัญหาสังคม) หรือไม่ใช่? ไม่เป็นไร ตั้งใหม่ก็ได้
"เอแบคโพล" เผยปชช.ส่วนใหญ่เชื่อหลังแก้รธน.ความขัดแย้งยัง "ไม่จบ" แนะรบ.แก้ปากท้อง-คอรัปชั่น
วันที่ 6 ม.ค. น.ส.ปุณฑรีก์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง ประชาชนเลือกอะไร ระหว่างแก้ไขนิสัยและพฤติกรรมของนักการเมือง กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และแนวทางลดความแตกแยกเพื่อรวมทุกคนในชาติเป็นหนึ่ง โดยผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่หรือ
ร้อยละ 81.6 ติดตามข่าวการเมืองเป็นประจำทุกสัปดาห์
- ถ้าแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วความวุ่นวาย ความขัดแย้งจะจบลงหรือไม่
ร้อยละ 85.4 ระบุว่าไม่จบ
ร้อยละ 14.6 เชื่อว่าจะจบ
- ที่น่าเป็นห่วงคือ
ร้อยละ 86.6 คิดว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะทำให้เกิดความขัดแย้ง แตกความสามัคคีกันในหมู่ประชาชน
ร้อยละ 13.4 ไม่คิดว่าจะเกิด
ร้อยละ 85.9 ระบุรัฐบาลควรเดินหน้าแก้ปัญหาค่าครองชีพ ปัญหาปากท้องให้กับคนในชาติ ก่อนที่จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ร้อยละ 84.2 ระบุรัฐบาลควรเอาจริงเอาจังกับการแก้ปัญหาของประเทศ แก้ไขปัญหาทุจริตคอรัปชั่น ปัญหาความรุนแรงในหมู่เด็กและเยาวชน ก่อนที่จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ร้อยละ 89.6 ระบุควรแก้นิสัยและพฤติกรรมที่ไม่ดีของนักการเมืองก่อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ร้อยละ 10.4 ระบุควรแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อน
ร้อยละ 73.1 ระบุยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเริ่มเคลื่อนไหวแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะจะเพิ่มความขัดแย้งขึ้นในหมู่ประชาชน จะทำให้เกิดความแตกแยก แตกความสามัคคีกัน จะทำให้รัฐบาลอายุสั้น ควรเร่งแก้ปัญหาปากท้อง ปัญหาเศรษฐกิจก่อน เป็นต้น ในขณะที่
ร้อยละ 26.9 ระบุช่วงเวลานี้เหมาะสมแล้วที่จะเริ่มเคลื่อนไหวแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะ จะช่วยลดปัญหาขัดแย้งในหมู่ประชาชน เป็นหนทางหนึ่งสร้างความปรองดอง รัฐบาลจะทำตามที่หาเสียงไว้ รัฐบาลอยู่นานยิ่งทำให้คะแนนนิยมลด และปล่อยเนิ่นนานไป ปัญหาประเทศจะยิ่งมีมาก เสถียรภาพรัฐบาลจะสั่นคลอน จะแก้ไขรัฐธรรมนูญยิ่งยากมากขึ้น เป็นต้น
- ข้อเสนอแนะที่จะช่วยลดความแตกแยกในหมู่ประชาชนและ "รวมทุกคนในชาติเป็นหนึ่ง"
ร้อยละ 41.9 ระบุ
ทุกคนช่วยกันแสดงออกซึ่งความรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เช่น เข้าวัดทำบุญ สวดมนต์ ตักบาตร ถวายพระพร ปกป้องสถาบัน ส่งความช่วยเหลือไปยังชายแดน ช่วยสร้างความเป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ และสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่ความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และรักษาผืนแผ่นดินไทยไว้ เป็นต้น
ร้อยละ 23.7 ระบุ แสดงความกตัญญูรู้คุณต่อผู้เสียสละเลือดเนื้อและชีวิตให้กับความสงบสุขและปกป้องประเทศ เช่น ทำหน้าที่ของการเป็นพลเมืองที่ดี ซื่อสัตย์สุจริต รักษาผืนป่า รักษาแหล่งน้ำ ไม่ใช่จ่ายฟุ่มเฟือย ไม่ทำลายทรัพยากรทางธรรมชาติ เป็นต้น
ร้อยละ 17.2 ระบุ มีน้ำใจ เมตตา กรุณา รู้จักให้อภัยต่อกัน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
ร้อยละ 13.5 ระบุ มีวินัย เคารพกฎหมาย ไม่ใช้กฎหมู่เหนือกฎหมาย ไม่ทำอะไรตามใจตามอารมณ์ ทุกอย่างให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ร้อยละ 3.7 ระบุให้ยินดีจ่ายภาษี ไม่หลีกเลี่ยง รักษาทรัพย์สินสาธารณะ และยินดีเสียสละเงินส่วนตัวหรือทรัพย์สินเพื่อช่วยเหลือชุมชน เป็นต้น
เครดิตมติชน
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1357442430&grpid=&catid=01&subcatid=0100
วันที่ 06 มกราคม พ.ศ. 2556 เวลา 10:25:25 น
-----------
เอาผลโพลมาฝากสำรวยยิ่งลักษณ์และ นช.แม้ว ก็คงไม่รู้สึกรู้สาอะไรอยู่ดี
**โดนทั้งอุ้มทั้งบล๊อค 2 ทู้เลย ตั้งใหม่ก็ได้ : ถึงสำรวย+แม้ว 73% บอกยังไม่เหมาะเคลื่อนไหวแก้ รธน.ช่วงนี้ ไปแก้ปากท้องนะ
วันที่ 6 ม.ค. น.ส.ปุณฑรีก์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง ประชาชนเลือกอะไร ระหว่างแก้ไขนิสัยและพฤติกรรมของนักการเมือง กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และแนวทางลดความแตกแยกเพื่อรวมทุกคนในชาติเป็นหนึ่ง โดยผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่หรือร้อยละ 81.6 ติดตามข่าวการเมืองเป็นประจำทุกสัปดาห์
- ถ้าแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วความวุ่นวาย ความขัดแย้งจะจบลงหรือไม่
ร้อยละ 85.4 ระบุว่าไม่จบ
ร้อยละ 14.6 เชื่อว่าจะจบ
- ที่น่าเป็นห่วงคือ
ร้อยละ 86.6 คิดว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะทำให้เกิดความขัดแย้ง แตกความสามัคคีกันในหมู่ประชาชน
ร้อยละ 13.4 ไม่คิดว่าจะเกิด
ร้อยละ 85.9 ระบุรัฐบาลควรเดินหน้าแก้ปัญหาค่าครองชีพ ปัญหาปากท้องให้กับคนในชาติ ก่อนที่จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ร้อยละ 84.2 ระบุรัฐบาลควรเอาจริงเอาจังกับการแก้ปัญหาของประเทศ แก้ไขปัญหาทุจริตคอรัปชั่น ปัญหาความรุนแรงในหมู่เด็กและเยาวชน ก่อนที่จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ร้อยละ 89.6 ระบุควรแก้นิสัยและพฤติกรรมที่ไม่ดีของนักการเมืองก่อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ร้อยละ 10.4 ระบุควรแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อน
ร้อยละ 73.1 ระบุยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเริ่มเคลื่อนไหวแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะจะเพิ่มความขัดแย้งขึ้นในหมู่ประชาชน จะทำให้เกิดความแตกแยก แตกความสามัคคีกัน จะทำให้รัฐบาลอายุสั้น ควรเร่งแก้ปัญหาปากท้อง ปัญหาเศรษฐกิจก่อน เป็นต้น ในขณะที่
ร้อยละ 26.9 ระบุช่วงเวลานี้เหมาะสมแล้วที่จะเริ่มเคลื่อนไหวแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะ จะช่วยลดปัญหาขัดแย้งในหมู่ประชาชน เป็นหนทางหนึ่งสร้างความปรองดอง รัฐบาลจะทำตามที่หาเสียงไว้ รัฐบาลอยู่นานยิ่งทำให้คะแนนนิยมลด และปล่อยเนิ่นนานไป ปัญหาประเทศจะยิ่งมีมาก เสถียรภาพรัฐบาลจะสั่นคลอน จะแก้ไขรัฐธรรมนูญยิ่งยากมากขึ้น เป็นต้น
- ข้อเสนอแนะที่จะช่วยลดความแตกแยกในหมู่ประชาชนและ "รวมทุกคนในชาติเป็นหนึ่ง"
ร้อยละ 41.9 ระบุ ทุกคนช่วยกันแสดงออกซึ่งความรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เช่น เข้าวัดทำบุญ สวดมนต์ ตักบาตร ถวายพระพร ปกป้องสถาบัน ส่งความช่วยเหลือไปยังชายแดน ช่วยสร้างความเป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ และสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่ความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และรักษาผืนแผ่นดินไทยไว้ เป็นต้น
ร้อยละ 23.7 ระบุ แสดงความกตัญญูรู้คุณต่อผู้เสียสละเลือดเนื้อและชีวิตให้กับความสงบสุขและปกป้องประเทศ เช่น ทำหน้าที่ของการเป็นพลเมืองที่ดี ซื่อสัตย์สุจริต รักษาผืนป่า รักษาแหล่งน้ำ ไม่ใช่จ่ายฟุ่มเฟือย ไม่ทำลายทรัพยากรทางธรรมชาติ เป็นต้น
ร้อยละ 17.2 ระบุ มีน้ำใจ เมตตา กรุณา รู้จักให้อภัยต่อกัน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
ร้อยละ 13.5 ระบุ มีวินัย เคารพกฎหมาย ไม่ใช้กฎหมู่เหนือกฎหมาย ไม่ทำอะไรตามใจตามอารมณ์ ทุกอย่างให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ร้อยละ 3.7 ระบุให้ยินดีจ่ายภาษี ไม่หลีกเลี่ยง รักษาทรัพย์สินสาธารณะ และยินดีเสียสละเงินส่วนตัวหรือทรัพย์สินเพื่อช่วยเหลือชุมชน เป็นต้น
เครดิตมติชน http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1357442430&grpid=&catid=01&subcatid=0100
วันที่ 06 มกราคม พ.ศ. 2556 เวลา 10:25:25 น
-----------
เอาผลโพลมาฝากสำรวยยิ่งลักษณ์และ นช.แม้ว ก็คงไม่รู้สึกรู้สาอะไรอยู่ดี