ผมเรียนอยู่ต่างประเทศครับ แฟนผมอยู่เมืองไทย เราคบกันก่อนหน้าที่ผมจะมาเรียนต่อได้ 6 เดือน ตอนนี้ผ่านมาแล้วเกือบ 5 ปี
มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ผมกับเธอจะมีปัญหาทะเลาะกัน และยิ่งห่างไกลกัน ยิ่งมีเรื่องให้ทะเลาะกันมากมาย เราก็พยายามประคับประคองกันไป สองปีแรกที่ผมมาอยู่ที่นี้ เธอบอกเลิกผมหลายครั้งมาก แต่ผมก็ง้อ และขอคืนดีกลับมาได้ทุกครั้ง
ประเทศที่ผมอยู่ เวลาจะเร็วกว่าที่ไทย 6 ชั่วโมงครับ ฉะนั้น เวลาเช้าเมื่อผมตื่นเธอจะทำงาน คุยกันมากก็ไม่ได้ ยิ่งช่วงเธอมีงานมากๆ เราจะไม่ได้คุยกันช่วงเช้าเลย เวลาเย็นที่นี้คือเวลาดึกที่ไทย ผมก็จะทำงาน บางเย็นมีงานเยอะมากๆ ผมก็จะไม่ได้คุยกับเธอเช่นกัน และเธอก็นอนเร็วคือ 4-5 ทุ่มเธอก็นอนแล้ว
เหลือวันเสาร์อาทิตย์ ที่แม้ว่าเธอจะทำงานเช่นกัน เธอทำงาน 7 วันครับ ปกติผมก็คุยกับเธอตลอด บางครั้งผมตื่นสาย อาจจะเหนื่อยจากงาน ไปดื่มกับเพื่อน ทำให้บางทีผมก็ไม่ได้คุยกัน
เรื่องที่มีปัญหากันทุกครั้งคือ การที่ผมใช้ชีวิตอยู่กับเพื่อนมากเกินไปครับ หลายๆ ครั้งที่เพื่อนผมมาทานข้าวที่บ้าน ซึ่งมันก็จะหลังจากที่เธอนอนไปแล้ว แต่เธอก็ไม่ค่อยพอใจ เหมือนผมให้ความสำคัญกับเพื่อนมากกว่าเธอ เวลาผมอยากจะออกไปไหนมาไหน ไปช้อปปิ้ง ไปเที่ยว เธอก็มักจะถามว่าทำไมต้องไป ไปกับเพื่อนอีกแล้ว และสุดท้ายคือเพื่อนสำคัญกว่าเธอ
เราเป็นอย่างนี้มาตลอด 4 ปีกว่า จนเมื่อไม่นานมานี้ ผมเริ่มรู้สึกเหนื่อย และท้อมาก ผมเริ่มไม่แน่ใจว่าเมื่อผมกลับไทย และใช้ชีวิตคู่อยู่ร่วมกัน นี้จะเป็นสิ่งที่ผมต้องการ ผมกำลังจะกลับไทยอีก 6 เดือนข้างหน้า ช่วงนี้ผมกำลังเขียนเล่มวิทยานิพนธ์ มันยิ่งทำให้รู้สึกสับสน
จนเมื่อเดือนที่แล้ว ที่เราทะเลาะกันหนักมาก เกี่ยวกับเรื่องเดิมๆ ที่เราทะเลาะกันเหมือนเมื่อปีแรกๆ ที่ผมมาอยู่ที่นี้ มันยิ่งรู้สึกตอกย้ำว่าที่ผ่านมา 5 ปีมันไม่มีอะไรคืบหน้าไปไหนเลยใช่ไหม เราทั้งสองคนพยายามปรับตัวครับ เธอจิกผมน้อยลงเวลาผมไปไหนมาไหน ผมก็โทรบอก ส่งข้อความบอกตลอดว่าผมไปไหน ทำอะไร แต่เธอก็บอกว่า เธอทำใจให้ไม่พอใจผมไม่ได้ และผมก็ไม่มีสิทธิไปห้ามไม่ให้เธอคิดมาก
ล่าสุดช่วงปีใหม่ ที่ผมออกไปช้อปปิ้งกินข้าวกับเพื่อนๆ บ่อยๆ เธอบอกว่า ต่อไปนี้จะไม่ตาม ไม่สนใจผมแล้วว่าผมจะทำอะไร ใครจะมากินข้าว ผมจะไปไหน เธอจะไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของผม มันทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่าแล้วนี้เราคบกันไปเพื่ออะไร ปกติเธอก็ไม่ค่อยโทรหาผมก่อน ข้อความที่ส่งมาส่วนใหญ่ก็จะเป็นตามจิก หรือซักถามมากกว่า เวลาคุยกันผ่าน line หรือ skype ผมก็รู้สึกว่าผมกำลังคุยอยู่คนเดียว เพราะเธอมักจะตอบเพียงแค่ "อืม"
เรื่องนี้ไม่ดราม่า และผมคงไม่โดนด่า ถ้าไม่มีเรื่องอื่นแทรกเข้ามา ครับ.. ผู้ชายมันก็อย่างนี้แหละครับ เวลาที่อ่อนแอมากๆ ถ้ามีใครอีกคนเข้ามามันก็หวั่นไหวครับ น้องคนหนึ่งที่เข้ามาในชีวิตช่วงก่อนปีใหม่ เราสนิทกันมากครับ ทำให้ผมลืมคิดเรื่องแฟนผมไปได้พักใหญ่ ช่วงนั้นผมก็ทำตัวปกติกับแฟนครับ สำหรับน้องนั้น เค้ารู้ครับว่าผมมีแฟนอยู่แล้ว และเราก็พยายามรักษาความห่างไว้ แต่สุดท้ายก็เป็นผมที่เผลอใจไปคิดว่าชอบน้องเค้า มันเลยเหมือนหาเรื่องให้ตัวเอง ผมตัดใจจากน้องเค้าครับ แล้วน้องเค้าก็กลับไทยไปเมื่อไม่กี่วันมานี้ แต่ความรู้สึกดีๆ ลึกมันก็ไม่ยอมหายไปไหน และเรื่องแฟนคนปัจจุบันก็กลับมารุมเร้าในหัวผมต่อไป
ผมพยายามคิดเรื่องแฟนผม โดยตัดปัจจัยเรื่องน้องออกไป บอกไปคงไม่มีใครเชื่อใช่ไหมครับ ถึงตอนนี้ผมยิ่งรู้สึกแย่และผิดมาก และยิ่งไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองต่อแฟนผมอีกต่อไป ว่าหมดรักแล้วหรือยัง
ผมเข้าใจครับว่า การตัดสินใจครั้งนี้อยู่ที่ตัวผมเอง แต่ ณ ช่วงเวลาแบบนี้ ผมอาจจะอยากได้ความเห็น หรืออะไรก็แล้วแต่จากคนแปลกหน้าบ้างครับ
หรือผมจะหมดรักกับเธอแล้ว ถ้าใช่ ผมควรจะทำอย่างไร
มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ผมกับเธอจะมีปัญหาทะเลาะกัน และยิ่งห่างไกลกัน ยิ่งมีเรื่องให้ทะเลาะกันมากมาย เราก็พยายามประคับประคองกันไป สองปีแรกที่ผมมาอยู่ที่นี้ เธอบอกเลิกผมหลายครั้งมาก แต่ผมก็ง้อ และขอคืนดีกลับมาได้ทุกครั้ง
ประเทศที่ผมอยู่ เวลาจะเร็วกว่าที่ไทย 6 ชั่วโมงครับ ฉะนั้น เวลาเช้าเมื่อผมตื่นเธอจะทำงาน คุยกันมากก็ไม่ได้ ยิ่งช่วงเธอมีงานมากๆ เราจะไม่ได้คุยกันช่วงเช้าเลย เวลาเย็นที่นี้คือเวลาดึกที่ไทย ผมก็จะทำงาน บางเย็นมีงานเยอะมากๆ ผมก็จะไม่ได้คุยกับเธอเช่นกัน และเธอก็นอนเร็วคือ 4-5 ทุ่มเธอก็นอนแล้ว
เหลือวันเสาร์อาทิตย์ ที่แม้ว่าเธอจะทำงานเช่นกัน เธอทำงาน 7 วันครับ ปกติผมก็คุยกับเธอตลอด บางครั้งผมตื่นสาย อาจจะเหนื่อยจากงาน ไปดื่มกับเพื่อน ทำให้บางทีผมก็ไม่ได้คุยกัน
เรื่องที่มีปัญหากันทุกครั้งคือ การที่ผมใช้ชีวิตอยู่กับเพื่อนมากเกินไปครับ หลายๆ ครั้งที่เพื่อนผมมาทานข้าวที่บ้าน ซึ่งมันก็จะหลังจากที่เธอนอนไปแล้ว แต่เธอก็ไม่ค่อยพอใจ เหมือนผมให้ความสำคัญกับเพื่อนมากกว่าเธอ เวลาผมอยากจะออกไปไหนมาไหน ไปช้อปปิ้ง ไปเที่ยว เธอก็มักจะถามว่าทำไมต้องไป ไปกับเพื่อนอีกแล้ว และสุดท้ายคือเพื่อนสำคัญกว่าเธอ
เราเป็นอย่างนี้มาตลอด 4 ปีกว่า จนเมื่อไม่นานมานี้ ผมเริ่มรู้สึกเหนื่อย และท้อมาก ผมเริ่มไม่แน่ใจว่าเมื่อผมกลับไทย และใช้ชีวิตคู่อยู่ร่วมกัน นี้จะเป็นสิ่งที่ผมต้องการ ผมกำลังจะกลับไทยอีก 6 เดือนข้างหน้า ช่วงนี้ผมกำลังเขียนเล่มวิทยานิพนธ์ มันยิ่งทำให้รู้สึกสับสน
จนเมื่อเดือนที่แล้ว ที่เราทะเลาะกันหนักมาก เกี่ยวกับเรื่องเดิมๆ ที่เราทะเลาะกันเหมือนเมื่อปีแรกๆ ที่ผมมาอยู่ที่นี้ มันยิ่งรู้สึกตอกย้ำว่าที่ผ่านมา 5 ปีมันไม่มีอะไรคืบหน้าไปไหนเลยใช่ไหม เราทั้งสองคนพยายามปรับตัวครับ เธอจิกผมน้อยลงเวลาผมไปไหนมาไหน ผมก็โทรบอก ส่งข้อความบอกตลอดว่าผมไปไหน ทำอะไร แต่เธอก็บอกว่า เธอทำใจให้ไม่พอใจผมไม่ได้ และผมก็ไม่มีสิทธิไปห้ามไม่ให้เธอคิดมาก
ล่าสุดช่วงปีใหม่ ที่ผมออกไปช้อปปิ้งกินข้าวกับเพื่อนๆ บ่อยๆ เธอบอกว่า ต่อไปนี้จะไม่ตาม ไม่สนใจผมแล้วว่าผมจะทำอะไร ใครจะมากินข้าว ผมจะไปไหน เธอจะไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของผม มันทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่าแล้วนี้เราคบกันไปเพื่ออะไร ปกติเธอก็ไม่ค่อยโทรหาผมก่อน ข้อความที่ส่งมาส่วนใหญ่ก็จะเป็นตามจิก หรือซักถามมากกว่า เวลาคุยกันผ่าน line หรือ skype ผมก็รู้สึกว่าผมกำลังคุยอยู่คนเดียว เพราะเธอมักจะตอบเพียงแค่ "อืม"
เรื่องนี้ไม่ดราม่า และผมคงไม่โดนด่า ถ้าไม่มีเรื่องอื่นแทรกเข้ามา ครับ.. ผู้ชายมันก็อย่างนี้แหละครับ เวลาที่อ่อนแอมากๆ ถ้ามีใครอีกคนเข้ามามันก็หวั่นไหวครับ น้องคนหนึ่งที่เข้ามาในชีวิตช่วงก่อนปีใหม่ เราสนิทกันมากครับ ทำให้ผมลืมคิดเรื่องแฟนผมไปได้พักใหญ่ ช่วงนั้นผมก็ทำตัวปกติกับแฟนครับ สำหรับน้องนั้น เค้ารู้ครับว่าผมมีแฟนอยู่แล้ว และเราก็พยายามรักษาความห่างไว้ แต่สุดท้ายก็เป็นผมที่เผลอใจไปคิดว่าชอบน้องเค้า มันเลยเหมือนหาเรื่องให้ตัวเอง ผมตัดใจจากน้องเค้าครับ แล้วน้องเค้าก็กลับไทยไปเมื่อไม่กี่วันมานี้ แต่ความรู้สึกดีๆ ลึกมันก็ไม่ยอมหายไปไหน และเรื่องแฟนคนปัจจุบันก็กลับมารุมเร้าในหัวผมต่อไป
ผมพยายามคิดเรื่องแฟนผม โดยตัดปัจจัยเรื่องน้องออกไป บอกไปคงไม่มีใครเชื่อใช่ไหมครับ ถึงตอนนี้ผมยิ่งรู้สึกแย่และผิดมาก และยิ่งไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองต่อแฟนผมอีกต่อไป ว่าหมดรักแล้วหรือยัง
ผมเข้าใจครับว่า การตัดสินใจครั้งนี้อยู่ที่ตัวผมเอง แต่ ณ ช่วงเวลาแบบนี้ ผมอาจจะอยากได้ความเห็น หรืออะไรก็แล้วแต่จากคนแปลกหน้าบ้างครับ