จับคู่ : อียิปต์กับไทย บราซิลกับพม่า

กระทู้สนทนา
อาหรับสปริง (Arab Spring) ฤดูใบไม้ผลิทางการเมืองของโลกอาหรับ หรือการ เด้งดึ๋ง ของชาวอาหรับผู้ถูกกดขี่มาเป็นเวลานานต่ออำนาจเผด็จการ เพื่อให้ได้มาซึ่งการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ที่ผู้คนมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกและการมีส่วนร่วม

               ประชาชนชาวอียิปต์ได้ใช้สิทธิเลือกตั้งและส่วนใหญ่มีฉันทามติ ให้ตัวแทนขององค์การภราดรภาพมุสลิม (Muslim Brotherhood) ซึ่งเป็นขบวนการกึ่งการเมืองและสังคมสงเคราะห์ คือ นายมูฮัมหมัด มูร์ซี่ เป็นประธานาธิบดี และพรรคยุติธรรมและเสรีภาพเป็นเสียงข้างมากในสภา

               ฉันทามตินั้นก็เพื่อให้ประธานาธิบดีและพรรครัฐบาลมาทำหน้าที่รับใช้ประชาชนและประเทศชาติตามครรลองประชาธิปไตย ที่มีการแบ่งแยก ถ่วงดุลและคานอำนาจ และส่งเสริมสิทธิเสรีภาพ และหลีกเลี่ยงการใช้ข้อกำหนดทางศาสนามาเป็นกฎเกณฑ์ของบ้านเมือง เพราะจะส่วนทางกับการเป็นสังคมประชาธิปไตยเปิด ที่รับความต่างและความหลากหลายเพื่อการอยู่ร่วมกัน

               แต่ทว่า ประธานาธิบดีมูร์ซี่ออกคำสั่งเพื่อเพิ่มอำนาจให้กับตนเองว่า การออกกฎเกณฑ์และคำสั่งใดๆโดยตน เป็นอำนาจชอบธรรมที่ตรวจสอบและเอาผิดไม่ได้ ขณะเดียวกันก็รวบรัดยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่มีข้อลิดรอนสิทธิเสรีภาพของสตรีและชนกลุ่มน้อยต่างศาสนา แล้วโยนรัฐธรรมนูญไปสู่การลงประชามติ โดยไม่ฟังเสียงทัดทานใดๆ

               สังคมประชาธิปไตยอียิปต์ที่ควรเบ่งบานก็ดูจะชะงักงัน สังคมมีทีท่าจะกลับไปสู่การแตกแยก และเผชิญหน้า ผู้มีอำนาจรัฐดูประสงค์จะใช้แต่อำนาจอย่างเดียว และทำในสิ่งที่ตนต้องการเท่านั้น

               สังคมไทยคงไม่ผิดไปจากอียิปต์  รัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้รับฉันทามติ เพื่อนำพาประเทศไทยไปสู่ความเจริญก้าวหน้า ลดช่องว่างความมีความจน และไปสู่การสมานฉันท์ด้วยการค้นหาที่มาที่ไปของข้อขัดแย้ง และของเหตุการณ์รุนแรง เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริงและการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม

               แต่ทว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็เพลิดเพลินกับอำนาจรัฐและการใช้เงินภาษีของราษฎรตามอำเภอใจ คู่ขนานไปก็คือ ดำเนินการที่จะล้างผิด ล้างมลทินให้พวกพ้อง และมุ่งเปลี่ยนโครงสร้างการเมือง การปกครองไทย เพื่อรวบอำนาจเป็นเผด็จการพรรค ผู้นำและทุนนิยมสามานย์ ในขณะเดียวกันก็มุ่งขจัดและทำลายล้างคู่ต่อสู้ทางการเมืองด้วยวิธีต่างๆนานา บวกด้วยการใช้สื่อและการโฆษณาชวนเชื่อ การตลาด บิดเบือนข้อเท็จจริง สร้างภาพ และให้ร้ายผู้ที่ฝ่ายตนคิดว่าเป็นศัตรู แถมโยนความผิดให้ด้วย

               มองข้ามรั้วบ้านเราไปที่พม่า กลับเห็นอีกอย่างคือ การเร่งสลัดคราบและเนื้อหาสังคม
เผด็จการ การตระหนักและชื่นชมว่า ความเป็นประชาธิปไตยของพม่ากำลังคืบหน้า เบ่งบานเกินความคาดหมายเพราะทุกหมู่เหล่าร่วมสร้างชาติอย่างขะมักเขม้น ชาวพม่าปวดร้าวกับอดีตที่ขมขื่น  เขาอยากอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี มีชีวิตที่มีคุณภาพ  เขากำลังก้าวข้ามอดีต อนาคตดูสดใส โลกชื่นชม อยากคบหาสมาคมด้วย

               มองข้ามน้ำข้ามทะเลไปไกลถึงบราซิล  ซึ่งล้มลุกคลุกคลานมายาวนานกับเผด็จการทหาร ก็กำลังผงาดขึ้นมายิ่งใหญ่ระดับโลก ทุกหมู่เหล่าตระหนักว่า ความยิ่งใหญ่นั้นมิใช่แค่ความใหญ่โตและก้าวหน้าของเศรษฐกิจและเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ความยิ่งใหญ่ต้องกอร์ปด้วย ธรรมาภิบาลและคุณภาพนักการเมือง และข้าราชการจะต้องซื่อสัตย์สุจริต ไม่ทุจริตคอรัปชั่น มิฉะนั้น บราซิลจะก้าวพ้นการเป็นประเทศกำลังพัฒนาไปไม่ได้  ผู้นำประเทศเขาเอาจริงเอาจังกับการตอบสนองความต้องการของประชาชนอย่างทั่วถึง และเร่งสร้างสังคมที่โปร่งใส  ตรวจสอบกันได้ กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์

               บราซิลกับพม่า มุ่งสร้างประชาธิปไตย และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของชนชาติ  ขณะที่ไทยมีรัฐบาลมุ่งอำนาจนิยมผูกขาด และรัฐบาลอียิปต์มุ่งครอบงำสังคมด้วยอุดมการณ์ทางศาสนานำการเมือง

               รัฐบาลมูร์ซี่และรัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็ดี กำลังทำลายความคาดหวังและฉันทามติที่ประชาชนมอบให้ ต่างทำตัวเป็นเผด็จการเสียงข้างมาก กำลังทำลายความเป็นหนึ่งเดียวกันของชนในชาติด้วยการเลือกปฏิบัติ และทำลายล้างผู้เห็นต่าง รัฐบาลยิ่งลักษณ์ดูจะเลวกว่า ที่ทำตัวไร้คุณธรรมและจริยธรรม อีกทั้งยังโกหก หลอกลวง บิดเบือน และกอบโกย

               รัฐบาลยิ่งลักษณ์และรัฐบาลมูร์ซี่ ดูชอบลงรูอำนาจมืด กำลังนำพาสังคมลงเหวแห่งความหายนะ  ขณะที่พม่ากับบราซิลอยากเป็นบัวเหนือน้ำ ใสสะอาด ก็ยินดีกับชาวพม่าและชาวบราซิล แต่ในไทยและอียิปต์ก็เป็นสิทธิอันชอบธรรมของประชาชนที่รักความถูกต้อง รักความยุติธรรมที่จะไม่นิ่งเฉย ต้องออกมาข้องแวะกับอนาคตของประเทศ ด้วยการคิดอ่านและออกพลังต่อต้าน ขจัดความโสมมเหล่านี้ออกไป

กษิต ภิรมย์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่