เมื่อต้องการคิดถึงการเปลี่ยนที่อยู่อาศัยใหม่ สิ่งที่ต้องนำมาพิจารณาในเรื่องแรก ๆ คือจะซื้อหรือจะเช่า เพื่อใช้อยู่อาศัยจริง ๆ เรื่องนี้อาจจะเป็นปัญหาใหญ่ของบางคน ซึ่งในหลาย ๆ คนคิดว่า ยังไงซื้อบ้านจะต้องดีกว่าอยู่แล้ว เพราะได้ทรัพย์สินเป้นของตัวเอง แต่อย่างไรก็ตาม ยังต้องมีประเด็นในการพิจารณาหลายประเด็นเพื่อดูตามความเหมาะสมดังนี้
1. ระยะเวลาที่จะอาศัยอยู่ในสถานที่แห่งนั้น การเช่า จะมีความคล่องตัวในการย้ายที่อยู่มากกว่าการซื้อ สามารถเปลี่ยนแปลงที่อยู่ได้ภายใน 1-2 เดือน โดยไม่มีภาระผูกพันในระยะยาว แต่การซื้อ ถ้ายังต้องผ่อนชำระอยู่ การเปลี่ยนแปลงที่อยู่จะทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเว้นเสียแต่ว่าสามารถขายบ้านหลังนั้นได้สำเร็จก่อนการย้ายที่อยู่
2. ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในแต่ละเดือน การเช่าจะมีค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่า การผ่อนชำระในบ้านขนาดเท่ากัน และทำเลเดียวกัน หรือด้วยเงินจำนวนเท่ากันสามารถจะอาศัยในบ้านที่มีขนาดใหญ่กว่า และทำเลดีกว่าได้ ทั้งนี้ ถ้าค่าเช่าบ้านเท่ากับการผ่อนชำระ จะไม่มีแรงจูงให้ให้เกิดการเช่า จะหันมาซื้อบ้านกันหมด
3. ความต้องการเป็นอิสระ การซื้อจะมีข้อดีตรงที่ มีอิสระมากกว่าบ้านเช่า ตั้งแต่เรื่องการเลือกแบบบ้าน การเลือกทำเล การต่อเติม เนื่องจากบ้านหลังยี้เป็นทรัพย์สินของผู้ซื้อ ผู้ซื้อจะสามารถทำอะรก็ได้ภายใต้ที่กฏหมายกำหนด แต่สำหรับบ้านเช่า การที่จะไปต่อเติม หรือตกแต่งอะไรบางอย่าง จะต้องได้รับอนุญาตจากทางเจ้าของบ้านเสียก่อน เว้นแต่ในสัญญาเช่ากำหนดให้สามารถทำได้ตามที่ต้องการ
4. เพื่อนบ้าน ในการซื้อบ้าน จะมีสามารถเปลี่ยนแปลงที่อยู่ได้ยากกว่าเช่าบ้าน ดังนั้น ถ้ามีเพื่อนบ้านที่ก่อให้เกิดความเดือนร้อนรำคาญจะย้ายหนี้ได้ค่อนข้างลำบาก จะต้องทนอยู่จนกว่าจะหาบ้านใหม่และขายบ้านเก่าได้เรียบร้อย โดยเฉพาะคนที่มีฐานะปานกลาง ต้องอาศัยการผ่อนบ้านเป็นหลัก และไม่สามารถซื้อบ้าน 2 หลังได้ในเวลาเดียวกัน แต่การเช่าบ้าน จะมีโอกาสเลือกได้มากกว่า
5. ความต้องการเป็นเจ้าของทรัพย์สิน การซื้อบ้าน จะมีสิทธืเป็นเจ้าของทรัพย์สิน โดยเฉพาะบ้านพร้อมที่ดิน จะมีแต่มูลค่าที่สูงขึ้นในระยะยาว เนื่องจากที่ดินมีปริมาณอุปทานอย่างจำกัด ไม่สามารถหาเพิ่มได้ และไม่มีการเสื่อมมูลค่า ทำให้ราคาที่ดินจะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งในบางที่อาจจะเพิ่มสูงเร็วกว่าค่าเสื่อมราคาของอาคารสิ่งปลูกสร้างได้ด้วย เรียกว่า ได้อยู่อาศัยและยังมีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นด้วย แต่สำหรับการเช่า กรรมสิทธิ์ของสินทรัพย์จะยังคงเป็นของเจ้าของเดิม ไม่ได้โอนมายังผู้เช่า ซึ่งจะทำให้เมื่อเวลาผ่านไป ก็ยังคงไม่มีทรัพยืสินในระยะยาวอยู่ดี เว้นเสียแต่ว่า มีการเก้บเงินส่วนต่างระหว่างค่าเช่าและการผ่อนไปลงทุนอย่างอื่นเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่สูงกว่า
6. เงินตั้งต้นในการดำเนินการ ในการซื้อบ้าน จะต้องใช้เงินก้อนในการดำเนินการเรื่องต่าง ๆ หลายเรื่อง เช่น ค่าโอน ค่ามัดจำ ค่าเงินเดาวน์ ค่าประกันมิเตอร์น้ำ มิเตอร์ไฟ ค่าตกแต่ง (ยกเว้นโครงการหมู่บ้านจัดสรรจ่ายให้) สำหรับบ้านเช่า จะมีค่าใช้จ่ายแค่ค่ามัดจำ เท่านั้น ซึ่งจะใช้เงินก้อนที่น้อยวกว่าซื้อเป้นอย่างมาก
7. ภาระการซ่อมแซม ในการเช่าบ้าน ผู้ให้เช่าจะต้องรับภาระการซ่อมแซมบ้านทั้งหมด ซึ่งผู้เช่า โดยปกติไม่ต้องรับผิดชอบในส่วนนี้ แต่การซื้อบ้านจะต้องมีการเตรียมเงินเพื่อการซ่อมแซมปรับปรุงบ้าน ในปกติแล้ว การซ่อมแซมครั้งใหญ่สำหรับบ้านที่อายุเกิน 10 ปีขึ้นไป จะเกิดทุก 5 ปี แต่ใน 10 ปี แรก ก็จะต้องมีการซ่อมอยู่เป็นระยะ ปัญหาส่วนใหญ่ของบ้านคือการเสื่อมสภาพของท่อน้ำประปา และการทรุดตัวของบ้าน โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพที่เป็นพื้นดินอ่อน
ทั้ง 7 ข้อข้างต้น เป็นประเด็นที่ต้องนำมาพิจารณาในการตัดสินใจ แต่สุดท้าย ต้องอยู่บนความสุข กำลังของตนเอง
ขอบคุณแหล่งที่มา :
http://www.funfundforum.com/2012_11_01_archive.htmlเอามาฝากสำหรับคนที่กำลังคิดจะซื้อบ้านครับ
จะเช่าบ้านหรือจะซื้อบ้านดี
1. ระยะเวลาที่จะอาศัยอยู่ในสถานที่แห่งนั้น การเช่า จะมีความคล่องตัวในการย้ายที่อยู่มากกว่าการซื้อ สามารถเปลี่ยนแปลงที่อยู่ได้ภายใน 1-2 เดือน โดยไม่มีภาระผูกพันในระยะยาว แต่การซื้อ ถ้ายังต้องผ่อนชำระอยู่ การเปลี่ยนแปลงที่อยู่จะทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเว้นเสียแต่ว่าสามารถขายบ้านหลังนั้นได้สำเร็จก่อนการย้ายที่อยู่
2. ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในแต่ละเดือน การเช่าจะมีค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่า การผ่อนชำระในบ้านขนาดเท่ากัน และทำเลเดียวกัน หรือด้วยเงินจำนวนเท่ากันสามารถจะอาศัยในบ้านที่มีขนาดใหญ่กว่า และทำเลดีกว่าได้ ทั้งนี้ ถ้าค่าเช่าบ้านเท่ากับการผ่อนชำระ จะไม่มีแรงจูงให้ให้เกิดการเช่า จะหันมาซื้อบ้านกันหมด
3. ความต้องการเป็นอิสระ การซื้อจะมีข้อดีตรงที่ มีอิสระมากกว่าบ้านเช่า ตั้งแต่เรื่องการเลือกแบบบ้าน การเลือกทำเล การต่อเติม เนื่องจากบ้านหลังยี้เป็นทรัพย์สินของผู้ซื้อ ผู้ซื้อจะสามารถทำอะรก็ได้ภายใต้ที่กฏหมายกำหนด แต่สำหรับบ้านเช่า การที่จะไปต่อเติม หรือตกแต่งอะไรบางอย่าง จะต้องได้รับอนุญาตจากทางเจ้าของบ้านเสียก่อน เว้นแต่ในสัญญาเช่ากำหนดให้สามารถทำได้ตามที่ต้องการ
4. เพื่อนบ้าน ในการซื้อบ้าน จะมีสามารถเปลี่ยนแปลงที่อยู่ได้ยากกว่าเช่าบ้าน ดังนั้น ถ้ามีเพื่อนบ้านที่ก่อให้เกิดความเดือนร้อนรำคาญจะย้ายหนี้ได้ค่อนข้างลำบาก จะต้องทนอยู่จนกว่าจะหาบ้านใหม่และขายบ้านเก่าได้เรียบร้อย โดยเฉพาะคนที่มีฐานะปานกลาง ต้องอาศัยการผ่อนบ้านเป็นหลัก และไม่สามารถซื้อบ้าน 2 หลังได้ในเวลาเดียวกัน แต่การเช่าบ้าน จะมีโอกาสเลือกได้มากกว่า
5. ความต้องการเป็นเจ้าของทรัพย์สิน การซื้อบ้าน จะมีสิทธืเป็นเจ้าของทรัพย์สิน โดยเฉพาะบ้านพร้อมที่ดิน จะมีแต่มูลค่าที่สูงขึ้นในระยะยาว เนื่องจากที่ดินมีปริมาณอุปทานอย่างจำกัด ไม่สามารถหาเพิ่มได้ และไม่มีการเสื่อมมูลค่า ทำให้ราคาที่ดินจะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งในบางที่อาจจะเพิ่มสูงเร็วกว่าค่าเสื่อมราคาของอาคารสิ่งปลูกสร้างได้ด้วย เรียกว่า ได้อยู่อาศัยและยังมีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นด้วย แต่สำหรับการเช่า กรรมสิทธิ์ของสินทรัพย์จะยังคงเป็นของเจ้าของเดิม ไม่ได้โอนมายังผู้เช่า ซึ่งจะทำให้เมื่อเวลาผ่านไป ก็ยังคงไม่มีทรัพยืสินในระยะยาวอยู่ดี เว้นเสียแต่ว่า มีการเก้บเงินส่วนต่างระหว่างค่าเช่าและการผ่อนไปลงทุนอย่างอื่นเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่สูงกว่า
6. เงินตั้งต้นในการดำเนินการ ในการซื้อบ้าน จะต้องใช้เงินก้อนในการดำเนินการเรื่องต่าง ๆ หลายเรื่อง เช่น ค่าโอน ค่ามัดจำ ค่าเงินเดาวน์ ค่าประกันมิเตอร์น้ำ มิเตอร์ไฟ ค่าตกแต่ง (ยกเว้นโครงการหมู่บ้านจัดสรรจ่ายให้) สำหรับบ้านเช่า จะมีค่าใช้จ่ายแค่ค่ามัดจำ เท่านั้น ซึ่งจะใช้เงินก้อนที่น้อยวกว่าซื้อเป้นอย่างมาก
7. ภาระการซ่อมแซม ในการเช่าบ้าน ผู้ให้เช่าจะต้องรับภาระการซ่อมแซมบ้านทั้งหมด ซึ่งผู้เช่า โดยปกติไม่ต้องรับผิดชอบในส่วนนี้ แต่การซื้อบ้านจะต้องมีการเตรียมเงินเพื่อการซ่อมแซมปรับปรุงบ้าน ในปกติแล้ว การซ่อมแซมครั้งใหญ่สำหรับบ้านที่อายุเกิน 10 ปีขึ้นไป จะเกิดทุก 5 ปี แต่ใน 10 ปี แรก ก็จะต้องมีการซ่อมอยู่เป็นระยะ ปัญหาส่วนใหญ่ของบ้านคือการเสื่อมสภาพของท่อน้ำประปา และการทรุดตัวของบ้าน โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพที่เป็นพื้นดินอ่อน
ทั้ง 7 ข้อข้างต้น เป็นประเด็นที่ต้องนำมาพิจารณาในการตัดสินใจ แต่สุดท้าย ต้องอยู่บนความสุข กำลังของตนเอง
ขอบคุณแหล่งที่มา : http://www.funfundforum.com/2012_11_01_archive.html
เอามาฝากสำหรับคนที่กำลังคิดจะซื้อบ้านครับ