หลังการเดินทางมาถึงเกาะอันห่างไกลจากแผ่นดินใหญ่เกือบค่อนถึงไต้หวัน นั่นคือ "โอกินาวา" วันและเวลามันช่างผ่านไปรวดเร็วเสียจริง ๆ  เข้าสู่วันที่ 3 ของการอยู่ในโอกินาวา และวันนี้จะต้องเดินทางออกจากโรงแรม ANA INTERCONTINENTAL MANZA BEACH ที่ออนนะเพื่อกลับไปยังนาฮา เมืองหลวงของโอกินาวา

อ่านรีวิวตอนก่อนหน้าได้ที่ >>> << หนาวนี้ >>เมื่อฉันไปเยือนโอกินาวา แดนใต้สุดของญี่ปุ่น I http://pantip.com/topic/35943896
รีวิวตอนที่ 2 : สู่ตอนใต้นาฮา OKINAWA WORLD http://pantip.com/topic/35953525
รีวิวตอนที่ 3 : สู่ตอนเหนือ OKINAWA http://pantip.com/topic/35962970

การเดินทางจากโรงแรม ANA มายังเมืองนาฮาก็ทำได้โดยการนั่งลีมูซีนบัสจากโรงแรม โดยจะต้องทำการซื้อตั๋วรถลีมูซีนบัสตามเคาเตอร์ขายตั๋วตามโรงแรม ซึ่งจะต้องถามพนักงานโรงแรมนะครับว่า เคาเตอร์ขายตั๋วลีมูซีนอยู่ตรงไหน พอซื้อแล้วก็รอเวลารถลีมูซีนบัสมารับจากนั้นรถลีมูซีนบัสก็จะเข้าไปรับผู้โดยสารตามโรงแรมต่าง ๆ แล้วก็มุ่งหน้าสู่นาฮา เมืองหลวงของโอกินาวา


จากแผนที่โอกินาวาจะเห็นได้ว่าเมืองนาฮา อยู่เกือบตอนใต้ของเกาะโอกินาวา ส่วนโรงแรม ANA INTERCONTINENTAL ที่ผมได้พักนั้นอยู่เกือบตรงกลางของเกาะ ดูตรงจุดชมวิวหน้าผามันซาโนะครับที่ตั้งโรงแรมก็อยู่ละแวกแถวนั้น ซึ่งจะเรียกว่า ONNA VILLAGE แต่ตอนนี้ได้เวลากลับลงใต้เพื่อตั้งหลักสำหรับทริปวันต่อไปก่อนครับ


หลังการเดินทางจากออนนะมาถึงนาฮาใช้เวลาประมาณเกือบ 2 ชั่วโมง รถลีมูซีนบัสก็ได้เดินทางมาถึงนาฮา โดยผมลงที่ป้ายท่ารถนาฮา (NAHA BUS TERMINAL)  เพราะป้ายนี้จะอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟโมโนเรลสถานี Asahibashi ซึ่งอยู่ใกล้กับสถานี Kencho-mae เพียงสถานีเดียวซึ่งสถานีนี้เป็นสถานีที่ผมได้จองที่พักเอาไว้นั่นเอง ตอนนี้เรามาดูบรรยากาศบริเวณรอบสถานี Asahibashi กันก่อนดีกว่าครับ

หมายเหตุ *** สถานี Asahibashi เป็นสถานีโมโนเรลที่ตั้งอยู่ใกล้กับ Naha Bus Terminal ดังนั้นใครจะมาต่อรถบัสไปที่ท่องเที่ยวส่วนอื่น ๆ หรือจะมารอลีมูซีบัสไปโรงแรมทางตอนกลางของเกาะก็ต้องมาลงสถานีนี้ครับ


บรรยากาศรอบสถานี Asahibashi สวยไหมครับคุณผู้ชมมมมมม หลังจากชมวิวสักพักนึกได้ว่าเดี๋ยวเราต้องลงไปตอนใต้กว่านาฮาอีกนะ ดังนั้นเอ้อระเหยไม่ได้แล้วรีบเอากระเป๋าไปฝากที่เกสท์เฮาส์ดีกว่า


ในตอนนี้ผมจะมาแนะนำขั้นตอนการซื้อบัตร YUI MONORAIL กันดีกว่าเพราะวันแรกผมไม่ได้ซื้อเพราะเจอคนญี่ปุ่นใจดีที่ตรงบริเวณสถานีโมโนเรลสนามบินให้ตั๋ว 2 DAY PASS มาฟรี ๆ แต่วันนี้ต้องมาซื้อเองซะแล้วก็ลองดูกันเลย
ภาพที่ 1 ให้กดปุ่ม ENGLISH (ปุ่มสีฟ้า) ที่อยู่ตรงมุมขวาบน
ภาพที่ 2 เมนูบนหน้าจอมอนิเตอร์จะเปลี่ยนจากภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาอังกฤษ โดยต้องทำความเข้าใจดังนี้
            Monorail ticket  หมายถึง ตั๋วรายเที่ยว

            1 Day Pass & 2 Day Pss หมายถึง ตั๋วรายวันและสองวันโดยมีเวลาการใช้ 24 และ 48 ชั่วโมง ตามลำดับ นับเวลาตั้งแต่ตอนที่ซื้อ เช่น
ซื้อบัตร 1 Day Pass วันที่ 27 ธันวาคม เวลา 11.28 น. บัตรก็จะหมดอายุวันที่ 28 ธันวาคมเวลา 11.28 น. และที่สำคัญบัตรนี้มีค่าใช้เป็นส่วนลดเข้าพวกปราสาทชูริได้ด้วยนะจาก 800 กว่าเยนเหลือ 600 กว่าเยนประหยัดตังค์ ส่วนที่ไหนใช้บัตรนี้ลดได้ลองถามเจ้าหน้าที่ดูนะครับ
            Commuter Pass อันนี้ไม่แน่ใจข้ามไปแล้วกันนะครับ และตั๋วนี้เราคงไม่ใช้แน่ ๆ

            IC CARD   หมายถึง บัตร OKICA ก็เหมือนคล้ายบัตรสารพัดประโยชน์ที่ใช้ได้ทั้งโมโนเรลและรถบัส ซึ่งใครใช้บัตรนี้เวลาขึ้นรถบัสก็แตปที่เครื่องก่อนนะครับ และรู้สึกว่าถ้าเงินไม่พอสามารถเติมเงินบนรถบัสได้ด้วย แต่ผมไม่ได้ใช้บัตรนี้ อิอิ

จากนั้นก็กดตามขั้นตอนไปเรื่อย ๆ ครับก็จะได้บัตร DAY PASS  ออกมาจากเครื่อง

นี่ไงบัตร 2 DAY PASS ของเราที่กดด้วยน้ำมือของตัวเอง 555 หลายคนอาจถามว่าทำไมผมใช้บัตร 2 DAY PASS  เพราะการมาโอกินาวาเนี่ยเป็นครั้งแรกของผมก็อยากจะเก็บบรรยากาศในตัวเมืองนาฮาให้ได้มากที่สุด ก็ต้องขึ้นโมโนเรลหลายรอบ ส่วนรถบัสขึ้นไม่ค่อยบ่อยเท่าไหร่เพราะว่าแต่ละสถานที่นั่งรถบัสไปก็เกือบชั่วโมงแล้วครับ ตีไปวันหนึ่งเที่ยวได้ประมาณ 2 ที่เต็ม ๆ
พอซื้อตั๋วเสร็จเรียบร้อยก็ได้เวลานั่งโมโนเรลจากสถานี Asahibachi มาลงสถานี Kencho-mae (หรือสถานี Prefectural Office Station)  จากนั้นก็เดินไปตามอากูเกิลแมพ ซึ่งที่พักของผมจะเลยถนนโคคุไซโดริไปหน่อยแต่ไม่ไกลมาก

ระหว่างทางหลังจากลงจากสถานี Kencho-mae แล้วบริเวณใกล้ทางแยกก็เจอกับเหล่าคุณตำรวจแห่งโอกินาวา กำลังบรรเลงเพลงในช่วงเทศกาลแห่งความสุขกันอยู่ ตัวเราเองได้ยินเสียงเพลงก็ไปฟังเกือบ 15 นาที เอิมได้ข่าวว่าจะต้องไปที่อื่นอีกนะ


พอฟังเพลงเสร็จเรียบร้อยก็เดินข้ามถนนไปยังฝั่งถนนโคคุไซโดริ เพราะที่พักที่ผมจองอยู่ฝั่งเดียวกับถนนสายนี้แต่คนละซอยกัน หลังจากเปิดอากูเกิลแมพก็มาเจอทางที่ซับซ้อน และก็หลงในซอยจนผมต้องเดินไปถามพนักงานร้านคาเฟ่แถวนั้นว่า คุณรู้จัก Minshuku Getto ไหมซึ่งปรากฏว่าพนักงานคนนั้นเดินนำทางพาผมไปพอเจอแยก พนักงานคนนั้นก็บอกทางว่าเดินไปทางนี้ก็เจอแล้ว โอ๊ยเจอคนใจดีอีกแล้ว และในที่สุดก็มาถึงเกสท์เฮาสท์ซะที
เกสท์เฮาส์ก็ให้เชคอินได้ตอนบ่ายสามโมง แต่ผมไปถึงก็เกือบ 11 โมงเลยบอกเจ้าของเกสท์เฮาส์ว่าผมฝากกระเป๋าไว้ก่อนนะครับ เดี๋ยวมาเชคอินอีกทีตอนเย็น ๆ ค่ำเลย จากนั้นก็ได้เวลาตะลอนนาฮากันแล้ว

ระหว่างเดินสำรวจในซอยก็เจอตู้กดน้ำ แล้วต่อมความอยากน้ำก็กำเริบโดยลืมไปเลยว่ายังไม่ได้กินน้ำเลยเอาเสียตังหน่อย

ซอยที่เกสท์เฮาส์ที่ผมจองตั้งอยู่ครับ

พอออกจากหน้าปากซอยอันเป็นที่ตั้งเกสท์เฮาส์ก็เจอถนนเดินไปทางขวามือก็ถึงถนนโคคุไซโดริใช้เวลาประมาณ 5 นาทีเอง แต่ถนนสวยจังเนอะจากนั้นก็เดินข้ามถนนตรงแยกถนนโคคุไซโดริ จินตนาการว่าอยู่แยกชิบูย่า โตเกียว



ตั้งแต่มาโอกินาวาช่วงนี้เจอเด็กนักเรียนเยอะเหลือเกิน จิตใจกระชุ่มกระชวยเลยทีเดียว ภาพสุดท้ายจะเห็นซอยระหว่างตึกสองตึกตรงนั้นแหละครับ ที่เรียกว่า ถนนโคคุไซโดริ หรือบางคนก็เรียกว่า ถนนนานาชาติ (ทำไมกัน ??)


ป้ายสถานีอันเป็นที่ตั้งของถนนโคคุไซโดริ และเกสท์เฮาส์ที่ผมจองไว้ จากนั้นผมก็นั่งโมโนเรลไปลงสถานี Asahibashi ที่เดียวกับที่ลงมาจากลงลีมูซีนบัสนั่นแหละครับ ชีวิตวันนี้วนเวียนแค่ 2 สถานี

บรรยากาศบนสถานีโมโนเรล Kencho-mae ซึ่งสถานีโมโนเรลของนาฮานั้น ค่อนข้างเล็กและแคบมากครับพูดง่าย ๆ เล็กกว่าสถานี BTS เกือบครึ่งหนึ่งเลย จริง ๆ นะ

ตอนนี้มาถึงสถานี Asahibashi อันเป็นที่ตั้งของ Naha Bus terminal กันแล้วซึ่งรายละเอียดของนาฮาเทอร์มินอล ผมจะพูดในความคิดเห็นต่อไปครับ