ถนนสีหม่น ความฝัน และจิตวิญญาณ

กระทู้สนทนา
อมยิ้ม29อมยิ้ม29


ถนนสีหม่น ความฝัน และจิตวิญญาณ (ส่วนที่หนึ่ง)

โดย ….  Lady Star

==========* ========== *==========


               ถนนเส้นหนึ่งทอดยาวไกลสุดลูกหูลูกตา ถนนลาดยางสีหม่นและเป็นเพียงถนนไม่สมประกอบเส้นหนึ่ง บางช่วงถนนขาดแหว่งเป็นหลุมเป็นบ่อ ฝนตกลงมาหน่อยก็ถูกน้ำขังเอ่อนองจนน่าใจหาย

               รถยนต์คันไหนแล่นผ่านมาไม่ยอมลดความเร็วละก็ มีหวังตกลงไปในหลุม น้ำนองสาดกระเด็นไปทั่วทุกสารทิศ รถกระตุกซัดโซเซ พวงมาลัยหมุนซ้ายขวาคงได้เล่นงานคนขับให้ใจหายใจคว่ำ และเพียงเสี้ยววินาทีก็ได้พารถคู่ใจทะยานพุ่งทะลุอากาศธาตุตรงดิ่งไปถึงจุดหมายที่ป่าละเมาะข้างทางเป็นแน่ ชีวิตของคนในรถถูกแขวนอยู่บนเส้นด้ายซึ่งพร้อมจะขาดสะบั้นได้ทุกเวลา

               อุบัติเหตุอันน่าสะเทือนขวัญหลายต่อหลายครั้งที่เกิดขึ้นบนถนนสีหม่นแห่งนี้  ถูกกล่าวขานเลื่องลือไปไกลข้ามแม่น้ำ ข้ามทะเลทรายหรือแม้แต่หุบเขาอันรกร้างก็ยังได้รับทราบข่าวเรื่องน่าสะเทือนใจที่เกิดขึ้น


               ผู้คนกลุ่มหนึ่งต่างหวาดกลัวเล่าลือว่ามันคือคำสาปแช่งหรือแม้แต่กล่าวอ้างถึงมารดำผู้ชั่วร้าย ร่ายมนตร์คาถาสาปพันธนาการพวกเขาทั้งหลายที่เดินทางมายังถนนสีหม่น ให้จมติดอยู่ในถนนเส้นนี้ หาทางออกไม่เจอ หาทางกลับก็ไม่เจอ มารดำตนนั้นจะคอยกลืนกินความฝันและจิตวิญญาณของพวกเขาไปทีละนิดทีละน้อย ไม่นานพวกเขาเหล่านั้นก็จะกลายเป็นเพียงมนุษย์ที่มีตัวตนแต่ไร้จิตวิญญาณ มีร่างกายแต่ไร้หัวใจและความฝัน

              เป็นมนุษย์ที่มีเพียงแต่ร่างกายแต่ไร้หัวใจ ไร้ความฝัน และไร้ซึ่งจิตวิญญาณ  โอ้ … ช่างเป็นสิ่งที่โหดร้ายเหลือเกิน มารดำผู้ชั่วร้ายพรากสิ่งงดงามที่สุดของมนุษย์ไปจากพวกเขา แล้วปล่อยให้พวกเขามีชีวิตราวกับเป็นซากต้นไม้ที่แห้งเหี่ยวรอวันร่วงโรยราดับสูญสลาย

              ใครก็ตามที่เดินทางมายังถนนเส้นนี้จะไม่มีโอกาสได้กลับไปยังที่ที่ตนจากมาตลอดกาล

               ถึงกระนั้นก็เถอะถนนสีหม่นนี้ยังมีผู้คนแวะผ่านไปมาอย่างไม่ขาดสาย……

              
               เพราะยังมีผู้คนกลุ่มหนึ่งที่เชื่อมั่นในความฝันอันยิ่งใหญ่ พวกปฏิเสธเรื่องสาปแช่งหรือเรื่องของมารดำ ทุกอย่างที่คนกลุ่มหนึ่งเชื่อถือ คนกลุ่มนี้หาได้เชื่อตามไม่ พวกเขาเชื่อในความพยายามความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อ หากใครก็ตามที่ก้าวข้ามพ้นถนนสีหม่นเส้นนี้ไปได้  เส้นทางข้างหน้าก็คือความสุขที่พวกเขาพึงปรารถนา

               ผู้คนกลุ่มหนึ่งหอบหิ้วความฝันอันยิ่งใหญ่ พากันทยอยเดินทางผ่านถนนสีหม่น บางคนก็ขับรถยนต์คันหรู แต่ก็มีหยุดพักข้างทางบ้างเพื่อศึกษาแผนที่ บางคนก็ขับรถจักรยานยนต์ บางคนก็ปั่นจักรยาน บางคนก็เลือกที่จะเดิน คลื่นมวลชนนักเดินทางคนล่าฝันพลัดเปลี่ยนกันเดินทางผ่านถนนสีหม่นเพื่อไปยังถนนสีสดใสที่รอคอยอยู่ข้างหน้า วันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่า บางวันก็คนเยอะ บางวันก็ไม่มีใครผ่านมาทางนี้เลย


               ดรุณีน้อยนางหนึ่งสะพายเป้สีชมพูใบใหญ่ที่ยัดความฝันใส่ไว้จนเต็ม ความฝันที่เธอเฝ้าบ่มเพาะจนเต็มในหัวใจเต็มในจิตวิญญาณ เธอร่ายความฝันออกมาแล้วยัดมันทั้งหมดลงในกระเป๋าเป้ใบนี้ เป้สีชมพูคือสมบัติอันล้ำค่าที่สุดของเธอ ดรุณีน้อยยืนจ้องมองไปยังถนนสีหม่นแววตาเป็นประกายดาววาววับมันคือแววตาแห่งความมุ่งมั่นไร้ความหวาดกลัว

              ผืนแผ่นดินของถนนลาดยางแตกระแหงปูดนูนขึ้นมา ผิวถนนขรุขระ แต่แววตาของดรุณีน้อยก็มิได้ย่อท้อต่อเส้นทางที่ไม่น่าเดินทางผ่านเส้นนี้ และถึงแม้จะมีเรื่องราวของมารดำวนเวียนอยู่ในหัวของเธอ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอหวาดกลัวต่อความโหดร้ายของมารดำ ความมุ่งมั่นและความตั้งใจล่าฝันยังคงอัดแน่นอยู่ในหัวใจถึงจะมีอาการมือสั่นเล็กน้อยเมื่อนึกถึงมารดำ แต่ความกล้าและบ้าบิ่นของดรุณีน้อยก็พอต่อสู้กับอาการมือสั่นได้พอสมควร

               “เอาล่ะว่ะ เป็นไงเป็นกัน ตายเป็นตาย” ดรุณีน้อยพูดกับตัวเอง เธอสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด มือทั้งสองดึงกระชับสายกระเป๋าเป้เพื่อเพิ่มพลังให้ตัวเอง

               ก้าวแรกเหยียบย้ำลงบนถนนสีหม่น หัวใจของเธอเต้นถี่อย่างน่าตกใจ ราวกับคนที่เพิ่งวิ่งรอบสนามฟุตบอลสิบรอบก็ไม่ปาน เธอหยุดยืนยิ่งอยู่กับที่ก่อนจะหลับตาลงสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด รวบรวมสติทั้งหมดกลับมา ก่อนจะลืมตาขึ้น แล้วสาวเท้าเดินอย่างมุ่งมั่น มั่นคงและเด็ดเดี่ยว ไม่มีสิ่งไหนหยุดเธอได้

               หลายคนอาจมียานพาหนะที่สามารถพาพวกเขาให้ไปถึงเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว แต่สำหรับดรุณีน้อยแล้ว เธอมีเพียงสองเท้าที่จะพาเธอไปถึงยังฝั่งฝัน  เธอจะใช้พลังขาทั้งสองเดินให้ไปถึงจุดหมายแม้จะช้ากว่าคนอื่น แต่เป้าหมายไม่เคยเปลี่ยนสักวันคงไปถึงถนนสีสดใสแน่นอน เธอพร่ำบอกกับตัวเองอย่างนี้เรื่อยมา

               หลายคนเมื่อรู้ว่าเธอจะเดินเท้าผ่านถนนสีหม่น เพื่อไปยังถนนสีสดใสต่างพากันหัวเราะเยาะ ตอกย้ำซ้ำเติมว่าไม่มีทางที่เธอจะทำได้  มีแต่จะไปตายบนถนนสีหม่นนั้น หรือไม่ก็ถูกมารดำสูบกินจิตวิญญาณและความฝันไปจนหมดสิ้น  เธอเพียงตอบกลับคนพวกนั้นว่า ช้าๆได้พร้าเล่มงามไม่เคยได้ยินหรือไง  แต่นั่นยิ่งทำให้พวกเขาหัวเราะกันไปใหญ่และต่างพากันส่ายหน้า ราวกับไม่เห็นดีเห็นงามกับการล่าฝันครั้งนี้ของเธอ


               เส้นทางนี้ยาวไกลสุดลูกหูลูกตาดรุณีเดินย้ำเหยียบลงพื้นถนนด้วยพลังแห่งความฝัน เธอไม่ทราบว่าตัวเองเดินมาไกลแค่ไหน แต่เมื่อหันกลับไปมองยังจุดเริ่มต้นที่เธอออกเดินจากมา เธอก็มองไม่เห็นป้ายเตือนที่เขียนว่า ถนนสีหม่นไปแล้วระวังจะหาทางกลับไปไม่เจอ

               ดรุณีน้อยหยุดเดินเพื่อดึงขวดน้ำที่เหน็บอยู่ข้างกระเป๋าเป้ เธอดื่มน้ำจากขวดไปสามอึกใหญ่ ก่อนจะปิดฝาขวดจนแน่นสนิทดีแล้วก็ยัดมันกลับเข้าที่เดิม

               ปี๊ดๆ ปี๊ดๆ ……

               เสียงแตรรถยนต์คันหรูบีบไล่เธอ

               “ไปเดินข้างทางสินังหนู จะมาเดินอะไรกลางถนนเดี๋ยวรถก็ชนตาย ห่-า กันพอดี”   คนขับรถหรูลดกระจกตะโกนไล่เธอก่อนจะเร่งเครื่องยนต์แล่นเข้าไปในกลุ่มหมอกควันสีขาวเบื้องหน้าที่เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆแล้วหายลับไปราวกับล่องหนได้

               ดรุณีน้อยกระโดดหลบมาอยู่ข้างทาง ด้วยสีหน้างุนงงมือเกาหัวตัวเองแกรกๆปั้นหน้ายิ้มแห้งๆก่อนจะตะโกนไล่หลังว่า ขอโทษค่ะ แต่คนขับรถคงไม่ได้ยิน



               “หลบหน่อย ขอทางหน่อยครับ” เสียงหนึ่งตะโกนมาจากด้านหลังของเธอ

               สิงห์นักปั่นหนุ่มหล่อหน้าตาคมคายสไตล์เกาหลี ปั่นจักรยานมาด้วยความเร็ว พุ่งตรงมาที่ดรุณีน้อย เอาไงดีล่ะ ไปอยู่กลางถนนก็ถูกไล่ให้มาอยู่ข้างทาง มาอยู่ข้างทางก็ถูกไล่อีกแล้วฉันจะไปอยู่ตรงไหนดีนี่  ดรุณีน้อยครุ่นคิดได้ไม่นานก็ต้องหาที่หลบจักรยานซึ่งพุ่งมาด้วยความเร็วสูง เธอตัดสินในกระโดดหลบไปยังพุ่มหญ้าข้างทางทุ่มตัวนอนราบไปกับพื้นหญ้าราวกับเป็นทหารรอซุ่มโจมตีข้าศึก

               สิงห์นักปั่นสุดหล่อหยุดรถตรงหน้าดรุณีน้อยพอเหมาะพอดี แล้วพูดขึ้นว่า

               “เธอไปนอนอะไรตรงไหนสาวน้อย เดี๋ยวก็ถูกงูกัด ตายห่-าพอดี”

               “อ่อ เอ่อ ..ก็หลบเธอไง”  ดรุณีน้อยตอบกลับเสียงใสแจ๋ว

               “หลบก็แค่ถอยห่างไปนิดเดียวก็พ้นแล้ว เธอไม่ต้องลงทุนไปนอนราบบนพื้นแบบนั้นก็ได้ เอาล่ะๆรีบลุกขึ้นมาได้แล้ว”

               สิงห์นักปั่นสุดหล่อพูดอย่างเหนื่อยอ่อนแววตาจ้องมองดรุณีน้อยอย่างประหลาดใจเกิดมาในชีวิตนี้เพิ่งเคยเห็นคนหลบจักรยานด้วยการกระโดดลงไปนอนราบกับพื้น ทั้งอยากหัวเราะทั้งเห็นใจ จึงได้แต่ปั้นทำหน้าเข้มหล่อเอาไว้

              ดรุณีน้อยดีดตัวยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะใช้มือปัดเศษดินเศษหญ้าที่ติดมากับเสื้อผ้าออกจนหมดเกลี้ยง

               “คนที่มาบนถนนเส้นนี้ชอบพูดว่า ตายห่-าเนอะ พูดอะไรที่มันสุภาพกว่านี้ไม่เป็นหรือไง” ดรุณีน้อยพูดขึ้นบ้าง

              “ก็ตายห่-ากันหมดจริงๆนี่น่า ใครที่มาถนนเส้นนี้ถ้าหาทางออกหรือหาทางกลับไม่เจอก็มีแต่ตายห่-ากันทั้งนั้น มันจะไม่สุภาพตรงไหน” สิงห์นัก  ปั่นสุดหล่อตอบกลับน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนจะเอ่ยถามต่อ

              “แล้วเธอใช่ไหมที่จะเดินเท้าไปยังถนนสีสดใส”

              “อืม ..ใช่”  ดรุณีน้อยพยักหน้าตอบสั้นๆ

               “ฉันอยากให้เธอนั่งซ้อนท้ายไปด้วยนะ แต่ฉันก็ต้องรีบไปให้ถึงโดยเร็ว หากมีเธอซ้อนท้ายไปด้วยคงไปถึงช้า  เธอเดินไหวนะ”  สิงห์นักปั่นสุดหล่อพูดขึ้น

               “ไหวอยู่แล้วเธอไปเถอะฉันชอบเดิน เดินไปเรื่อยๆก็สนุกดีนะ เธอจะมาเดินเป็นเพื่อนฉันก็ได้นะ ทิ้งจักรยานไว้ตรงนี้เลย”  ดรุณีน้อยพูดตอบกลับพลางชี้นิ้วไปที่พุ่มหญ้าข้างทางเพื่อบอกให้สิงห์นักปั่นสุดหล่อทิ้งจักรยานของเขาไว้ที่นี่

              “โอ๊ย .. ไม่เอาด้วยหรอก เดินไปเหนื่อยจะตายฉันคงเดินไม่ไหว และกว่าจะไปถึงคงใช้เวลานานน่าดูเลย เธอก็คงรู้ใช่ไหมใครๆเขาก็รีบกันทั้งนั้น  งั้นฉันไปก่อนนะ ดูแลตัวเองด้วยนะสาวน้อย อย่ามาตายห่-าที่ถนนเส้นนี้ล่ะ เดี๋ยวศพไม่สวย”  

               พูดจบสิงห์นักปั่นสุดหล่อก็พาจักรยานคู่ใจทะยานสู่กลุ่มหมอกควันสีขาวเบื้องหน้าแล้วหายลับไปอีกคน

               ดรุณีน้อยได้แต่ยืนโบกมือลาสิงห์นักปั่นสุดหล่อด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส  ปากตะโกนโชคดีนะ

               โดยไม่รู้ตัวเลยว่าทางข้างหน้าไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่เธอคิดไว้…..



..........^_^..........


==========*==========
โปรดติดตามต่อส่วนที่สองค่ะ
ขอความสดใสและความสุขจงสถิตอยู่กับทุกท่าน
แด่…. ทุกคนที่มีความฝันอยู่ในหัวใจ^^

==========*==========


ขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนมาอ่านค่ะ^^


ดอกไม้ดอกไม้ดอกไม้ดอกไม้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่