ตอนที่ 1
http://pantip.com/topic/34376337
ตอนที่ 2
http://pantip.com/topic/34377951
สวัสดีครับ หลังจากห่างหายจากการรีวิวไปนานนนน แสนนาน พอดีได้มีโอกาสกลับไประลึกความหลังที่ “อุทยานแห่งชาติภูกระดึง” มาครับ ซึ่งเป็นรอบที่ 5 ของผมแล้ว… ครั้งแรกเมื่อ 14 ปีที่แล้ว ครั้งก่อนหน้านี้ก็ 3 ปีที่ก่อน คือปี 2012 ครั้งนี้กลับมาอีกครั้งหวังว่า ภาพความสวยงามเหมือนเก่าที่ผมเคยเจอมาหลายๆครั้ง จะยังคงอยู่ โดยรอบนี้ผมเลือกที่จะมาช่วงฤดูฝน กลางเดือนตุลาคม …เอาละครับไปกันเลยดีกว่า
คืนวันที่ 16 ตุลาคม หลังจากผมเสร็จสิ้นภารกิจการงาน ผมมุ่งหน้าไปที่สถานีขนส่งหมอชิต 2 โดยรอบนี้ผมใช้บริการของภูกระดึงทัวร์ ราคาก็ประมาณ 384 บาท หรือเปล่าผมจำไม่ได้ 55 รถออกประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง ครับ นั่งๆ นอนๆ เล่นมือถือ แวะกินข้าว จนประมาณ ตี 4 ครับผมก็มาถึงผานกเค้า ซึ่งเงียบกริบ… ไม่มีใครเลยครับ แม้กระทั้งร้านเจ๊กิม ก็ยังปิดอยู่ จนกระทั้ง ตี 5 ก็เริ่มมีความเคลื่อนไหวครับ ร้านเจ๊กิมเปิด เช่นเดียวกัน นักท่องเที่ยว ทั้งหนุ่มสาวกลุ่มใหญ่ มากัน 8 -9 คนมานั่งรอขึ้นรถสองแถว เช่นเดียวกับผม เวลานี้ใครที่เคยมาภูกระดึง ก็คงต้องหาอะไรลองท้องกันก่อนนะครับ เดี๋ยวจะไม่มีแรงปีนป่าย และที่สำคัญใครที่ซื้อตั๋วเที่ยวเดียว แบบผม อย่าลืมๆ เด็ดขาด ข้างๆ ร้านเจ๊กิม จะมีร้านขายตั๋วรถโดยสาร กลับ กทม. อย่าลืมซื้อสำหรับวันกลับไว้ด้วยนะครับ วันกลับจะได้ปลอดภัยมีรถกลับแน่นอน ยกเว้นทำตั๋วรถหาย 555
ตอนนี้รถ สองแถวสีแดงพร้อมให้บริการเดินทางสู่ “ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวศรีฐาน” อันเป็นตั้งของจุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งนี้แล้วครับ สนนราคาค่ารถ โดยทั่วไปรถจะรับได้ 10 คนครับ ถ้ามาครบ 10 ก็คนละ 30 บาท แต่ถ้าไม่ถึงก็ต้องหารกันครับ หรือใครจะเหมาก็ได้นะ 300 บาท ต่อเที่ยวครับ…วันนี้ผมโชคดีที่ได้เจอน้องๆ หนุ่มสาว บนรถก็เลยติดไปด้วยกันครับ ....เอาละไปกันเลยย


ตอนนี้ถึงตัวอุทยานแล้วครับ ก่อนอื่นเลยต้อง 6 โมงเช้าก่อน เพราะตอนนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่มาเลย นั่งรอนอนรอไปสักพัก เจ้าหน้าที่ก็ตะโกนบอกว่า “เข้าแถวเลยนะค่ะ” ผมไม่รอช้าครับ ติดต่อ จองเต๊นท์ ราคาก็ 225 บาทต่อคืน จองเต๊นท์เสร็จอย่าลืมไปจ่ายค่าเข้าอุทยานอีก 40 บาท นะครับ ที่นี่ยังใช้ราคาเก่าอยู่ บางที่ปาไป 100 บาทละ ต่อจากนั้นก็เดินไปด้านหลังของอุทยานครับ จะมีที่ที่เราต้องไปลงชื่อ ใครที่อยากได้เกียรติบัตร ก็ลงชื่อพร้อมจ่ายเงินมัดจำ ไว้ที่ตรงนี้ แต่มีข้อชีแจงไว้ว่าใครที่จะได้เกียรติบัตร ต้องแบกขยะอย่างน้อย 1 กิโลกรัม จากยอดภูลงมาด้านล่างครับ ถึงจะได้เกีรยติบัตรนี้ 55 พอดีผมเคยได้มาละ รอบนี้เลยขอผ่านละกันครับ แค่ลงชื่อพอ เพราะของผมก็เยอะมากพอตัวละครับ เอาละครับไปกันต่อเดินต่อไปอีกจุดหนึ่ง จุดสำหรับจ้างลูกหาบแบกสัมภาระขึ้นให้เราครับ รอบนี้อายุก็มากขึ้นอะนะ ขอฝากพี่ๆลูกหาบขึ้นซักอย่างแล้วกัน สนนราคาค่าจ้างนะครับ ก็ กิโลกรัมละ 30 บาท ผ่านตรงนี้ไปก็พร้อมเดิน ใครจะมาเป็นคู่เพื่อพิสูจน์รักแท้ ใครจะวัดกำลังกาย กำลังขา หรือใครจะมาทำอะไรก็แล้วแต่ ถ้าพร้อมแล้ว เซนต์ชื่อก่อนขึ้นที่ทางเข้าครับ แล้วลุยกันเลยยย….



เช้าวันที่ 17 เวลา 7.09 น. รอบนี้ผมเน้นเดินเรื่อยๆ เก็บภาพชิลๆ ครับ ซำแรกที่เราต้องเจอเลยก็คือ “ซำแฮก” ผมใช้เวลาประมาณ 45 นาที ก็มาถึงซำแฮกครับ แต่ยังไม่ได้ทันได้หายเหนื่อยผมต้องรีบวิ่งไปถ่ายรูปสิ่งที่ผมไม่เคยเจอมาซักครั้งตั้งแต่มาที่นี่ 4 ครั้ง แต่มาเจอครั้งนี่ นั้นก็คือนี่เลยครับ “ทะเลหมอกซำแฮก” ขอบอกว่ามันสวยงามเกินคำบรรยายจริงๆ หมอกเป้นก้อนๆเหมือนขนมสายไหม เห็นแล้วน่าหยิบมากินจริงๆ
เอาละเดินกันต่อไปอีกซักพัก เดินเรื่อยๆ ชมนกชมไม้ไปเรื่อยครับ เหนื่อยก็หาที่พักตามซำต่างๆ ซึ่งจะมีบริการที่นั่งพัก (ฟรี) ไม่ซื้ออะไรก็นั่งได้นะ แต่ส่วนใหญ่ก็ซื้อละ แถมมีให้เลือกกินมากมาย แต่ราคาก็แพงขึ้นตามระดับความสูง นะครับ ยังไงก็อุดหนุน ลุงๆ ป้าๆ เขากันหน่อยนะคร้าบบบ เอาละ หายเหนื่อยลุยกันต่อ ผมเดินมาเรื่อยๆ จนกระทั้งถึงซำสุดท้าย ซำที่ขึ้นชื่อว่า เหนื่อยสุด ตะกายสุด บันไดจะชันไปไหน 555 นั้นคือ ซำแคร่ เอ๊ะ ใช่ป่าวหว่า? ก่อนจะถึงซำนี้ อย่าลืมตุนพลังงาน พลังขา และน้ำดื่มให้เต็มที่นะครับ เพราะระหว่างทางไม่มีที่จะให้ซื้อกินแล้วครับ เอาละไปกันเลยยยย….
เวลา 12.05 “เราคือผู้พิชิตภูกระดึง” ถึงแล้วคร้าบบ พิชิตภูกระดึง รอบที่ 5 สำเร็จ แต่ๆๆๆๆ เรายังต้องเดินทางราบต่ออีก 3 กิโลเมตรครับ เพื่อจะได้ถึงที่ทำการอุทยานวังกวาง ไปๆ เดินต่อ ๆ สองข้างทางที่เราเดินก็จะมีพวกพืชจำพวกเฟิน เต็มสองข้างทางเลยครับ ร่วมทั้งต้นสนที่กำลังขึ้นใหม่ มาภูกระดึงหน้าฝนสิ่งที่ผมชอบคือ รอบข้างจะเป็นสีเขียว ดูสดชื่นมากมายเลยละครับ ตอนนี้อีกแค่ไม่กี่ร้อยเมตรก็ถึงละครับ อีกอึดใจเดียว…..
ถึงแล้วครับ “ศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง” ก่อนอื่นเลย เมื่อมาถึง ใครที่เช่าเต๊นท์ไปติดต่อที่ศูนย์เลยครับ เขาจะบอกว่าเราจะเช่าอะไรเพิ่มหรือเปล่า เช่นหมอน แผ่นรองนอน ถ้าเราเช่าก็ติดต่อตรงเลยเลยครับ แล้วก็นำใบเสร็จไปติดต่อตรงบริเวณที่เขารับจ่ายเต๊นท์ครับ โดยเราจะต้องนำบัตรประจำตัวประชาชน ให้เขาเก็บไว้ด้วยครับ เอาละหาที่ตำแหน่งการนอนคืนนี้ก่อนครับ…ผมโชคดีที่เจอเพื่อนใหม่ คู่แรกของผมครับ เป็นหนุ่มสาวชาวอีสาน หน้าตาน่ารักทั้งคู่ ผู้ชายพาแฟนมาเที่ยวภูกระดึง แบบว่า เดินตามหลังผมมาตลอด ช่วยกันดีมาก พอผู้หญิงเหนื่อยก็จะคอยกระตุ้น อีกนิดๆ ตลอดทาง ผมก็เดินคุยกับน้องๆ เขามาตลอดทาง เห็นแล้วอดอิจฉาไม่ได้จริงๆ….555
ต่อจากนั้น หลายคนเลือกที่จะเดินเที่ยวต่อทันที เช่นเดียว กับเพื่อนใหม่คู่แรกของผม เพราะพรุ่งนี้ทั้งสองก็ต้องลงภูละ แถมต้องแว้นมอเตอร์ไซต์กลับบ้านอีก 5 ชั่วโมง อืมมม….ส่วนผม เลือกที่จะหาข้าวกิน นอนพัก อาบน้ำ และรอกระเป่าสัมภาระผมที่จะมาะพร้อมกับพี่ลูกหาบ ได้ยินมาว่าน่าจะมารอบ 5 โมง ใครที่จ้างหาบแบบผม รอกันหน่อยนะ ^^
คืนนี้น่าเสียดายครับ ที่เมฆหมอกบังดวงจันทร์ และดวงดาว จนมิดไม่เห็นอะไรเลย งั้นขอตัวไปนอนก่อนแล้วกันนะครับ พรุ่งนี้เจอกันที่ผานกแอ่นครับผม
ตี 5 เช้าตรู่วันที่ 18 ตุลาคม
เสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือดังลั่นทั่วทั้งภู เป็นสัญญาณให้ผมและนักท่องเที่ยวต้องตื่นจากการหลับไหล มองดูนาฬิกา ขณะนี้ตี 4 ครึ่ง ได้เวลาไปล้างหน้าแปลงฟัน เก็บอุปกรณ์ เตรียมตัวเดิน 2.3 กิโลเมตร เพื่อไปดูพระอาทิตยืขึ้น และสายหมอก ที่ผานกแอ่น กันครับ แต่มีข้อควรระวังนิดนึงครับ ใครที่จะไปที่หน้าผาแห่งนี้จำเป็นต้องไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่เวลา ตี 5 นะครับ ทางอุทยานไม่อนุญาติให้เดินทางไปกันเองโดยลำพังเพราะอาจจะโดนช้างจูโจมเอาได้ครับ เอาละตอนนี้พร้อมละ เอ้าไปกัน...ไปเก็บหมอกกัน
วันนี้ ที่ผานกแอ่น รอบข้างผมเต็มไปด้วยหมอกจางๆ และท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยเมฆ ทำให้วิวเบื้องอาจจะไม่สวยมากมาย แต่อย่างน้อยบรรยากาศ และอากาศของที่นี่ก็ทำให้ผมรู้สึกถึงความสุข ได้เช่นกัน แต่ก็แอบอิจฉาคนที่มาเป้นคู่จริงๆ แฮ่
ตอนนี้ได้เวลากลับที่พักกันละ ขากลับผมเลือกลับทางเส้น ลานวัดพระแก้ว ครับ ลานหินกว้างๆ มีดอกไม้เล็กๆ ขึ้นท่ามกลางหิน ที่นองไปด้วยน้ำ และมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ พร้อมกับเสียงระฆังที่ใครๆ มักจะเอามาแขวนที่นี่ เออ...เอามาแขวนกันทำไม
หลังจากไปชมวิวสวยๆ อากาศที่สดชื่นยามเช้ากันแล้ว ผมก็ไปหาข้าวกินก่อนครับ ข้าวจานเดียวที่ภูกระดึง ก็จานละ 60 บาท ได้เยอะมากกกครับขอบอก ก่อนจะไปเที่ยวเส้นทางสายน้ำตกวันนี้ ผมให้ทางร้านทำข้าวกล่องไว้ด้วยเผื่อหิวกลางทางครับ แล้วก็อย่าลืมน้ำนะครับ ขวดเล็ก 30 ขวดใหญ่ 60 นะครับ อย่าลืมอีกอย่างครับ เส้นทางสายน้ำตกมีทากอยู่ชุกชุม อย่าลืมใส่ถุงกันทากไปด้วยนะครับ เอาละ ลุยกันเลย
น้ำตกแรกที่เราจะไปคือ น้ำตกวังกวางครับ อยู่ห่างจากที่ทำการไป ประมาณ 1 กิโลเมตร ครับ เดินง่ายๆ ครับ ชิวๆ เป้นน้ำตกที่ใหญ่พอสมควร มีทางเดินลงไปด้านล่าง ระวังๆหน่อยก็ดีครับ ทางลื่น และที่สำคัญ ยุงชุมจัง
เอาละไปกันต่อที่น้ำตก ที่ 2 น้ำตกต่อไปเป็นน้ำตกที่สูง มีจุดที่เราสามารถเอาท้าไปแช่น้ำได้ ขอบอกว่าไม่แช่ไม่ได้นะครับ เย็นมากๆ สดชื่นสุดๆไปเลย นั้นคือ "น้ำตกเพ็บพบ" เมียโผน
ชื่นช่ำกับน้ำใสไหลเย็นไปกันแล้ว เดินต่อกันอีกว่า หนทางยังอีกไกลครับ น้ำตกต่อไปไกลพอสมควรครับ คือ "น้ำตกโผนพบ" เมื่อกี้เมื่อเพ็ญเจอน้ำตกไปแล้ว คราวนี้ถึงตาผัวเจอน้ำตกบ้างครับ 555 น้ำตกนี้น้ำเยอะมากครับ ไหลแรง จะลงไปถ่ายรูปข้างล่างก็ระวังๆ กันหน่อยนะครับ
เอาละไปต่อกันอีกนิด เดินไม่ไกลมากนัก ก็พบแล้วครับ "น้ำตกเพ็บพบใหม่" ผมว่าเมียโผนมาหาที่ซักผ้าไกลนะครับ เจอน้ำตกใหม่อีกละ 555
[SR] "ภูกระดึง" ภูผา สายธาร ท้องฟ้า ดวงดาว ตอนที่ 1
ตอนที่ 1 http://pantip.com/topic/34376337
ตอนที่ 2 http://pantip.com/topic/34377951
สวัสดีครับ หลังจากห่างหายจากการรีวิวไปนานนนน แสนนาน พอดีได้มีโอกาสกลับไประลึกความหลังที่ “อุทยานแห่งชาติภูกระดึง” มาครับ ซึ่งเป็นรอบที่ 5 ของผมแล้ว… ครั้งแรกเมื่อ 14 ปีที่แล้ว ครั้งก่อนหน้านี้ก็ 3 ปีที่ก่อน คือปี 2012 ครั้งนี้กลับมาอีกครั้งหวังว่า ภาพความสวยงามเหมือนเก่าที่ผมเคยเจอมาหลายๆครั้ง จะยังคงอยู่ โดยรอบนี้ผมเลือกที่จะมาช่วงฤดูฝน กลางเดือนตุลาคม …เอาละครับไปกันเลยดีกว่า
คืนวันที่ 16 ตุลาคม หลังจากผมเสร็จสิ้นภารกิจการงาน ผมมุ่งหน้าไปที่สถานีขนส่งหมอชิต 2 โดยรอบนี้ผมใช้บริการของภูกระดึงทัวร์ ราคาก็ประมาณ 384 บาท หรือเปล่าผมจำไม่ได้ 55 รถออกประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง ครับ นั่งๆ นอนๆ เล่นมือถือ แวะกินข้าว จนประมาณ ตี 4 ครับผมก็มาถึงผานกเค้า ซึ่งเงียบกริบ… ไม่มีใครเลยครับ แม้กระทั้งร้านเจ๊กิม ก็ยังปิดอยู่ จนกระทั้ง ตี 5 ก็เริ่มมีความเคลื่อนไหวครับ ร้านเจ๊กิมเปิด เช่นเดียวกัน นักท่องเที่ยว ทั้งหนุ่มสาวกลุ่มใหญ่ มากัน 8 -9 คนมานั่งรอขึ้นรถสองแถว เช่นเดียวกับผม เวลานี้ใครที่เคยมาภูกระดึง ก็คงต้องหาอะไรลองท้องกันก่อนนะครับ เดี๋ยวจะไม่มีแรงปีนป่าย และที่สำคัญใครที่ซื้อตั๋วเที่ยวเดียว แบบผม อย่าลืมๆ เด็ดขาด ข้างๆ ร้านเจ๊กิม จะมีร้านขายตั๋วรถโดยสาร กลับ กทม. อย่าลืมซื้อสำหรับวันกลับไว้ด้วยนะครับ วันกลับจะได้ปลอดภัยมีรถกลับแน่นอน ยกเว้นทำตั๋วรถหาย 555
ตอนนี้รถ สองแถวสีแดงพร้อมให้บริการเดินทางสู่ “ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวศรีฐาน” อันเป็นตั้งของจุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งนี้แล้วครับ สนนราคาค่ารถ โดยทั่วไปรถจะรับได้ 10 คนครับ ถ้ามาครบ 10 ก็คนละ 30 บาท แต่ถ้าไม่ถึงก็ต้องหารกันครับ หรือใครจะเหมาก็ได้นะ 300 บาท ต่อเที่ยวครับ…วันนี้ผมโชคดีที่ได้เจอน้องๆ หนุ่มสาว บนรถก็เลยติดไปด้วยกันครับ ....เอาละไปกันเลยย
ตอนนี้ถึงตัวอุทยานแล้วครับ ก่อนอื่นเลยต้อง 6 โมงเช้าก่อน เพราะตอนนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่มาเลย นั่งรอนอนรอไปสักพัก เจ้าหน้าที่ก็ตะโกนบอกว่า “เข้าแถวเลยนะค่ะ” ผมไม่รอช้าครับ ติดต่อ จองเต๊นท์ ราคาก็ 225 บาทต่อคืน จองเต๊นท์เสร็จอย่าลืมไปจ่ายค่าเข้าอุทยานอีก 40 บาท นะครับ ที่นี่ยังใช้ราคาเก่าอยู่ บางที่ปาไป 100 บาทละ ต่อจากนั้นก็เดินไปด้านหลังของอุทยานครับ จะมีที่ที่เราต้องไปลงชื่อ ใครที่อยากได้เกียรติบัตร ก็ลงชื่อพร้อมจ่ายเงินมัดจำ ไว้ที่ตรงนี้ แต่มีข้อชีแจงไว้ว่าใครที่จะได้เกียรติบัตร ต้องแบกขยะอย่างน้อย 1 กิโลกรัม จากยอดภูลงมาด้านล่างครับ ถึงจะได้เกีรยติบัตรนี้ 55 พอดีผมเคยได้มาละ รอบนี้เลยขอผ่านละกันครับ แค่ลงชื่อพอ เพราะของผมก็เยอะมากพอตัวละครับ เอาละครับไปกันต่อเดินต่อไปอีกจุดหนึ่ง จุดสำหรับจ้างลูกหาบแบกสัมภาระขึ้นให้เราครับ รอบนี้อายุก็มากขึ้นอะนะ ขอฝากพี่ๆลูกหาบขึ้นซักอย่างแล้วกัน สนนราคาค่าจ้างนะครับ ก็ กิโลกรัมละ 30 บาท ผ่านตรงนี้ไปก็พร้อมเดิน ใครจะมาเป็นคู่เพื่อพิสูจน์รักแท้ ใครจะวัดกำลังกาย กำลังขา หรือใครจะมาทำอะไรก็แล้วแต่ ถ้าพร้อมแล้ว เซนต์ชื่อก่อนขึ้นที่ทางเข้าครับ แล้วลุยกันเลยยย….
เช้าวันที่ 17 เวลา 7.09 น. รอบนี้ผมเน้นเดินเรื่อยๆ เก็บภาพชิลๆ ครับ ซำแรกที่เราต้องเจอเลยก็คือ “ซำแฮก” ผมใช้เวลาประมาณ 45 นาที ก็มาถึงซำแฮกครับ แต่ยังไม่ได้ทันได้หายเหนื่อยผมต้องรีบวิ่งไปถ่ายรูปสิ่งที่ผมไม่เคยเจอมาซักครั้งตั้งแต่มาที่นี่ 4 ครั้ง แต่มาเจอครั้งนี่ นั้นก็คือนี่เลยครับ “ทะเลหมอกซำแฮก” ขอบอกว่ามันสวยงามเกินคำบรรยายจริงๆ หมอกเป้นก้อนๆเหมือนขนมสายไหม เห็นแล้วน่าหยิบมากินจริงๆ
เอาละเดินกันต่อไปอีกซักพัก เดินเรื่อยๆ ชมนกชมไม้ไปเรื่อยครับ เหนื่อยก็หาที่พักตามซำต่างๆ ซึ่งจะมีบริการที่นั่งพัก (ฟรี) ไม่ซื้ออะไรก็นั่งได้นะ แต่ส่วนใหญ่ก็ซื้อละ แถมมีให้เลือกกินมากมาย แต่ราคาก็แพงขึ้นตามระดับความสูง นะครับ ยังไงก็อุดหนุน ลุงๆ ป้าๆ เขากันหน่อยนะคร้าบบบ เอาละ หายเหนื่อยลุยกันต่อ ผมเดินมาเรื่อยๆ จนกระทั้งถึงซำสุดท้าย ซำที่ขึ้นชื่อว่า เหนื่อยสุด ตะกายสุด บันไดจะชันไปไหน 555 นั้นคือ ซำแคร่ เอ๊ะ ใช่ป่าวหว่า? ก่อนจะถึงซำนี้ อย่าลืมตุนพลังงาน พลังขา และน้ำดื่มให้เต็มที่นะครับ เพราะระหว่างทางไม่มีที่จะให้ซื้อกินแล้วครับ เอาละไปกันเลยยยย….
เวลา 12.05 “เราคือผู้พิชิตภูกระดึง” ถึงแล้วคร้าบบ พิชิตภูกระดึง รอบที่ 5 สำเร็จ แต่ๆๆๆๆ เรายังต้องเดินทางราบต่ออีก 3 กิโลเมตรครับ เพื่อจะได้ถึงที่ทำการอุทยานวังกวาง ไปๆ เดินต่อ ๆ สองข้างทางที่เราเดินก็จะมีพวกพืชจำพวกเฟิน เต็มสองข้างทางเลยครับ ร่วมทั้งต้นสนที่กำลังขึ้นใหม่ มาภูกระดึงหน้าฝนสิ่งที่ผมชอบคือ รอบข้างจะเป็นสีเขียว ดูสดชื่นมากมายเลยละครับ ตอนนี้อีกแค่ไม่กี่ร้อยเมตรก็ถึงละครับ อีกอึดใจเดียว…..
ถึงแล้วครับ “ศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง” ก่อนอื่นเลย เมื่อมาถึง ใครที่เช่าเต๊นท์ไปติดต่อที่ศูนย์เลยครับ เขาจะบอกว่าเราจะเช่าอะไรเพิ่มหรือเปล่า เช่นหมอน แผ่นรองนอน ถ้าเราเช่าก็ติดต่อตรงเลยเลยครับ แล้วก็นำใบเสร็จไปติดต่อตรงบริเวณที่เขารับจ่ายเต๊นท์ครับ โดยเราจะต้องนำบัตรประจำตัวประชาชน ให้เขาเก็บไว้ด้วยครับ เอาละหาที่ตำแหน่งการนอนคืนนี้ก่อนครับ…ผมโชคดีที่เจอเพื่อนใหม่ คู่แรกของผมครับ เป็นหนุ่มสาวชาวอีสาน หน้าตาน่ารักทั้งคู่ ผู้ชายพาแฟนมาเที่ยวภูกระดึง แบบว่า เดินตามหลังผมมาตลอด ช่วยกันดีมาก พอผู้หญิงเหนื่อยก็จะคอยกระตุ้น อีกนิดๆ ตลอดทาง ผมก็เดินคุยกับน้องๆ เขามาตลอดทาง เห็นแล้วอดอิจฉาไม่ได้จริงๆ….555
ต่อจากนั้น หลายคนเลือกที่จะเดินเที่ยวต่อทันที เช่นเดียว กับเพื่อนใหม่คู่แรกของผม เพราะพรุ่งนี้ทั้งสองก็ต้องลงภูละ แถมต้องแว้นมอเตอร์ไซต์กลับบ้านอีก 5 ชั่วโมง อืมมม….ส่วนผม เลือกที่จะหาข้าวกิน นอนพัก อาบน้ำ และรอกระเป่าสัมภาระผมที่จะมาะพร้อมกับพี่ลูกหาบ ได้ยินมาว่าน่าจะมารอบ 5 โมง ใครที่จ้างหาบแบบผม รอกันหน่อยนะ ^^
คืนนี้น่าเสียดายครับ ที่เมฆหมอกบังดวงจันทร์ และดวงดาว จนมิดไม่เห็นอะไรเลย งั้นขอตัวไปนอนก่อนแล้วกันนะครับ พรุ่งนี้เจอกันที่ผานกแอ่นครับผม
ตี 5 เช้าตรู่วันที่ 18 ตุลาคม
เสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือดังลั่นทั่วทั้งภู เป็นสัญญาณให้ผมและนักท่องเที่ยวต้องตื่นจากการหลับไหล มองดูนาฬิกา ขณะนี้ตี 4 ครึ่ง ได้เวลาไปล้างหน้าแปลงฟัน เก็บอุปกรณ์ เตรียมตัวเดิน 2.3 กิโลเมตร เพื่อไปดูพระอาทิตยืขึ้น และสายหมอก ที่ผานกแอ่น กันครับ แต่มีข้อควรระวังนิดนึงครับ ใครที่จะไปที่หน้าผาแห่งนี้จำเป็นต้องไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่เวลา ตี 5 นะครับ ทางอุทยานไม่อนุญาติให้เดินทางไปกันเองโดยลำพังเพราะอาจจะโดนช้างจูโจมเอาได้ครับ เอาละตอนนี้พร้อมละ เอ้าไปกัน...ไปเก็บหมอกกัน
วันนี้ ที่ผานกแอ่น รอบข้างผมเต็มไปด้วยหมอกจางๆ และท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยเมฆ ทำให้วิวเบื้องอาจจะไม่สวยมากมาย แต่อย่างน้อยบรรยากาศ และอากาศของที่นี่ก็ทำให้ผมรู้สึกถึงความสุข ได้เช่นกัน แต่ก็แอบอิจฉาคนที่มาเป้นคู่จริงๆ แฮ่
ตอนนี้ได้เวลากลับที่พักกันละ ขากลับผมเลือกลับทางเส้น ลานวัดพระแก้ว ครับ ลานหินกว้างๆ มีดอกไม้เล็กๆ ขึ้นท่ามกลางหิน ที่นองไปด้วยน้ำ และมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ พร้อมกับเสียงระฆังที่ใครๆ มักจะเอามาแขวนที่นี่ เออ...เอามาแขวนกันทำไม
หลังจากไปชมวิวสวยๆ อากาศที่สดชื่นยามเช้ากันแล้ว ผมก็ไปหาข้าวกินก่อนครับ ข้าวจานเดียวที่ภูกระดึง ก็จานละ 60 บาท ได้เยอะมากกกครับขอบอก ก่อนจะไปเที่ยวเส้นทางสายน้ำตกวันนี้ ผมให้ทางร้านทำข้าวกล่องไว้ด้วยเผื่อหิวกลางทางครับ แล้วก็อย่าลืมน้ำนะครับ ขวดเล็ก 30 ขวดใหญ่ 60 นะครับ อย่าลืมอีกอย่างครับ เส้นทางสายน้ำตกมีทากอยู่ชุกชุม อย่าลืมใส่ถุงกันทากไปด้วยนะครับ เอาละ ลุยกันเลย
น้ำตกแรกที่เราจะไปคือ น้ำตกวังกวางครับ อยู่ห่างจากที่ทำการไป ประมาณ 1 กิโลเมตร ครับ เดินง่ายๆ ครับ ชิวๆ เป้นน้ำตกที่ใหญ่พอสมควร มีทางเดินลงไปด้านล่าง ระวังๆหน่อยก็ดีครับ ทางลื่น และที่สำคัญ ยุงชุมจัง
เอาละไปกันต่อที่น้ำตก ที่ 2 น้ำตกต่อไปเป็นน้ำตกที่สูง มีจุดที่เราสามารถเอาท้าไปแช่น้ำได้ ขอบอกว่าไม่แช่ไม่ได้นะครับ เย็นมากๆ สดชื่นสุดๆไปเลย นั้นคือ "น้ำตกเพ็บพบ" เมียโผน
ชื่นช่ำกับน้ำใสไหลเย็นไปกันแล้ว เดินต่อกันอีกว่า หนทางยังอีกไกลครับ น้ำตกต่อไปไกลพอสมควรครับ คือ "น้ำตกโผนพบ" เมื่อกี้เมื่อเพ็ญเจอน้ำตกไปแล้ว คราวนี้ถึงตาผัวเจอน้ำตกบ้างครับ 555 น้ำตกนี้น้ำเยอะมากครับ ไหลแรง จะลงไปถ่ายรูปข้างล่างก็ระวังๆ กันหน่อยนะครับ
เอาละไปต่อกันอีกนิด เดินไม่ไกลมากนัก ก็พบแล้วครับ "น้ำตกเพ็บพบใหม่" ผมว่าเมียโผนมาหาที่ซักผ้าไกลนะครับ เจอน้ำตกใหม่อีกละ 555
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น