
“
ภูกระดึง” คือ1ในสถานที่เดินป่ายอดฮิตติดลมบน อยู่ในจังหวัดเลย ที่เรียกได้ว่าแม้ระยะทางจะไกลโดยจากจุดสตาร์ทระยะทางรวมก็9 กิโลเมตร คือเดินขึ้นเขา 5.5 กิโลเมตร จะถึงหลังแปซึ่งจะเป็นทางเรียบเดินไปยังลานกางเต็นท์อีก 3.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 4-5 ชั่วโมงแล้วแต่คนบางคนอาจจะเดินได้ไวหรือช้ากว่านี้ ถึงแม้ระยะทางจะค่อนข้างไกลและชันบางช่วง แต่ความสะดวกสบายนั้นเราว่าดีสุดในบรรดาป่าเขาในเมืองไทยเลยล่ะ ด้วยความที่อาหารการกินพร้อมมีบริการตลอดทาง เครื่องนอนเอย ห้องน้ำเอย มีลูกหาบเอย คือพร้อมอ่ะ และที่ดีสุดเห็นจะเป็นหมูกระทะ(สำหรับเรา การใช้เวลากับก๊วนแก๊งค์ในร้านหมูกระทะกับอากาศเย็นเป็นอะไรที่ลงตัวสุด)
หากใครอยากสัมผัสธรรมชาติบนภูกระดึง มีเวลาสัก3วัน เราว่าก็จะกำลังดีสามารถเที่ยวชมธรรมชาติได้ทั่วถึง ภูกระดึงจะเปิดให้ขึ้นบนยอดภูกระดึงได้ในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤษภาคมเท่านั้น ส่วนครั้งนี้เราไปช่วงวันปิยะ หน้าฝนจ้า บอกไว้เลย ใครไม่โอเคกับทาก ไปช่วงปลายปีเป็นต้นไปจะดีกว่า ไม่งั้นได้กริ๊ดป่าแตกแน่นอน แต่ก็มีข้อดีนะ เราจะได้เห็นความเขียวของป่า น้ำตก อากาศที่เย็นสบายอาจจะเจอทะเลหมอกด้วยและที่สำคัญพระอาทิตย์ขึ้นและตก มันทำให้เราประทับใจจนคิดถึงตลอดไป

และนี่คือบรรยากาศที่เราเจอระหว่างทางเดินกลับจากผานกแอ่นมาที่ลานพระแก้ว ด้วยระยะทาง500เมตร สมาชิกขึ้นภูอย่างเยอะหลายพันคน มาช่วงวันหยุดก็จะเพื่อนเยอะหน่อยเนอะ

แสงแรกยามเช้าที่ผานกแอ่น

ชมพระอาทิตย์ตกที่ผาหมากดูก มันสวยสุดๆเลยเว้ยแกร

มาเริ่มขึ้นภูไปพร้อมๆกันเลยดีกว่าค่ะ และแน่นอน ต้องมีภาพคู่กับป้าย
ครั้งหนึ่งในชีวิต ขอพิชิตภูกระดึง
มาถึงแล้วก็มุ่งไปจุดบริการลูกหาบค่ะ ซื้อบัตรติดสัมภาระด้วยแผ่นละ5บาทเขียนชื่อ เบอร์ติดต่อของเราไว้ที่กระเป๋าค่ะ แล้วเก็บหางบัตรไว้ใช้รับกระเป๋าของเราที่ด้านบนด้วยนะคะ และแน่นอนว่าเราสละทุกอย่างให้เป็นหน้าที่ของพี่ๆจะดีกว่า แฮ่ะๆ ใครจะแบกเป้เองก็ย่อมได้นะ แต่ใครที่ลังเล เราแนะนำว่าปล่อยให้เป็นหน้าที่พี่ลูกหาบเถอะเพราะถ้ามันถึงจุดที่เหนื่อยแล้วแม้แต่มือถือยังอยากปาทิ้งเลย 555 ตรงจุดนี้เราต้องมาลงทะเบียนชั่งน้ำหนักกระเป๋า ชำระเงิน และพี่ๆก็จะแบกขึ้นไปให้เราเองค่ะ เป็นอาชีพที่ต้องแข็งแรงเบอร์ไหนเนี่ยะ ราคา30บาทต่อ1กิโลกรัมค่ะ ขาขึ้นกับลงก็คนละเที่ยวนะ ขาลงก็ชั่งตอนลงอีกที

พอโหลดกระเป๋าให้พี่ลูกหาบเสร็จแล้ว ก็เตรียมตัวขึ้นภูกันค่ะ ระยะทางก็จะมีชื่อซำต่างๆบอกไว้ว่ากี่กิโลจะถึงไหนนะคะ

มาถึงทางเข้าอุทยาน เราก็ซื้อบัตรก่อนค่ะ
เวลาจำหน่ายบัตร 07:00น.-13:30น. ของทุกวัน ทางอุทยานไม่อนุญาตให้ขึ้นภูหลังบ่าย 2 เพราะกว่าจะใช้เวลาขึ้นไปถึงหลังแป จะค่ำไป มันอันตรายค่ะ อย่าลืมว่ามันมีสัตว์ป่าอาศับอยู่ด้วยนะ ส่วนค่าบัตร ผู้ใหญ่ 40บาท เด็ก 20บาท / ชาวต่างชาติผู้ใหญ่ 400บาท เด็ก 200บาท และค่าจอดรถคันละ 30บาท
ภูกระดึงมีบริการเต็นท์พร้อมเครื่องนอนให้เช่าและบ้านพักเป็นหลัง
-หากใครนอนเต็นท์ ติดต่อจองเต็นท์กับทางอุทยานก่อน บริเวณที่ทำการอุทยานศรีฐานด้านล่างก่อนที่จะขึ้นภูค่ะ เราเอาเต็นท์มาเองเสียค่ากาง 30บาทต่อคนต่อคืน แต่ถ้าจะเช่าเต็นท์ของอุทยานขนาด 3 คน ราคา 225บาทต่อคืน / ขนาด 6 คน ราคา 450บาทต่อคืน
-หากใครอยากได้เป็นบ้านพัก ทางอุทยานมีบริการทั้งหมด 21หลัง จองได้ทางนี้ค่ะ
http://nps.dnp.go.th/
-เครื่องนอนของทางอุทยานให้เช่า ถุงนอน 30บาทต่อคืน / แผ่นรองนอน 20บาทต่อคืน / หมอน 10บาทต่อคืน ติดต่อเช่าได้ที่ทำการอุทยานฯ ศูนย์วังกวางด้านบนภูกระดึง ตรงลานกางเต็นท์นั่นล่ะค่ะ
*ด้านบนมีที่ชาร์จนะคะ ครั้งละ20บาท แต่เราว่าเตรียมpower bank ไปเองดีกว่านะ

มาเริ่มเดินกันค่ะ เดินเคียงกับพี่ลูกหาบมาอยู่ดีๆ เจอแซงทางโค้งเลยเลยจ้าแม่ จากเชิงเขามาถึงปางกกค่า800เมตรค่ะ

จากปางกกค่า มาถึงซำแฮก 200เมตรค่ะ ยอมรับว่าแค่นี้ก็เหนื่อยแล้วจ้า แต่เห็นคุณป้าแล้ว ผมนี่ลุกขึ้นเลย...

ผมนี่ลุกขึ้นเลย...ลุกขึ้นมาซื้อติมกินสิคร๊าบบ สดชื่นๆ เดินมาเหงื่อแตก ค่อยเย็นขึ้นหน่อย เรื่องของกินพี่บอกเลยที่สุดแห่งความสบายต้องภูกระดึง ณ จุดๆนี้มีห้องน้ำด้วยนะคะ

ถึงซำบอนแล้ววว

เดินมาอีก 440เมตร ถึง ซำกกกอก รับไอติมหวานเย็นสักแท่งมั้ยคะ จริงๆแวะกินแตงโมระหว่างทางกันมาด้วยนะ มันช่างเพลินซะจริงๆ

ถึงซำกอซางล่ะค่ะ จะแกร่งแค่ไหนก็ต้องมีพักหัวไหล่กันบ้าง จะมีจุดพักของพี่ๆลูกหาบหลายจุดเลยทีเดียว
จากซำกอซาง ไปอีก140เมตร ถึง พร่านพรานแป มีร้านค้าแทบทุกซำเลยจ้า ไม่อดอยากนะ

เราเดินมาอีก 440เมตร ถึงซำกกหว้า และเราได้เครื่องดื่มชูกำลังจากพร่านพรานแป มาเติมพลังกันสักหน่อย และแวะทานข้าวกันที่ซำนี้ค่ะ

เติมพลังมาแล้วก็ไปต่อ อีก460เมตรถึงซำกกไผ่ และจากซำกกไผ่ ไปอีก300เมตรจะถึงซำกกโดน

ตรงนี้คือทางชันระยะสุดท้าย 450เมตรถึงซำแคร่ จากซำแคร่ขึ้นไปหลังแปอีก1.3กิโล อีกนิดจะถึงทางราบแล้ว เห็นเด็กน้อยแล้วต้องฮึบบ ช่วงนี้การสัญจรจะติดขัด โปรดหลีกทางให้พี่ลูกหาบ

เย้!!! ถึงหลังแปแล้ว แต่...ต้องเดินต่อไปอีกนะเด้อ 3.5กิโล โอเค ทางราบพี่โล่งใจ เดินชมสวนหลังบ้านเพลินๆ

สิ้นสุดทาง3.5กิโลจ้าแม่ มารอรับกระเป๋านานมาก เพราะรถเข็ญขาดตลาดก็คนมันเยอะนี่หน่า พอรับกระเป๋าแล้วก็ไปค่ะ หาที่กางเต็นท์ มากัน9คนแต่ขนของมาอย่างกับกลัวลูกหาบจะขาดรายได้ ฮาาา

เอาจริงๆ เราว่าเราไม่ควรมาหน้าฝนหว่ะ เราไม่ไหวกับทากุจังจริงๆ คือมันก็ไม่ได้อะไรนะ ก็เหมือนหนอนอ่ะ แต่ทำไมมันหลอนก็ไม่รู้เวลาเจอมันมาดึ๊บๆที่ตัวก็กลัวไปหมด ยิ่งเรากลัวเหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง ฝนตกจ้า โหยยย ยิ่งชุกชุมไปอี๊กเจ้าทาก กางเต็นท์ไปก็ระแวงไป สารพัดจะป้องกัน ก็มิวายต้องพ่ายให้กับทาก แพลนที่ว่าจะไปดูพระอาทิตย์ตกก็ล้มเหลว แต่ก็ได้มาเจอกับเจ้ากวางแลบลิ้นเยาะเย้ยเราไปอีก ฮาาน่ารักดี เลยต้องปลอบใจตัวเองด้วยการเข้าร้านหมูกระทะ จะอยู่ที่ชุดละหลายร้อยอยู่นะ จำราคาที่แน่นอนไม่ได้

ก่อนแยกย้ายกันเข้านอน สัตว์โลกเพื่อนรักก็แวะมาทักทายยามดึก แต่เปล่าหรอก พวกมาเล็มหญ้า

กลางคืนมีน้ำค้างอากาศประมาณ10กว่าองศา หนาวใช้ได้เลย เวลาประมาณตี4หรือตี5นี่ล่ะ เมาขึ้ตาอยู่ ได้ยินเสียงประกาศจากเจ้าหน้าที่อุทยาน สำหรับใครจะไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่นก็เตรียมสแตนบาย เดินไปพร้อมกับพี่เจ้าหน้าที่อุทยาน จากลานกางเต็นท์ไปจุดชมวิวผานกแอ่นเกือบๆ2กิโล ควรเตรียมไฟฉายไปด้วยก็ดี ทางมันมึด จริงๆควรเตรียมไปนะเพราะถ้าตอนเย็นที่เราชมพระอาทิตย์ตกแล้วขากลับเดินมาที่ลานกางเต็นท์มันมึดมากๆจนเห็นดาวเต็มฟ้าเลยล่ะ

พอแสงส่องเต็มที่แล้ว ท้องฟ้าวันนั้นมันจำมิรู้ลืมเลยล่ะ ครั้งนึงเราได้เจอกันแล้วนะ

ทางเดินหน้าฝนก็ต้องมีเละเทะกันบ้าง

จากจุดชมวิวผานกแอ่นเราจะผ่านมาทางลานพระแก้วก่อนจะเข้าไปที่เต็นท์ของเราเพื่อเตรียมตัวสำรวจป่ากันค่ะ

ลานกางเต็นท์ในยามเช้า กับเจ้าทากุจังตัวอวบอิ่ม ที่เข้ามานอนอยู่ในเต็นท์ด้วยกันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่เรารอดจากมันมาได้ ฮืออ หลอน...
ถ้ามาเที่ยวภูกระดึงหน้าฝน สิ่งที่ต้องเจอคือจำนวนทากมหาศาล ที่พร้อมจะออกดีดตัวเองจากพื้นดินขึ้นมาหาเรามาทักทายเราได้ทุกเมื่อ ทุกคนโปรดจงเตรียมเลือดให้พวกด้วยล่ะ เพราะถ้ามันได้ดูดเลือดเราแล้วมันจะไม่ปล่อยจนกว่ามันจะอิ่ม คิดซะว่าเป็นการทำบุญให้กับสัตว์ตัวเล็กๆผู้หิวโหย ฮี่ฮี่

นี่คือแผนที่รอบๆภูกระดึงและระยะทางค่ะ ลองคำนวณกันดูนะคะว่าจบทริปนี้เดินกันกี่กิโล แค่ขึ้นลงภูก็9กิโลไปแล้วอ่า

เรามาเริ่มสำรวจป่ากันเลยค่ะ ทางที่เราไปจะเป็นโซนพวกน้ำตก ที่เลือกมาช่วงนี้ก็เพราะเหตุนี้แหละค่ะ

ป้ายข้อควรระวังต่างๆ ควรเชื่อและปฏิบัติตามนะคะ

ที่แรกจะเป็นน้ำตกโผนพบค่ะ
ที่ที่สองคือน้ำตกวังกวางค่ะ

ถ้ามาช่วงปลายปีมีลุ้นใบเมเปิ้ลสีแดงด้วยนะคะ ที่นี่น้ำตกเพ็ญพบใหม่

น้ำตกถ้ำใหญ่ ถ้ามีใบเมเปิ้ลสีแดงคงสวยน่าดูอ่ะ

เดินระยะไกลควรพกน้ำมาด้วยนะคะ เพราะแดดก็แรงร่างกายจะขาดน้ำได้ค่ะ

เด๋วเข้าที่ร่มเด๋วเดินกลางแดด สนุกสุดๆไปเลย เนื่องด้วยเวลาเราน่าจะไม่พอไปถึงผาหล่มสัก เพราะเริ่มเดินกันช้าแล้ว เลยตัดสินใจเลือกไปทางผาหมากดูกค่ะ

มาภูกระดึงนี่เปลี่ยนรูปแบบป่าไปหลายเลยค่ะ

บ่ายๆมากๆแล้ว มาถึงผานาน้อยค่ะ

ตรงนี้มีร้านอาหาร เราแวะทานข้าวกันตรงนี้และมีห้องน้ำให้เข้าด้วยค่ะ

เมื่อทานอาหารเสร็จแล้วเราก็เดินต่อค่ะ มาถึงผาจำศีลแล้วค่ะ ใกล้ได้เวลาพระอาทิตย์จะตกแล้วรีบทำเวลากันหน่อย

พระจันทร์ขึ้นแล้วค่ะ พระอาทิตย์ยังไม่ทันจะตกเลย

และนี่คือจุดชมพระอาทิตย์ตกของพวกเราค่ะ ภาพมันจะเท่ห์กว่านี้ถ้าไม่มีถุงกันทากสีสะท้อนแสง

คงจะเป็นพระอาทิตย์ตกที่ประทับใจอีกที่นึงเลยล่ะ I'm on cloud nine🥰
[CR] ภูกระดึงครั้งนึง...คิดถึงตลอดไป 🥰
“ภูกระดึง” คือ1ในสถานที่เดินป่ายอดฮิตติดลมบน อยู่ในจังหวัดเลย ที่เรียกได้ว่าแม้ระยะทางจะไกลโดยจากจุดสตาร์ทระยะทางรวมก็9 กิโลเมตร คือเดินขึ้นเขา 5.5 กิโลเมตร จะถึงหลังแปซึ่งจะเป็นทางเรียบเดินไปยังลานกางเต็นท์อีก 3.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 4-5 ชั่วโมงแล้วแต่คนบางคนอาจจะเดินได้ไวหรือช้ากว่านี้ ถึงแม้ระยะทางจะค่อนข้างไกลและชันบางช่วง แต่ความสะดวกสบายนั้นเราว่าดีสุดในบรรดาป่าเขาในเมืองไทยเลยล่ะ ด้วยความที่อาหารการกินพร้อมมีบริการตลอดทาง เครื่องนอนเอย ห้องน้ำเอย มีลูกหาบเอย คือพร้อมอ่ะ และที่ดีสุดเห็นจะเป็นหมูกระทะ(สำหรับเรา การใช้เวลากับก๊วนแก๊งค์ในร้านหมูกระทะกับอากาศเย็นเป็นอะไรที่ลงตัวสุด)
หากใครอยากสัมผัสธรรมชาติบนภูกระดึง มีเวลาสัก3วัน เราว่าก็จะกำลังดีสามารถเที่ยวชมธรรมชาติได้ทั่วถึง ภูกระดึงจะเปิดให้ขึ้นบนยอดภูกระดึงได้ในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤษภาคมเท่านั้น ส่วนครั้งนี้เราไปช่วงวันปิยะ หน้าฝนจ้า บอกไว้เลย ใครไม่โอเคกับทาก ไปช่วงปลายปีเป็นต้นไปจะดีกว่า ไม่งั้นได้กริ๊ดป่าแตกแน่นอน แต่ก็มีข้อดีนะ เราจะได้เห็นความเขียวของป่า น้ำตก อากาศที่เย็นสบายอาจจะเจอทะเลหมอกด้วยและที่สำคัญพระอาทิตย์ขึ้นและตก มันทำให้เราประทับใจจนคิดถึงตลอดไป
และนี่คือบรรยากาศที่เราเจอระหว่างทางเดินกลับจากผานกแอ่นมาที่ลานพระแก้ว ด้วยระยะทาง500เมตร สมาชิกขึ้นภูอย่างเยอะหลายพันคน มาช่วงวันหยุดก็จะเพื่อนเยอะหน่อยเนอะ
แสงแรกยามเช้าที่ผานกแอ่น
ชมพระอาทิตย์ตกที่ผาหมากดูก มันสวยสุดๆเลยเว้ยแกร
มาเริ่มขึ้นภูไปพร้อมๆกันเลยดีกว่าค่ะ และแน่นอน ต้องมีภาพคู่กับป้าย ครั้งหนึ่งในชีวิต ขอพิชิตภูกระดึง
มาถึงแล้วก็มุ่งไปจุดบริการลูกหาบค่ะ ซื้อบัตรติดสัมภาระด้วยแผ่นละ5บาทเขียนชื่อ เบอร์ติดต่อของเราไว้ที่กระเป๋าค่ะ แล้วเก็บหางบัตรไว้ใช้รับกระเป๋าของเราที่ด้านบนด้วยนะคะ และแน่นอนว่าเราสละทุกอย่างให้เป็นหน้าที่ของพี่ๆจะดีกว่า แฮ่ะๆ ใครจะแบกเป้เองก็ย่อมได้นะ แต่ใครที่ลังเล เราแนะนำว่าปล่อยให้เป็นหน้าที่พี่ลูกหาบเถอะเพราะถ้ามันถึงจุดที่เหนื่อยแล้วแม้แต่มือถือยังอยากปาทิ้งเลย 555 ตรงจุดนี้เราต้องมาลงทะเบียนชั่งน้ำหนักกระเป๋า ชำระเงิน และพี่ๆก็จะแบกขึ้นไปให้เราเองค่ะ เป็นอาชีพที่ต้องแข็งแรงเบอร์ไหนเนี่ยะ ราคา30บาทต่อ1กิโลกรัมค่ะ ขาขึ้นกับลงก็คนละเที่ยวนะ ขาลงก็ชั่งตอนลงอีกที
พอโหลดกระเป๋าให้พี่ลูกหาบเสร็จแล้ว ก็เตรียมตัวขึ้นภูกันค่ะ ระยะทางก็จะมีชื่อซำต่างๆบอกไว้ว่ากี่กิโลจะถึงไหนนะคะ
มาถึงทางเข้าอุทยาน เราก็ซื้อบัตรก่อนค่ะ
เวลาจำหน่ายบัตร 07:00น.-13:30น. ของทุกวัน ทางอุทยานไม่อนุญาตให้ขึ้นภูหลังบ่าย 2 เพราะกว่าจะใช้เวลาขึ้นไปถึงหลังแป จะค่ำไป มันอันตรายค่ะ อย่าลืมว่ามันมีสัตว์ป่าอาศับอยู่ด้วยนะ ส่วนค่าบัตร ผู้ใหญ่ 40บาท เด็ก 20บาท / ชาวต่างชาติผู้ใหญ่ 400บาท เด็ก 200บาท และค่าจอดรถคันละ 30บาท
ภูกระดึงมีบริการเต็นท์พร้อมเครื่องนอนให้เช่าและบ้านพักเป็นหลัง
-หากใครนอนเต็นท์ ติดต่อจองเต็นท์กับทางอุทยานก่อน บริเวณที่ทำการอุทยานศรีฐานด้านล่างก่อนที่จะขึ้นภูค่ะ เราเอาเต็นท์มาเองเสียค่ากาง 30บาทต่อคนต่อคืน แต่ถ้าจะเช่าเต็นท์ของอุทยานขนาด 3 คน ราคา 225บาทต่อคืน / ขนาด 6 คน ราคา 450บาทต่อคืน
-หากใครอยากได้เป็นบ้านพัก ทางอุทยานมีบริการทั้งหมด 21หลัง จองได้ทางนี้ค่ะ http://nps.dnp.go.th/
-เครื่องนอนของทางอุทยานให้เช่า ถุงนอน 30บาทต่อคืน / แผ่นรองนอน 20บาทต่อคืน / หมอน 10บาทต่อคืน ติดต่อเช่าได้ที่ทำการอุทยานฯ ศูนย์วังกวางด้านบนภูกระดึง ตรงลานกางเต็นท์นั่นล่ะค่ะ
*ด้านบนมีที่ชาร์จนะคะ ครั้งละ20บาท แต่เราว่าเตรียมpower bank ไปเองดีกว่านะ
มาเริ่มเดินกันค่ะ เดินเคียงกับพี่ลูกหาบมาอยู่ดีๆ เจอแซงทางโค้งเลยเลยจ้าแม่ จากเชิงเขามาถึงปางกกค่า800เมตรค่ะ
จากปางกกค่า มาถึงซำแฮก 200เมตรค่ะ ยอมรับว่าแค่นี้ก็เหนื่อยแล้วจ้า แต่เห็นคุณป้าแล้ว ผมนี่ลุกขึ้นเลย...
ผมนี่ลุกขึ้นเลย...ลุกขึ้นมาซื้อติมกินสิคร๊าบบ สดชื่นๆ เดินมาเหงื่อแตก ค่อยเย็นขึ้นหน่อย เรื่องของกินพี่บอกเลยที่สุดแห่งความสบายต้องภูกระดึง ณ จุดๆนี้มีห้องน้ำด้วยนะคะ
ถึงซำบอนแล้ววว
เดินมาอีก 440เมตร ถึง ซำกกกอก รับไอติมหวานเย็นสักแท่งมั้ยคะ จริงๆแวะกินแตงโมระหว่างทางกันมาด้วยนะ มันช่างเพลินซะจริงๆ
ถึงซำกอซางล่ะค่ะ จะแกร่งแค่ไหนก็ต้องมีพักหัวไหล่กันบ้าง จะมีจุดพักของพี่ๆลูกหาบหลายจุดเลยทีเดียว
จากซำกอซาง ไปอีก140เมตร ถึง พร่านพรานแป มีร้านค้าแทบทุกซำเลยจ้า ไม่อดอยากนะ
เราเดินมาอีก 440เมตร ถึงซำกกหว้า และเราได้เครื่องดื่มชูกำลังจากพร่านพรานแป มาเติมพลังกันสักหน่อย และแวะทานข้าวกันที่ซำนี้ค่ะ
เติมพลังมาแล้วก็ไปต่อ อีก460เมตรถึงซำกกไผ่ และจากซำกกไผ่ ไปอีก300เมตรจะถึงซำกกโดน
ตรงนี้คือทางชันระยะสุดท้าย 450เมตรถึงซำแคร่ จากซำแคร่ขึ้นไปหลังแปอีก1.3กิโล อีกนิดจะถึงทางราบแล้ว เห็นเด็กน้อยแล้วต้องฮึบบ ช่วงนี้การสัญจรจะติดขัด โปรดหลีกทางให้พี่ลูกหาบ
เย้!!! ถึงหลังแปแล้ว แต่...ต้องเดินต่อไปอีกนะเด้อ 3.5กิโล โอเค ทางราบพี่โล่งใจ เดินชมสวนหลังบ้านเพลินๆ
สิ้นสุดทาง3.5กิโลจ้าแม่ มารอรับกระเป๋านานมาก เพราะรถเข็ญขาดตลาดก็คนมันเยอะนี่หน่า พอรับกระเป๋าแล้วก็ไปค่ะ หาที่กางเต็นท์ มากัน9คนแต่ขนของมาอย่างกับกลัวลูกหาบจะขาดรายได้ ฮาาา
เอาจริงๆ เราว่าเราไม่ควรมาหน้าฝนหว่ะ เราไม่ไหวกับทากุจังจริงๆ คือมันก็ไม่ได้อะไรนะ ก็เหมือนหนอนอ่ะ แต่ทำไมมันหลอนก็ไม่รู้เวลาเจอมันมาดึ๊บๆที่ตัวก็กลัวไปหมด ยิ่งเรากลัวเหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง ฝนตกจ้า โหยยย ยิ่งชุกชุมไปอี๊กเจ้าทาก กางเต็นท์ไปก็ระแวงไป สารพัดจะป้องกัน ก็มิวายต้องพ่ายให้กับทาก แพลนที่ว่าจะไปดูพระอาทิตย์ตกก็ล้มเหลว แต่ก็ได้มาเจอกับเจ้ากวางแลบลิ้นเยาะเย้ยเราไปอีก ฮาาน่ารักดี เลยต้องปลอบใจตัวเองด้วยการเข้าร้านหมูกระทะ จะอยู่ที่ชุดละหลายร้อยอยู่นะ จำราคาที่แน่นอนไม่ได้
ก่อนแยกย้ายกันเข้านอน สัตว์โลกเพื่อนรักก็แวะมาทักทายยามดึก แต่เปล่าหรอก พวกมาเล็มหญ้า
กลางคืนมีน้ำค้างอากาศประมาณ10กว่าองศา หนาวใช้ได้เลย เวลาประมาณตี4หรือตี5นี่ล่ะ เมาขึ้ตาอยู่ ได้ยินเสียงประกาศจากเจ้าหน้าที่อุทยาน สำหรับใครจะไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่นก็เตรียมสแตนบาย เดินไปพร้อมกับพี่เจ้าหน้าที่อุทยาน จากลานกางเต็นท์ไปจุดชมวิวผานกแอ่นเกือบๆ2กิโล ควรเตรียมไฟฉายไปด้วยก็ดี ทางมันมึด จริงๆควรเตรียมไปนะเพราะถ้าตอนเย็นที่เราชมพระอาทิตย์ตกแล้วขากลับเดินมาที่ลานกางเต็นท์มันมึดมากๆจนเห็นดาวเต็มฟ้าเลยล่ะ
พอแสงส่องเต็มที่แล้ว ท้องฟ้าวันนั้นมันจำมิรู้ลืมเลยล่ะ ครั้งนึงเราได้เจอกันแล้วนะ
ทางเดินหน้าฝนก็ต้องมีเละเทะกันบ้าง
จากจุดชมวิวผานกแอ่นเราจะผ่านมาทางลานพระแก้วก่อนจะเข้าไปที่เต็นท์ของเราเพื่อเตรียมตัวสำรวจป่ากันค่ะ
ลานกางเต็นท์ในยามเช้า กับเจ้าทากุจังตัวอวบอิ่ม ที่เข้ามานอนอยู่ในเต็นท์ด้วยกันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่เรารอดจากมันมาได้ ฮืออ หลอน...
ถ้ามาเที่ยวภูกระดึงหน้าฝน สิ่งที่ต้องเจอคือจำนวนทากมหาศาล ที่พร้อมจะออกดีดตัวเองจากพื้นดินขึ้นมาหาเรามาทักทายเราได้ทุกเมื่อ ทุกคนโปรดจงเตรียมเลือดให้พวกด้วยล่ะ เพราะถ้ามันได้ดูดเลือดเราแล้วมันจะไม่ปล่อยจนกว่ามันจะอิ่ม คิดซะว่าเป็นการทำบุญให้กับสัตว์ตัวเล็กๆผู้หิวโหย ฮี่ฮี่
นี่คือแผนที่รอบๆภูกระดึงและระยะทางค่ะ ลองคำนวณกันดูนะคะว่าจบทริปนี้เดินกันกี่กิโล แค่ขึ้นลงภูก็9กิโลไปแล้วอ่า
เรามาเริ่มสำรวจป่ากันเลยค่ะ ทางที่เราไปจะเป็นโซนพวกน้ำตก ที่เลือกมาช่วงนี้ก็เพราะเหตุนี้แหละค่ะ
ป้ายข้อควรระวังต่างๆ ควรเชื่อและปฏิบัติตามนะคะ
ที่แรกจะเป็นน้ำตกโผนพบค่ะ
ที่ที่สองคือน้ำตกวังกวางค่ะ
ถ้ามาช่วงปลายปีมีลุ้นใบเมเปิ้ลสีแดงด้วยนะคะ ที่นี่น้ำตกเพ็ญพบใหม่
น้ำตกถ้ำใหญ่ ถ้ามีใบเมเปิ้ลสีแดงคงสวยน่าดูอ่ะ
เดินระยะไกลควรพกน้ำมาด้วยนะคะ เพราะแดดก็แรงร่างกายจะขาดน้ำได้ค่ะ
เด๋วเข้าที่ร่มเด๋วเดินกลางแดด สนุกสุดๆไปเลย เนื่องด้วยเวลาเราน่าจะไม่พอไปถึงผาหล่มสัก เพราะเริ่มเดินกันช้าแล้ว เลยตัดสินใจเลือกไปทางผาหมากดูกค่ะ
มาภูกระดึงนี่เปลี่ยนรูปแบบป่าไปหลายเลยค่ะ
บ่ายๆมากๆแล้ว มาถึงผานาน้อยค่ะ
ตรงนี้มีร้านอาหาร เราแวะทานข้าวกันตรงนี้และมีห้องน้ำให้เข้าด้วยค่ะ
เมื่อทานอาหารเสร็จแล้วเราก็เดินต่อค่ะ มาถึงผาจำศีลแล้วค่ะ ใกล้ได้เวลาพระอาทิตย์จะตกแล้วรีบทำเวลากันหน่อย
พระจันทร์ขึ้นแล้วค่ะ พระอาทิตย์ยังไม่ทันจะตกเลย
และนี่คือจุดชมพระอาทิตย์ตกของพวกเราค่ะ ภาพมันจะเท่ห์กว่านี้ถ้าไม่มีถุงกันทากสีสะท้อนแสง
คงจะเป็นพระอาทิตย์ตกที่ประทับใจอีกที่นึงเลยล่ะ I'm on cloud nine🥰
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้