ดิฉันได้มีโอกาสสนทนากับสมาชิกของพันทิพและสมาชิกในเวป นปช ต่างๆทั่วโลก
หลายคนบอกว่าในการต่อสู้ในสนามรบเพื่อช่วงชิงอำนาจ ต้องใช้ทั้งกำลังพลและอาวุธ
แต่ทว่าดิฉันกลับมองว่า
ต้องใช้ความสามารถทางด้านสติปัญญามากกว่า
กำลังทหารยังงัยก็ต้องใช้สมองในการบัญชาการสู้รบ
ถ้าหากไร้ซึ่งสติปัญญาในการคำนวณ กองทัพก็แทบไร้สิ้นความหมาย
จะมีประโยชน์อะไรถ้าคุณมีทหารอยู่ในมือ แต่ไม่มีปัญญาในการใช้กำลังเหล่านั้นอย่างมีประสิทธิภาพ
ขอยกตัวอย่าง ในสมัยราชวงศ์ชิง ช่วงสมัยจักรพรรดิซุ่นจื้อ พระองค์ท่านขึ้นนั่งบัลลังก์เมื่อมีอายุแค่ 6 พรรษา
ต้องต่อสู้กับพระราชอำนาจที่มีอย่างแข็งแกร่งของตั่วเอ่อกุ่ ที่เป็นเสด็จอา น้องชายพระบิดา
ซึ่งเป็นผู้สำเร็จราชการ พระองค์ต้องตกเป็นหุ่นเชิดอยู่ภายใต้อำนาจมาโดยตลอด
แต่ทว่าก็ได้พระมารดาของพระองค์ท่าน พระนางเสี่ยวจวงไทเฮา
ช่วยเหลือคานอำนาจเอาไว้ได้ อย่างชนิดตาต่อตา ฟันต่อฟัน จนตัวเอ่อกุน ไม่กล้าที่จะคิดโค่นล้ม
ช่วงผลัดแผ่นดินใหม่ๆจะเป็นช่วงที่มีความวุ่นวายมาก เหล่าขุนนางอำมาตย์
ต่างฝ่ายต่างก็สนับสนุนเจ้านายของตัวเอง เพื่อผลประโยชน์ในภายภาคหน้า
ในช่วงนั้นเองที่ตัวเอ่อกุนมีอำนาจทหารอยู่ในมือมากที่สุด เพราะกุมกองทัพไว้หลายกองธง
ในขณะที่องค์ฮ่องเต้องค์ใหม่อายุเพียง 6 ขวบ ไร้ซึ่งความสามารถทั้งปวง
สถานการณ์ในเวลานั้นขององค์ฮ่องเต้ตกอยู่ในอันตรายอย่างยิ่งยวด
แต่ทว่าไทเฮาเสี่ยวจวง
พระมารดาก็ใช้ความสามารถทางด้านสติปัญญาต่อสู้ จนพาให้ทั้งพระองค์และไทเฮา ออกมาจากวิกฤติตรงนั้นได้
แม่หม้ายลูกกำพร้า ไม่มีทหารอยู่ในมือซักคน แต่สู้ด้วยปัญญาและมันสมอง
ในช่วง 4 คืนแรกของการเปลี่ยนแผ่นดิน พระนางแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะคิดหาหนทางต่อสู้
"เอาใจไว้ก่อน ทำทียอมอ่อนข้อให้"
รอเวลาที่เหมาะสมทวงอำนาจคืน ต้องยอมทุกอย่างเพื่อถ่วงเวลา
ไม่ให้พระโอรสโดนโค่นราชบัลลังก์
ท้ายที่สุดก็เป็นผลสำเร็จ เมื่อทางฝ่ายตัวเอ่อกุนสิ้นพระชนม์ องค์ฮ่องเต้และองค์ไทเฮาก็ทวงอำนาจคืนมาได้
เห็นมั๊ยคะ นี่คือตัวอย่างการต่อสู้ด้วยการใช้สติปัญญา เหนือกำลังทหาร
งู แพ้ทาง
พังพอน ฉันใด
ชายชาติทหารก็ย่อมที่จะแพ้ทาง
อิสตรี ฉันนั้น
สติปัญญาและมันสมองของอิสตรี สามารถเอาชนะกองทัพทหารได้ ประวัติศาสตร์การเมืองกล่าวไว้เช่นนั้น
หลายคนบอกว่าในการต่อสู้ในสนามรบเพื่อช่วงชิงอำนาจ ต้องใช้ทั้งกำลังพลและอาวุธ
แต่ทว่าดิฉันกลับมองว่า ต้องใช้ความสามารถทางด้านสติปัญญามากกว่า
กำลังทหารยังงัยก็ต้องใช้สมองในการบัญชาการสู้รบ
ถ้าหากไร้ซึ่งสติปัญญาในการคำนวณ กองทัพก็แทบไร้สิ้นความหมาย
จะมีประโยชน์อะไรถ้าคุณมีทหารอยู่ในมือ แต่ไม่มีปัญญาในการใช้กำลังเหล่านั้นอย่างมีประสิทธิภาพ
ขอยกตัวอย่าง ในสมัยราชวงศ์ชิง ช่วงสมัยจักรพรรดิซุ่นจื้อ พระองค์ท่านขึ้นนั่งบัลลังก์เมื่อมีอายุแค่ 6 พรรษา
ต้องต่อสู้กับพระราชอำนาจที่มีอย่างแข็งแกร่งของตั่วเอ่อกุ่ ที่เป็นเสด็จอา น้องชายพระบิดา
ซึ่งเป็นผู้สำเร็จราชการ พระองค์ต้องตกเป็นหุ่นเชิดอยู่ภายใต้อำนาจมาโดยตลอด
แต่ทว่าก็ได้พระมารดาของพระองค์ท่าน พระนางเสี่ยวจวงไทเฮา
ช่วยเหลือคานอำนาจเอาไว้ได้ อย่างชนิดตาต่อตา ฟันต่อฟัน จนตัวเอ่อกุน ไม่กล้าที่จะคิดโค่นล้ม
ช่วงผลัดแผ่นดินใหม่ๆจะเป็นช่วงที่มีความวุ่นวายมาก เหล่าขุนนางอำมาตย์
ต่างฝ่ายต่างก็สนับสนุนเจ้านายของตัวเอง เพื่อผลประโยชน์ในภายภาคหน้า
ในช่วงนั้นเองที่ตัวเอ่อกุนมีอำนาจทหารอยู่ในมือมากที่สุด เพราะกุมกองทัพไว้หลายกองธง
ในขณะที่องค์ฮ่องเต้องค์ใหม่อายุเพียง 6 ขวบ ไร้ซึ่งความสามารถทั้งปวง
สถานการณ์ในเวลานั้นขององค์ฮ่องเต้ตกอยู่ในอันตรายอย่างยิ่งยวด
แต่ทว่าไทเฮาเสี่ยวจวง พระมารดาก็ใช้ความสามารถทางด้านสติปัญญาต่อสู้ จนพาให้ทั้งพระองค์และไทเฮา ออกมาจากวิกฤติตรงนั้นได้
แม่หม้ายลูกกำพร้า ไม่มีทหารอยู่ในมือซักคน แต่สู้ด้วยปัญญาและมันสมอง
ในช่วง 4 คืนแรกของการเปลี่ยนแผ่นดิน พระนางแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะคิดหาหนทางต่อสู้
"เอาใจไว้ก่อน ทำทียอมอ่อนข้อให้"
รอเวลาที่เหมาะสมทวงอำนาจคืน ต้องยอมทุกอย่างเพื่อถ่วงเวลา
ไม่ให้พระโอรสโดนโค่นราชบัลลังก์
ท้ายที่สุดก็เป็นผลสำเร็จ เมื่อทางฝ่ายตัวเอ่อกุนสิ้นพระชนม์ องค์ฮ่องเต้และองค์ไทเฮาก็ทวงอำนาจคืนมาได้
เห็นมั๊ยคะ นี่คือตัวอย่างการต่อสู้ด้วยการใช้สติปัญญา เหนือกำลังทหาร
งู แพ้ทาง พังพอน ฉันใด ชายชาติทหารก็ย่อมที่จะแพ้ทางอิสตรี ฉันนั้น