#SinghaInBaikonur ระทึกใจไปไบโคนัวร์ ตอนที่ 2

ต่อจากตอนที่แล้ว http://pantip.com/topic/34194323 ตอนนี้เราเดินทางมาถึงเมืองไบโคนัวร์แล้วครับ

และแล้วเราก็มาถึงไปโคนัวร์ครับ จอดรถหน้าจุดตรวจตรงทางเข้า พร้อมเช็คชื่อ ถ้าไม่มีชื่อก็เข้าไม่ได้ครับต้องแจ้งเค้าไว้ก่อนมา ซึ่งผมไม่กล้าถ่ายรูปมาครับ ขออภัย

รถเราเข้าไปส่งถึงโรงแรมเลยครับ โรงแรมของเราชื่อโรงแรม สปุตนิก เป็นโรงแรมสี่ดาวที่นักข่าว และคนที่มาดูการปล่อยจรวดมาพักกัน โรงแรมนี่ได้รับคำชมเชยจากท่านผู้นำ ปูตินด้วยนะเออ แปะอยู่หน้าโรงแรมเลย ของเค้าดีจริง


ตอนนั้นไปถึงก็เกือบจะเที่ยงคืนแล้วครับ เราก็รีบเข้านอน พักผ่อนเอาแรง เพราะต้องตื่นอีกทีตอนตีสาม เพื่อไปดูนักบินอวกาศ walk out ขึ้นรถบัสจากที่พักของเค้า เพื่อไปส่วมใส่ชุดนักบินอวกาศของตัวเอง เพื่อตรวจสอบครั้งสุดท้ายว่าระบบยังชีพทำงานปกติ และไม่มีรอยรั่ว ซึ่งพระเอกของเราในงานนี้ก็คือ นักบินอวกาศ แอนเดรียส มอร์เกนเซ่น (Andreas Mogensen) นักบินอวกาศชาวเดนมาร์ก ครับ เพราะเค้าเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับพี่ไอซ์ และก็ได้ชวนเรามาส่งเค้าขึ้นสู่ห้วงอวกาศ ไปพร้อมกับครอบครัวและชาวเดนมาร์กครับ นักบินอีกสองคนที่จะขึ้นไปกับเค้าก็คือ เซอร์เกย์ วอลคอฟ จากรัสเซีย และ เอย์ดีน เอมบิทอฟ จากคาซัคสถานครับ



บรรยากาศตอนนักบิน walk out ไปจุดทดลองชุดครับ ตอนแรกก็มืดๆ แต่พอนักบินอวกาศเดินมาก็มีไฟสปอตไลท์ส่องบริเวณที่ขึ้นรถครับ ช่วยในการถ่ายรูปไปได้มาก ไม่งั้นภาพเบลอแน่ๆ นักข่าวที่อยู่ร่วมกันตรงนั้นผมกะคร่าวๆว่าประมาณ 50 คนได้ครับ และความเป็นระเบียบนี่ เรียกได้ว่าไม่มีครับ แต่ละคนอยากได้รูปไปทำข่าวของตัวเองทั้งนั่น ผมเองที่คิดว่าตัวใหญ่แล้วก็ไปเบียดกับนักข่าวฝรั่งพวกนี้ไม่ไหวครับ เป็นประสบการณ์นักข่าวครั้งแรกของผมจริงๆ อ่อ กล้องนักข่าวแต่ละคนนี่ ตัวเทพตัวท้อปทั้งนั้นครับ ผมชูขึ้นไปถ่ายแล้วแอบเขิน เป็นกล้องมิเร่อเลสบ้านๆธรรมดาๆแค่นั่นเอง

พอนักบินเค้าขึ้นรถเสร็จแล้ว เราก็ขึ้นรถตามเค้าไปครับ เป็นรถนักข่าวที่จะพาเราไปยังจุดต่อไป นักข่าวบางคนก็นอนพักเอาแรง บางคนก็เริ่มเขียนข่าว อัพโหลดรูปไปยังต้นสำนักของตัวเอง

บรรยากาศภายในห้องลองชุดครับ ณ จุดนี้นักข่าวมาเต็มมาก รู้สึกว่าเยอะกว่าจุดที่แล้วอีก พื้นที่ตรงกลางเค้าเว้นไว้ให้ครอบครัวของนักบินอวกาศและก็คนใหญ่คนโตที่จะตามมาทีหลังครับ ด้านหลังห้องที่มีธงสัญชาติต่างๆแขวนอยู่ เป็นธงของประเทศที่ส่งนักบินอวกาศขึ้นไปยังสถานีอวกาศนานาชาติโดยองค์การอวกาศรัสเซีย (ROSCOSMOS) ครับ กรอบรูปข้างล่างคือรูปหมู่ของนักบินอวกาศภารกิจต่างๆที่บินขึ้นไปแล้วครับ การบินครั้งนี้ TMA-18M เป็นการขึ้นบินครั้งที่ 127 ของยานอวกาศโซยูสที่บินมาตั้งแต่ปี 1967 แหนะครับ

“เมื่อไหร่จะถึงตาเราเนี่ย” เดาได้จากสีหน้าของนักบินแอนเดรียสที่รอคิวขึ้นเขียง เอ้ยขึ้นตรวจสภาพชุด ซึ่งจะตรงกันข้ามกับ นักบินเซอร์เกย์ ที่ขึ้นบินเป็นครั้งที่สามแล้ว ซึ่งกำลังเริ่มการตรวจชุดอยู่ โดยการถูกจับยึดเข้ากับที่นั่งท่าเดียวกันกับที่จะใช้ขณะขึ้นบิน เบาะรองหลังนั้นจริงๆแล้วต้องเป็นเบาะที่ทำการหล่อให้เข้ากับหลังของนักบินนั้นๆ เพื่อให้เข้ารูปกับหลังให้มากที่สุด เพื่อรองรับแรงกระแทกที่จะเกิดขึ้นตอนขึ้นบิน และตอนลงจอดด้วย แต่อันนี้เป็นที่นั่งจำลอง สังเกตุว่าตอนนี้ยังไม่ใส่ถุงมือ และชุดยังไม่ได้ถูกอัดลมเข้าไป คนที่ใส่ชุดสีน้ำเงินเข้ม สามคนที่เห็นอยู่ในรูปคือนักบินอวกาศตัวสำรองของภารกิจนี้ครับ ซึ่งปกติแล้วก็จะได้บินเป็นรอบต่อๆไป

จริงๆแล้วผมเห็นความย้อนแย้งหลายอย่างในรูปนี้ เพราะห้องนี้ควรเป็นห้องสะอาด หรือเรียกว่าห้องคลีนรูมที่มีอนุภาคในอากาศน้อยกว่าห้องทั่วไป รวมทั้งควรเป็นห้องที่มีไฟฟ้าสถิตย์ต่ำ เพื่อที่จะป้องกันความเสียหายแก่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และป้องกันการปนเปื้อนจากสิ่งสกปรกและแบคทีเรีย แต่ที่เห็นคือบางคนใส่หน้ากากกันฝุ่น บางคนไม่ใส่ หมวกก็เหมือนกัน ประตูก็เปิดทิ้งไว้ทั้งๆที่ไม่ควร แถมพรมที่พื้นก็เป็นตัวสร้างไฟฟ้าสถิตย์และสามารถเก็บฝุ่นได้เป็นอย่างดี...ก็ไม่รู้สินะ นอกเรื่องไปไกล เราไปกันต่อดีกว่า

นี่เป็นรูปตอนนี้แอนเดรียสได้ทดลองใส่ชุดของเค้า และทดสอบระบบยังชีพในชุดอวกาศของเค้าด้วย การทดสอบทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี

พอตรวจเครื่องไม้เครื่องมือเสร็จ ก็เป็นจังหว่ะที่นักบินจะได้คุยกับครอบครัวของเค้าเป็นครั้งสุดท้ายครับ ในรูปจะเห็นแต่ภรรยาสาวของแอนเดรียส กับลูกชายของนักบินคาซัคสถานพร้อมภรรยาของเค้า ส่วนนักบินรัสเซ๊ย ครอบครัวเค้าคงผ่านพิธีนี้จนเบื่อแล้วล่ะมั้ง ไม่เห็นได้พูดอะไรเลย

พอเค้าคุยกับครอบครัวเสร็จแล้ว เราก็ได้จังหว่ะไปถ่ายรูปคู่กับนักบินอวกาศบ้าง พอดีเค้าหันมาเห็นพอดี เลยมาชูนิ้วโป้งกดไลค์ให้หนึ่งช้อต หลังจากนั้น เราก็โดนไล่ต้อนออกไปข้างนอก เพื่อรอดูนักบินไปรายงานตัวกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ว่าเค้าจะออกไปทำภารกิจแล้วนะ แล้วก็ขึ้นรถบัสคันเดิมไปยังฐานปล่อยจรวด! คราวนี้เราจะได้เห็นจรวดโซยูส พุ่งขึ้นจากฐานปล่อยจรวดจริงๆซักที! จุดมุ่งหมายเรา ใกล้จะเป็นจริงแล้ววววว

ขณะกำลังเดินออกมา กำลังจะไปรายงานตัวเพื่อไปปฏิบัติภารกิจ ชาวเดนมาร์กกับคาซัคสถานยิ้มและโบกมือตลอดทาง ส่วนพี่รัสเซียนี่ดูเฉยๆมาก

บั้ยบายยยยยย  หลังจากนั้นเราก็นั่งรถบัสตามหลังนักบินอวกาศไปติดๆ เพื่อไปยังฐานปล่อยจรวดครับ

ระหว่างทางไปยังจุดชมการปล่อยจรวด ก็จะเห็นตึกร้าง เก่าๆพังๆแบบนี้เป็นจำนวนมาก เหมือนกับว่าเป็นเมืองที่โดนหยุดเวลาไว้ตั้งแต่สมัยสิ้นสุดสงครามเย็นยังไงยังงั้นเลย

นั่งอยู่บนรถบัส ก็เห็นเจ้านี่มาแต่ไกล ตื่นเต้นมากกกกก ได้เห็นจรวดตอนพระอาทิตย์ขึ้นพอดี ปลุกชาวคณะที่ตอนนั้นกำลังหลับนกเอาแรงกันอยู่ขึ้นมาดูให้หมด


พอลงจากรถแล้วก็มีเวลาเดินถ่ายรูปเยอะพอสมควร ก็จะมีซากจานดาวเทียมเก่าที่เหมือนจะใช้งานไม่ได้แล้วทิ้งร้างเต็มไปหมด อย่างเช่นอันนี้เป็นต้น ดูเป็นการออกแบบที่ดูแล้วล้าสมัยได้อารมณ์สงครามเย็นสุดๆ

ส่วนนี่คือโรงประกอบของกระสวยอวกาศ บูราน ซึ่งเป็นกระสวยอวกาศที่เลียนแบบจาก Space Shuttle ของฝั่งสหรัฐฯ ซึ่งเคยขึ้นบินแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แล้วก็โดนทิ้งร้างไว้ในโรงเก็บนั้นเพราะไม่มีงบประมาณซ่อมแซมดูแล

ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต กระสวยอวกาศบูราน https://en.wikipedia.org/wiki/Buran_(spacecraft)


รอไปพักใหญ่ๆ ก็เริ่มมีการตรวจสอบความปลอดภัยของสถานที่ มีรถหุ้มเกราะออกมาวิ่งให้ดูด้วย

Credit: ว่านน้ำ

มองจากไกลๆ เห็นจรวดไม่ใหญ่ เพราะเค้ากำหนดให้เราอยู่ไกลจากจรวดประมาณ 3 กิโลเมตร

Credit: ว่านน้ำ

อาจารย์เจต รออย่างใจจดใจจ่อ

Credit: ว่านน้ำ

ซูมเข้าไปดูใกล้ๆ

Credit: ว่านน้ำ

รอเวลา
หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีเสียงตามสายประกาศนับถอยหลัง เริ่มการเดินเครื่องยนต์หลัก ตรวจเช็คระบบนำทาง และเซนเซอร์ภายในจรวด และตรวจความพร้อมในการขึ้นบิน และแล้ววววว 3..2..1...

Credit: ว่านน้ำ


เปลี่ยนเลนส์ไปมา ฝุ่นเกาะเซนเซอร์เต็มเลยยยย ฮือออ ร้องไห้หนักมาก

แล้วเราก็มองมันไปจนลับตา

ตอนแรกๆไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์เลย แต่พอไม่กี่วินาทีให้หลัง เสียงเครื่องยนต์มาดังมากๆครับ รู้สึกได้ถึงแรงมหาศาลที่เครื่องยนต์ขั้นแรกทั้งสี่เครื่องยนต์ปลดปล่อยออกมา ณ ตอนนั้นรู้สึกทึ่งมากกับประสบการณ์ครั้งนี้ ไม่เคยคิดว่าจะได้เจอนักบินอวกาศตัวต่อตัว ยิ่งไปกว่านั้นไม่เคยคิดเลยว่าจะได้มาดูการปล่อยจรวดที่ ไบโคนัวร์จริงๆ เพราะเป็นที่หวงห้าม ที่เข้าถึงยาก ไม่เหมือนกับฐานปล่อยจรวดของสหรัฐที่ cape canaveral ที่ใครๆก็ซื้อตั๋วเข้าไปรอชมการปล่อยจรวดได้ เสียแต่ว่าตอนนี้ กระสวยอวกาศได้ถูกปลดประจำการแล้ว โอกาศที่จะได้ดูการปล่อยจรวดขึ้นสู่อวกาศ (ที่ไม่ปกปิดเป็นความลับ) ก็เห็นจะมีแต่ที่นี่ที่เดียวในอนาคตอันใกล้นี้

หลังจาก อึ้ง ทึ่ง กันไปซักพักกับประสบการณ์ชีวิตในครั้งนี้ ชาวคณะก็ดึงสติกลับมา ถ่ายรูปหมู่คู่กับฐานปล่อยจรวดซึ่งตอนนี้ไม่มีจรวดเหลืออยู๋แล้ว เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจที่น่าตื่นเต้น และน่าจดจำไปอีกนาน

ลิงค์ตอนที่หนึ่ง http://pantip.com/topic/34194323
ลิงค์ตอนที่สอง http://pantip.com/topic/34194518
ลิงค์ตอนที่สาม http://pantip.com/topic/34194523
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่