เคยคิดไหมว่า "ความเร็วเหนือเสียง" กับ "ความเงียบ" จะอยู่ด้วยกันได้? นี่คือภารกิจของ
NASA X-59 QueSST (Quiet Supersonic Technology) ที่กำลังจะ
ท้าทายคำสั่งห้ามการบิน เหนือเสียงเชิงพาณิชย์เหนือพื้นดินที่มีมานานกว่า 50 ปี หลังจากการบินครั้งแรกที่ประสบความสำเร็จ!
Concorde คือตำนาน... เร็ว, หรูหรา, แต่เสียงดังระเบิด (ดังจนสหรัฐฯ ต้องแบนการบินเหนือพื้นดินมาตั้งแต่ปี 1973!) แต่ X-59 คือความพยายามที่จะ
"แก้เกม" ด้วยการเปลี่ยนเสียง
"ฟ้าร้อง" ให้กลายเป็นแค่เสียง
"ปัง" เบาๆ
มาดูกันว่า เจ็ตความยาว 100 ฟุตลำนี้ มีอะไรที่น่าทึ่งและ "แปลก" บ้าง
1. 📏 มิติพิศวง: ยาวเกือบเท่า 737 แต่ปีกเล็กจิ๋ว
X-59 ไม่เหมือนเจ็ตใดๆ ที่คุณเคยเห็น ด้วยขนาดที่ถูกออกแบบมาเพื่อ
หลอกล่อฟิสิกส์ โดยเฉพาะ:
ความยาวสุดพิลึก: 99 ฟุต 7 นิ้ว (ยาวพอๆ กับเครื่องบินโดยสาร Boeing 737 เลยทีเดียว)
ปีกแคบจนน่าตกใจ: แต่มีช่วงปีกเพียง
29 ฟุต 7 นิ้ว เท่านั้น!
ความสูง: แค่
14 ฟุต (วัดจากพื้นถึงหาง T-Tail)
ตัวเลขสำคัญ: X-59 สามารถบรรทุกเชื้อเพลิงได้
8,700 ปอนด์ และน้ำหนักบรรทุก (Payload)
600 ปอนด์ โดยมีน้ำหนักรวมสูงสุด
25,000 ปอนด์ นี่คือผลงานของ Skunk Works แห่ง Lockheed Martin ที่เชี่ยวชาญด้านเครื่องบินทดลองสุดล้ำ!
2. 🤫 เคล็ดลับความเงียบ: จมูก 38 ฟุตและวิศวกรรมเสียง
หัวใจของภารกิจ QueSST คือการเปลี่ยนเสียง
"โซนิกบูม" ที่เกิดจากการรวมตัวของคลื่นกระแทกด้านหน้าและด้านหลังเครื่องบิน ให้กลายเป็น
"โซนิกทัมพ์" (Sonic Thump) ที่เงียบกริบ:
จมูกยาวสุดขีด: ส่วนหัวเข็มของ X-59 กินพื้นที่ไปถึง
38 ฟุต ของความยาวทั้งหมด! นี่คือดีไซน์ที่ตั้งใจให้
กระจายคลื่นกระแทก ออกไปก่อนที่มันจะรวมตัวกันเป็นระเบิดเสียง
ที่ตั้งเครื่องยนต์: เครื่องยนต์ General Electric F414-GE-100 (รุ่นที่ได้รับการดัดแปลง) ถูกติดตั้งไว้
ด้านบน ของเครื่องบิน ซึ่งช่วยในการ
ควบคุมการกระจายคลื่นกระแทก จากด้านหลังอีกชั้นหนึ่ง
เป้าหมายเสียง: ลดเสียงจาก
105 PLdB (เทียบเท่าเสียงฟ้าร้อง) ให้เหลือแค่
75 PLdB (เสียงปิดประตูรถที่อยู่ห่างออกไป)
นี่คือความต่าง 30 เดซิเบล ที่สร้างความแตกต่างทางกฎหมายได้ทั้งโลก!
3. 🎮 บินด้วยจอ: เมื่อนักบินมองไม่เห็นข้างหน้า
เมื่อจมูกกินพื้นที่ไปเกือบ 40% ของความยาวเครื่องบิน นักบินก็ไม่สามารถมองเห็นทัศนวิสัยด้านหน้าได้เลย...
NASA แก้ปัญหานี้ด้วยเทคโนโลยี Augmented Reality (AR) ขั้นสูง:
External Vision System (XVS): ระบบนี้ใช้
กล้อง 4K ที่ความละเอียดสูง ถ่ายทอดภาพด้านหน้าไปยังหน้าจอแสดงผลในห้องนักบิน ทำให้กลายเป็น "หน้าต่างดิจิทัล" ที่ช่วยให้นักบินสามารถนำทางและลงจอดได้อย่างปลอดภัย
รู้หรือไม่? เครื่อง X-59 ลำนี้เป็นการรวมชิ้นส่วนของเครื่องบินหลายรุ่น: มันใช้
ล้อลงจอดจาก F-16 และ
เบาะนักบินดีดตัวจาก T-38 แสดงให้เห็นว่ามันคือ
"Frankenstein" ในโลกการบินโดยแท้!
4. ✈️ ภารกิจต่อไป: บินด้วย Mach 1.4 เพื่อปลดล็อกกฎหมาย
การบินครั้งแรกนั้นเป็นการตรวจสอบระบบที่ความเร็ว "ต่ำกว่าเสียง" แต่ภารกิจหลักเพิ่งเริ่มต้น:
ความเร็วเป้าหมาย: X-59 ถูกออกแบบให้บินที่ความเร็ว
Mach 1.4 (ประมาณ 925 ไมล์/ชั่วโมง) ที่ความสูง
55,000 ฟุต
Acoustic Validation: ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเทคโนโลยี "Quiet Boom" นี้ใช้งานได้จริงในสถานการณ์ความเร็วเหนือเสียง
Community Overflights (ด่านตัดสิน): นี่คือด่านที่สำคัญที่สุด! X-59 จะบินเหนือชุมชนที่ถูกเลือกในสหรัฐฯ และ NASA จะส่งทีมลงไป
สำรวจความคิดเห็นของชาวบ้าน ว่าพวกเขาได้ยินเสียง "โซนิกทัมพ์" นี้ดังแค่ไหน... ถ้าคนบนพื้นดินไม่รู้สึกรำคาญ ก็ถึงเวลาที่กฎหมายการบินจะเปลี่ยนไปตลอดกาล และ
เปิดโอกาสให้เครื่องบินความเร็วเหนือเสียงเชิงพาณิชย์กลับมาให้บริการ
อ้างอิง :
https://factfun.co/nasa-x59-quiet-supersonic-jet-first-flight/
NASA X-59: สิ้นสุดยุค "โซนิกบูม" เจ็ตความเร็วเหนือเสียงสุดเงียบ ที่จะ ปลดล็อกกฎการบินโลก
Concorde คือตำนาน... เร็ว, หรูหรา, แต่เสียงดังระเบิด (ดังจนสหรัฐฯ ต้องแบนการบินเหนือพื้นดินมาตั้งแต่ปี 1973!) แต่ X-59 คือความพยายามที่จะ "แก้เกม" ด้วยการเปลี่ยนเสียง "ฟ้าร้อง" ให้กลายเป็นแค่เสียง "ปัง" เบาๆ
มาดูกันว่า เจ็ตความยาว 100 ฟุตลำนี้ มีอะไรที่น่าทึ่งและ "แปลก" บ้าง
X-59 ไม่เหมือนเจ็ตใดๆ ที่คุณเคยเห็น ด้วยขนาดที่ถูกออกแบบมาเพื่อ หลอกล่อฟิสิกส์ โดยเฉพาะ:
ความยาวสุดพิลึก: 99 ฟุต 7 นิ้ว (ยาวพอๆ กับเครื่องบินโดยสาร Boeing 737 เลยทีเดียว)
ปีกแคบจนน่าตกใจ: แต่มีช่วงปีกเพียง 29 ฟุต 7 นิ้ว เท่านั้น!
ความสูง: แค่ 14 ฟุต (วัดจากพื้นถึงหาง T-Tail)
ตัวเลขสำคัญ: X-59 สามารถบรรทุกเชื้อเพลิงได้ 8,700 ปอนด์ และน้ำหนักบรรทุก (Payload) 600 ปอนด์ โดยมีน้ำหนักรวมสูงสุด 25,000 ปอนด์ นี่คือผลงานของ Skunk Works แห่ง Lockheed Martin ที่เชี่ยวชาญด้านเครื่องบินทดลองสุดล้ำ!
2. 🤫 เคล็ดลับความเงียบ: จมูก 38 ฟุตและวิศวกรรมเสียง
หัวใจของภารกิจ QueSST คือการเปลี่ยนเสียง "โซนิกบูม" ที่เกิดจากการรวมตัวของคลื่นกระแทกด้านหน้าและด้านหลังเครื่องบิน ให้กลายเป็น "โซนิกทัมพ์" (Sonic Thump) ที่เงียบกริบ:
จมูกยาวสุดขีด: ส่วนหัวเข็มของ X-59 กินพื้นที่ไปถึง 38 ฟุต ของความยาวทั้งหมด! นี่คือดีไซน์ที่ตั้งใจให้ กระจายคลื่นกระแทก ออกไปก่อนที่มันจะรวมตัวกันเป็นระเบิดเสียง
ที่ตั้งเครื่องยนต์: เครื่องยนต์ General Electric F414-GE-100 (รุ่นที่ได้รับการดัดแปลง) ถูกติดตั้งไว้ ด้านบน ของเครื่องบิน ซึ่งช่วยในการ ควบคุมการกระจายคลื่นกระแทก จากด้านหลังอีกชั้นหนึ่ง
เป้าหมายเสียง: ลดเสียงจาก 105 PLdB (เทียบเท่าเสียงฟ้าร้อง) ให้เหลือแค่ 75 PLdB (เสียงปิดประตูรถที่อยู่ห่างออกไป) นี่คือความต่าง 30 เดซิเบล ที่สร้างความแตกต่างทางกฎหมายได้ทั้งโลก!
3. 🎮 บินด้วยจอ: เมื่อนักบินมองไม่เห็นข้างหน้า
เมื่อจมูกกินพื้นที่ไปเกือบ 40% ของความยาวเครื่องบิน นักบินก็ไม่สามารถมองเห็นทัศนวิสัยด้านหน้าได้เลย... NASA แก้ปัญหานี้ด้วยเทคโนโลยี Augmented Reality (AR) ขั้นสูง:
External Vision System (XVS): ระบบนี้ใช้ กล้อง 4K ที่ความละเอียดสูง ถ่ายทอดภาพด้านหน้าไปยังหน้าจอแสดงผลในห้องนักบิน ทำให้กลายเป็น "หน้าต่างดิจิทัล" ที่ช่วยให้นักบินสามารถนำทางและลงจอดได้อย่างปลอดภัย
รู้หรือไม่? เครื่อง X-59 ลำนี้เป็นการรวมชิ้นส่วนของเครื่องบินหลายรุ่น: มันใช้ ล้อลงจอดจาก F-16 และ เบาะนักบินดีดตัวจาก T-38 แสดงให้เห็นว่ามันคือ "Frankenstein" ในโลกการบินโดยแท้!
4. ✈️ ภารกิจต่อไป: บินด้วย Mach 1.4 เพื่อปลดล็อกกฎหมาย
การบินครั้งแรกนั้นเป็นการตรวจสอบระบบที่ความเร็ว "ต่ำกว่าเสียง" แต่ภารกิจหลักเพิ่งเริ่มต้น:
ความเร็วเป้าหมาย: X-59 ถูกออกแบบให้บินที่ความเร็ว Mach 1.4 (ประมาณ 925 ไมล์/ชั่วโมง) ที่ความสูง 55,000 ฟุต
Acoustic Validation: ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเทคโนโลยี "Quiet Boom" นี้ใช้งานได้จริงในสถานการณ์ความเร็วเหนือเสียง
Community Overflights (ด่านตัดสิน): นี่คือด่านที่สำคัญที่สุด! X-59 จะบินเหนือชุมชนที่ถูกเลือกในสหรัฐฯ และ NASA จะส่งทีมลงไป สำรวจความคิดเห็นของชาวบ้าน ว่าพวกเขาได้ยินเสียง "โซนิกทัมพ์" นี้ดังแค่ไหน... ถ้าคนบนพื้นดินไม่รู้สึกรำคาญ ก็ถึงเวลาที่กฎหมายการบินจะเปลี่ยนไปตลอดกาล และ เปิดโอกาสให้เครื่องบินความเร็วเหนือเสียงเชิงพาณิชย์กลับมาให้บริการ
อ้างอิง : https://factfun.co/nasa-x59-quiet-supersonic-jet-first-flight/