ฌานร้อยเล่ห์ บทที่ ๔ ผู้มาเยือน

กระทู้สนทนา




           เมื่อ ฝันรัก สาวโสดหัวใจเปลี่ยว ผู้มี ‘ฌานทิพย์’  ต้องสะสางคดีพิศวาส
โลกใบเล็กของหญิงสาวจึงหมุนมาชนเปรี้ยง! กับสามหนุ่ม

            ณฤทธิ์ อาเฮียรุ่นพ่อ สุดหล่อในเครื่องแบบ
              ตั้งปณิธาน  อัจฉริยะหน้าใส วัยกรุบกริบ
และ อรัญ ผู้ชายที่มีฝันร้าย ซึ่งเป็นอันตรายต่อหัวใจ


     คดีนี้ท่าจะย่ำแย่ เพราะเรื่องรักๆ ใคร่ๆ กำลังอีรุงตุงนัง แถมภารกิจลับยังต้องใช้ ‘พรหมจรรย์’ เป็นเดิมพันซะด้วย




     บทที่ผ่านมาครับ    

                            บทที่ ๓  http://pantip.com/topic/33754491
                            บทที่ ๒ http://pantip.com/topic/33703660
                            บทที่ ๑ http://pantip.com/topic/33669696
  ความเดิมจาก พันทิป    บทนำ   http://pantip.com/topic/33635644
       จากเด็กดีครับ      http://my.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1350561  (แก้ไขคำผิดแล้วครับ)


    แฟนเพจ ไว้ติดตามผลงานครับ      https://www.facebook.com/BaanKhemPann?ref=hl

     พาพันติดฝนพาพันไม่สบายเพี้ยนแช๊ะเพี้ยนลุย



       บทที่๔  ผู้มาเยือน



    เวลา ๐๗.๓๐ น.



    รถเก็บขยะสีเหลืองคันใหญ่ขับผ่านด้านหน้าอาคารพาณิชย์ขนาดสามชั้นครึ่งไปเล็กน้อย คนขับรถค่อยๆ จอดรถเทียบฟุตบาท  เสียงเพลงลูกทุ่งมีเนื้อหาแนวตัดพ้อคนรักในห้องโดยสารดังพอให้ยามเช้าไม่เงียบเหงาเกินไป


ดวงตาคมใต้กรอบแว่นสีดำหนาเทอะทะไร้เลนส์แวบมองร่างที่นั่งข้างกัน เอ่ยเสียงแหบต่ำแฝงเลศนัย  “ตื่นเมื่อไหร่ ค่อยหาข้อแก้ตัวดีๆ กับหัวหน้านะลุง อย่างมากคงถูกพักงาน ไม่ถึงกลับโดนไล่ออก หึๆ”


    เหล้าขาวที่บรรจุในขวดเครื่องดื่มชูกำลังถูกเปิดฝา กลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนจมูกโชยออกมา เขาใช้บางส่วนพรมลงบนเสื้อชายชราวัยใกล้หกสิบ ก่อนจะนำขวดดังกล่าวใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อพร้อมธนบัตรสีเทาหลายใบเพื่อปลอบขวัญ


     คนขับรถมองดูผลงานประเดี๋ยว ต่อจากนั้นจึงเปิดประตูและก้าวลงไป จุดหมายคือช่องทิ้งขณะที่อยู่ตรงรั้วสีเปลือกไข่ ร่างสูงเดินเข้าไปทำทีเปิดช่องทิ้งขยะ ขณะเดียวกันก็กวาดสายตารอบตัว ครั้นไม่เห็นใครแถวนั้นจึงสืบเท้าไปอีกฝั่ง มุ่งสู่ประตูบานเล็กด้านข้างอาคาร  



    รอยยิ้มผุดบนดวงหน้าสีน้ำผึ้ง ทุกอย่างง่ายดายตามแผน แม่บ้านสำนักงานมักเผอเรอไม่ล็อกประตู และออกไปซื้อของกินยามเช้าสำหรับเจ้าหน้าที่ด้านใน กว่าจะกลับก็เลยเวลาเกือบแปดโมงครึ่ง หลังจากซุ่มดูหลายวัน เขามั่นใจว่าการเข้าไปด้านในพื้นที่แห่งนี้แทบไม่ต้องออกแรงอะไร



    ชายในชุดหมีสีน้ำเงินสืบเท้าเข้าไปอย่างย่ามใจ ครั้นเดินมาถึงที่ลับตามุมอาคารก็ลอกคราบชุดดังกล่าวแล้วโยนทิ้งไว้ข้างพุ่มดอกเข็ม เผยให้เห็นเสื้อเชิ้ตสีขาว เน็คไทสีน้ำเงินเข้ม กางเกงสแล็คทรงสุภาพ มองเผินๆ คล้ายคนทำงานออฟฟิศทั่วไป ผิดแต่เขามีบุคลิกสง่า แฝงด้วยเสน่ห์น่าค้นหาและดูอันตรายพอกัน!  


    เขาก้าวสู่ทางเชื่อมต่อไปยังคลินิกที่เปิดตลอด ๒๔ ชั่วโมง  ซึ่งซ่อนตัวอยู่ด้านหลังอาคารขนาดสามชั้นครึ่ง เป็นของบริษัทรับออกแบบตกแต่งภายใน คือฉากบังหน้าคลีนิคแห่งนี้



     คลีนิคดังกล่าวเป็นที่รู้กันเฉพาะผู้ทำสัญญา โดยมีเงื่อนไขสำคัญว่าทุกอย่างต้องปกปิดเป็นความลับ ผู้ใช้บริการล้วนเป็นลูกค้าเงินหนา แปดสิบเปอร์เซ็นต์เป็นชาวต่างชาติ  


    ดวงตาคมใต้กรอบแว่นตาสีดำกวาดมองไปทั่วบริเวณ ด้วยใจเดือดปุด เขาไม่ได้มีความแค้นกับคนที่นี่ กระนั้นก็ไม่อาจปล่อยให้ทุกสิ่งเดินหน้าต่อไปได้ เพราะผิดต่อทั้งศีลธรรม กลุ่มคนชั่วกำลังถลุงเงินตระกูลเขาอย่างสบายใจ ในวันนี้เขาพร้อมให้คนเหล่านั้นชดใช้สิ่งที่กระทำต่อผู้ซึ่งเป็นที่รักของเขา



      ยามรักษาการณ์สองคนเดินตรวจความเรียบร้อยตามหน้าที่ นานๆ ถึงได้ยินเสียงพูดคุยผ่านวิทยุสื่อสาร ด้วยมัวแต่สนใจข่าวยามเช้า ไม่ก็คุยเรื่องหวยไปจนถึงหัวข้อทางการเมืองอย่างออกรส จึงไม่ทันสังเกตว่ามีบุรุษลึกลับแฝงตัวเข้ามาจนถึงด้านในอาคาร




เจ้าคิกคักเรื่องนี้ต้องขยาย


      ประตูห้องพักแพทย์ถูกผลักเข้าไป ชายผู้มาเยือนคลีนิคสูดลมหายใจผ่านหน้ากากอนามัย ดวงตาคมจ้องเขม็งไปยังเหยื่อที่มีชีวิตด้วยความขึงโกรธ เป้าหมายแรกกำลังจะถูกส่งตัวไปชดเชยความผิด โดยมีเขาเป็นผู้พิพากษา!


    นายแพทย์ชาวต่างชาติร่างผอม ศีรษะโล้นล้าน ง่วนกับเอกสารในมือ พลางสบถถ้อยคำหยาบคายยาวเหยียด เขาไม่พอใจเงินจากการทำงานซึ่งน้อยกว่าที่ตกลงไว้ สาเหตุจากความผิดพลาดของเคสพิเศษก่อนหน้า



    ครั้นเอื้อมมือหมายหยิบโทรศัพท์เพื่อตกลงกับผู้มีอำนาจขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามเงื่อนไขเดิม ก็รู้สึกเสียวตรงตนคอวาบ หากไม่ทันได้ป้องกันตัว เขาพลาดท่าให้ผู้ที่โผล่มาจากข้างหลังเสียก่อน



    เชือกเส้นเล็กแบบพิเศษรัดรอบคอนายแพทย์ ด้วยความเร็วและมีทักษะ มือใหญ่กระตุกแรงๆ เพื่อให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงพลังและยอมอ่อนข้อให้แต่โดยดี


    “ชู่วว์…” เสียงนั้นดังข้างหู ฟังแล้วเยียบเย็นจับใจ  



    “ปละ ปล่อย คุณยังไม่รู้ว่ากำลังทำผิด ยะ…อย่าทำร้ายหมอ ” นายแพทย์พยายามสื่อสารด้วยภาษาไทยกระท่อนกระแท่น หากเสียงที่ได้ยินผ่านหน้ากากอนามัยทำให้เขาอึ้ง อีกฝ่ายเอ่ยภาษาอังกฤษสำเนียงดีเยี่ยม



    “ฮ่าๆ  ยังกล้าเรียกตัวเองว่าหมออีกเหรอ ไอ้เวร!”



    “หมายความว่าไง คะ คุณเป็นใคร?” แพทย์ถามเสียงประหลาดใจ เจือความหวาดหวั่น



    “กูคือคนที่จะลากไปลงนรกยังไงล่ะ ไอ้หมอหน้าเลือดเห็นแก่เงิน ทำให้คนตายกี่คนแล้ว สำนึกบ้างไหม!”



    “คุณพูดบ้าอะไร  ผะ ผมไม่ได้ทำ…” เสียงเขาขาดเป็นห้วง ขณะเดียวกันมือใหญ่ก็ออกแรงดึงเชือกรัดคอเขาแน่นขึ้น




   “หึๆ ใช่ สิ่งที่แกไม่เคยทำก็คือความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ยังไงละ”



    ร่างผอมของแพทย์ชาวต่างชาติดิ้นขลุกขลัก พยายามเอาตัวรอด หากพละกำลังจากชายผู้มาเยือนมีมากกว่า การยื้อยุดจึงเหมือนเด็กตัวจ้อยกับผู้ใหญ่โมโหร้าย



    ใบหน้านายแพทย์เปลี่ยนจากแดงจัด เป็นสีคล้ำ ดวงตาเบิกกว้างปานจะถลนออกมา สองมือไขว่คว้าไปเบื้องหน้าเพียงประเดี๋ยวก็อ่อนแรง



    “เฮ้อ…อ่อนจริงๆ ไอ้หมอ เอาไว้เจอของจริงก่อน เดี๋ยวจะรู้ว่านรกมันน่ากลัวแค่ไหน” เอ่ยจบก็ล้วงเข้าไปในเสื้อซึ่งมีเข็มฉีดยา เขาจัดการฉีดเข้าบริเวณต้นคออีกฝ่าย ก่อนจะลากร่างนั้นไปกองไว้ข้างโซฟา ครั้นเอี้ยวตัวกลับ เขาพบว่านางพยาบาลคนหนึ่งยืนตัวสั่นข้างตู้เอกสารเหล็ก


    “มะ ไม่ ฉันไม่เห็นอะไรทั้งนั้น สะ สา บานได้” พยาบาลหลับตาปี๋ สองขาสั่นพั่บๆ โกรธตัวเองที่ไร้เรี่ยวแรง เอาตัวรอดจากสถานการณ์ชวนสยองใจ อาจเป็นเพราะห้องนี้อยู่ไกลจากออฟฟิศ  


    แพทย์ชาวต่างชาติผู้นี้ต้องการความสงบ เธอก็ชื่นชอบความเงียบและเป็นส่วนตัวของที่นี่มาก มันอยู่ในจุดที่ไม่มีใครเดินป้วนเปี้ยนมากวนใจ หากไม่นึกไม่ฝันมาก่อนว่าจะกลายเป็นที่รโหฐาน ให้เผชิญหน้าชายลึกลับ ผู้กระเหียนกระหือรือเปี่ยมด้วยความแค้น



    ผู้มาเยือนขมวดคิ้วมุ่น เขาประมาทเกินไป คงย่ามใจว่าคนพวกนี้อ่อนด้อยกว่าตน



    “ปล่อยฉันไปเถอะนะ ขอร้องละ” พยาบาลยกมือไหว้ น้ำตาเจ้ากรรมไหลอาบแพขนตาที่ปิดสนิท สิ่งใดหนอทำให้มาพบสถานการณ์เลวร้าย อาจเพราะการล่วงละเมิดศีลธรรม เห็นผิดเป็นชอบกรรมถึงตามสนองอย่างรวดเร็ว



    ร่างสูงใหญ่ก้าวอาดๆ ตรงมายังร่างสั่นเทา มือหนาบีบปลายคางแหลมเล็ก จดจ้องอีกฝ่ายด้วยดวงตาเปี่ยมโทสะ  “คนตายเท่านั้นที่ สะ-ตอ -เบอร์- รี่ ไม่ได้!”


    นางพยาบาลใจล่วงหล่น ขาที่สั่นพั่บๆ อ่อนแรงลง



    “อยากตายทั้งที่ตาบอดหรือไง ลืมตาเดี๋ยวนี้!”  เสียงตวาดใส่ส่งผลให้ พยาบาลหวีดเสียงหลง


    “ฉันบอกแล้ว ไม่รู้ ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น  จะฆ่าแกงใครก็ตามใจคุณ ฉะ ฉันไม่เกี่ยว”


    “หึๆ เห็นชีวิตคนเป็นผักปลาสินะ ถึงไม่สนว่าใครจะเป็นจะตายยังไง”  เขาเอ่ยอย่างล่วงรู้ความลับดำมืดของเธอ


    “พูดแปลกๆ ฉันเคยทำอย่างนั้นเสียเมื่อไหร่ หา” ความขยาดกลัวเมื่อครู่ แปรเปลี่ยน เพราะถูกตอกย้ำถึงความผิดของตน  



    “คิดว่าสวมชุดขาวแล้ว จะเป็นคนดีอย่างนั้นสิ เธอก็แค่นางบำเรอไอ้หมอ เป็นมือเป็นตีนคอยทำงานชั่วๆ ให้มัน พวกบุตรของซาตาน อยู่ไปก็รกโลก! ”



    นางพยาบาลได้ยินเช่นนั้น พลันลืมตาโดยอัตโนมัติ หากเขารู้เรื่องลับขนาดนี้ คงไม่ต้องเสียเวลาหลบหน้าหลบตา



    “คะ คุณ ต้องการอะไรกันแน่! ” เธอถามเสียงกร้าว กลัวอยู่มาก แต่ความอยากรู้ท่วมใจ


    เขาไม่ตอบ หากหัวเราะหึๆ ในลำคอ สร้างความเขย่าขวัญให้บรรยากาศในห้องมากโข แต่พยาบาลสาวตั้งสติได้แล้ว เธออยู่กับความเป็นความตายมานาน เหตุการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานเกิดขึ้นเสมอ


    ดวงตาเล็กเรียวมองแจกันตั้งโต๊ะ ปากแสร้งขอความเมตตาจากเขา หวังถ่วงเวลา



    “ปล่อยฉันเถอะ ฉันถูกบังคับให้ทำจริงๆ …ไม่รู้อะไรเลย” เอ่ยจบก็ฮึดสู้สุดใจ คว้าแจกันดอกไม้ฟาดใส่เขา ทว่ามันเฉียดศีรษะได้รูปไปเพียงนิด เมื่อเห็นว่าทำอันตรายให้เขาไม่ได้ จึงออกแรงเคลื่อนชั้นวางนิตยสารขวางทางเขา แล้ววิ่งวนไปอีกฝากของห้อง



    การหนีเอาตัวรอดของเธอ กระพือความกราดเกรี้ยวให้เขา เสียงคำรามดังรอดหน้ากากอนามัย ฟังแล้วราวกับสัตว์ดุร้ายที่พร้อมฉีกร่างเธอและกัดกินเป็นอาหารแสนโอชะ



      ในที่สุดพยาบาลก็พุ่งตัวออกไปยังประตูบานเลื่อนสำเร็จ สองมือคว้าที่จับบานประตูได้ ในสมองคิดว่าเพียงแค่หลุดพ้นจากห้องนี้ โอกาสรอดจากฆาตกรใจโฉดคงพอมี เธอหวังใจพบยามรักษาการณ์ หรือใครสักคนโผล่มาให้ความช่วยเหลือ


      “ชะ ช่วยด้วย” มือเล็กเลื่อนเปิดประตูสุดแรง พาร่างเล็กกะทัดรัดโผล่ออกไปได้เพียงครึ่งตัว ทว่าขาข้างหนึ่งถูกกระชากกลับในเสี้ยววินาทีต่อมา แรงนั้นมากพอจะทำให้ดวงหน้าเล็กเรียวฟาดบานประตูโครมใหญ่


    กรี๊ด! เสียงร้องเสียขวัญดังหวีดก้อง น้ำตาไหลเอ่อ เจ็บจุกเหลือประมาณ



    เขาลากร่างเธออย่างไม่ปราณีจนชนกับเฟอร์นิเจอร์ในห้องนับครั้งไม่ถ้วน วินาทีนั้นความรักตัวกลัวตายสั่งให้ดิ้นขัดขืนสุดพลังกาย ทั้งเตะ ทั้งถีบ สองมือตบลงบนเนื้อตัวเขาเป็นพัลวัน



    “มะ ไม่…อย่าทำฉันเลย” สิ้นเสียงร้องขอ ปลายเหล็กแหลมเข็นฉีดยาก็ปักลงที่หน้าอกพยาบาล


    ดวงตากลมโตเบิกค้าง ริมฝีปากเคลือบสีสวยอ้ากว้าง หลุดเสียงไอแค่กๆ ออกมาสองสามครั้ง ก่อนจะกรีดเสียงร้องลั่นซ้ำ เมื่อเข็มฉีดยาถูกกดลงลึกลงกว่าเดิม สร้างความเจ็บปวดทวีคูณ



    อึดใจต่อมาเธอถูกลากไปกองรวมนายแพทย์ชาวต่างชาติ ผู้สลบเหมือดไปก่อนหน้า…
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่