FINAL THRESHOLD ผู้พิทักษ์ตนสุดท้าย (ตอนที่ 3)

สวัสดีค่ะ
เรื่องนี้เป็นภาคต่อจากเรื่อง POSTHUMOUS
แต่สามารถอ่านได้ หากยังไม่ได้อ่าน POSTHUMOUS ค่ะ
"FINAL THRESHOLD ผู้พิทักษ์ตนสุดท้าย"
เป็นนิยายไซไฟ เข้ารอบ 9 เล่มสุดท้าย การประกวดรางวัลชมนาด ครั้งที่ 11 ปี 2565 ค่ะ
การประกวดจบไปแล้ว ก็เลยเอามาทำ EBOOK และลงถนนนักเขียนค่ะ  
หากอยากอุดหนุน EBOOK
สามารถจิ้มลิ้งนี้ได้เลยค่ะ จิ้ม
หรือจะแวะไปเม้นให้กำลังใจก็ได้ค้า
ขอบคุณมากค่ะ
--------------------------------------------------------
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537
ห้ามทำการคัดลอก เลียนแบบ หรือดัดแปลงเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งของงานนี้ รวมทั้งการจัดเก็บ ถ่ายทอด สแกน บันทึก ถ่ายภาพ
ไม่ว่าในรูปแบบหรือวิธีการใดๆ ในกระบวนการอิเล็คทรอนิกส์
เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ
หากฝ่าฝืนมีโทษบัญญัติไว้สูงสุดตามกฎหมาย พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ 2537
---------------------------------------------------------

3
ตอนนั้นทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว สับสน และ -- หนาวเย็น

ฉันลืมตาขึ้น ร่างทั้งร่างสะดุ้งสุดตัว ก่อนที่จะพบตนเองในสภาพที่มือทั้งสองข้างถูกมัดพันธนาการด้วยโซ่เส้นหนา เช่นเดียวกันกับขาทั้งสองข้างที่ถูกตรึงเข้ากับเก้าอี้ไม้

ฉันสูดลมหายใจเข้าลึก กัดฟันแน่น เมื่อความรู้สึกเจ็บปวดแล่นปราดไปทั่วทั้งร่าง สองตาพยายามเพ่งมองผ่านภาพอันพร่าเลือนตรงหน้า

ใบหน้าของชายคนหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้าฉัน ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจ้องมองมานิ่ง ราวกับรอคอยให้ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาอยู่นานแล้ว

“จอร์แดน” ชายคนนั้นพูดขึ้น “ได้ยินฉันไหม”

ฉันรู้จักเขา -- ฉันบอกตนเอง -- เขาคือไทเลอร์

ฉันกะพริบตา กวาดตามองไปรอบตัว

ฉันไล่สายตาไปตามห้องเล็กแห่งนี้ พยายามเพ่งมองผ่านความมืดสลัวไปตามโต๊ะไม้ที่เต็มไปด้วยแผนที่ และขวดเหล้า ก่อนที่จะมองไปยังร่างของชายอีกคนหนึ่งที่นั่งอยู่ห่างจากฉันไปเพียงไม่กี่คืบ

โครม!

ชายร่างใหญ่คนหนึ่งเดินเข้ามาเตะขาฉันอย่างรุนแรง จนฉันกลั้นเสียงร้องเอาไว้แทบไม่ไหว

“เฮ้” ไทเลอร์ปราม ผายมือออกมาเบื้องหน้า “อย่าปฏิบัติกับผู้หญิงแบบนี้สิ อาเธอร์ ไม่เอาน่า --”

“เธอได้ยินเรา ไทเลอร์” ชายร่างใหญ่คนนั้นบอก

หากแต่ฉันไม่ได้มองเขาแม้สักนิด -- สองตาฉันยังคงจับจ้องไปยังชายที่หมดสติคนนั้นเช่นเดิม

พลันแสงจันทร์ก็ทำให้ฉันมองเห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน

“เธอรู้จักเขา” ไทเลอร์เดินเข้ามาใกล้ นั่งลงที่ขอบโต๊ะเบื้องหน้า จ้องมองท่าทีของฉันอย่างพิจารณา

ฉันไม่ได้ตอบคำถามนั้น พยายามรวบรวมสติตนเองไม่ให้แตกกระเจิงไปมากกว่านี้

ไทเลอร์รู้ว่าฉันพยายามปิดบังความรู้สึกที่เกิดขึ้นภายในใจ

“ออกไปก่อน อาเธอร์” เขาหันไปสั่งชายร่างใหญ่ที่ยืนคุมเชิงอยู่คนนั้น

“คุณแน่ใจนะ” อีกฝ่ายถาม

ไทเลอร์เงียบแทนคำตอบ เขากอดอก จ้องมองอาเธอร์นิ่ง

“ตกลง ไทเลอร์” อาเธอร์เปิดประตูออก ก้าวเดินออกไปสู่ความมืดภายนอก “ผมจะเฝ้าอยู่หน้าประตู --”

“ไม่” ไทเลอร์สั่ง “ไปเฝ้ากำแพงหมู่บ้าน -- และไม่ต้องส่งคนมาเฝ้าที่นี่”

อีกครั้งที่อีกฝ่ายแสดงท่าทีไม่แน่ใจออกมา หากแต่รอบนี้เขาไม่ได้ถามอะไรกลับมา นอกจากยินยอมปิดประตูลงอย่างเงียบๆ

ไทเลอร์รอจนเสียงฝีเท้าอันหนาหนักนั้นเงียบหายไป จึงหันมาทางฉันอีกครั้ง

เกิดความเงียบภายในห้องขึ้นมาชั่วขณะ

ฉันพยายามไม่สบตามองไทเลอร์ที่กำลังจ้องมองมา

จนกระทั่งไทเลอร์พูดขึ้นมาว่า “เธอรู้จักเขา เขาไปที่บ้านของเธอ -- ไปเจอพ่อเธอมาใช่ไหม”

ฉันมองใบหน้าของชายที่ถูกพันธนาการด้วยโซ่ตรวนคนนั้น มองไปตามรอยแผลลึกฉกรรจ์ที่ปรากฏไปแทบทั้งร่าง จนเลือดสีแดงฉานเปื้อนไปทั่วใบหน้าและลำคออย่างน่ากลัว

“คุณทำอะไรเขา” ฉันกระซิบถามเสียงแหบแห้ง “คุณต้องการอะไรจากเขา --”

“คำตอบ” เขาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ใบหน้านิ่ง ปราศจากความรู้สึกใดๆ “ฉันแค่ต้องการคำตอบจากเขา”

ฉันมองฝ่ามือหนาที่กำลังควงมีดพกไปมาอย่างระมัดระวัง

“อย่าห่วงเลย” ไทเลอร์พูด ราวกับอ่านความคิดฉันออก “ถ้าเธอยอมตอบฉันมา ฉันก็จะไม่ทำอะไรเธอ แบบที่ฉันทำกับเขา -- ฉันเป็นลูกผู้ชายมากพอ --”

ฉันมองมีดเล่มนั้น ที่ถูกแสงจันทร์ส่องกระทบ จนเกิดเป็นเงาสะท้อนขึ้นในความมืด

“ถามมา” ฉันบอกเขาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “คำถามของคุณคืออะไร”

ไทเลอร์ดูประหลาดใจ “เธอดูต่างจากคนอื่นๆ”

คนอื่นไหนกันหรือ”

ไทเลอร์ไม่ตอบฉัน หากแต่ถามกลับมาว่า “เธอไม่กลัวฉันหรือ”

“ฉันควรจะกลัวคุณหรือ”

ไทเลอร์หยุดควงมีด นิ่งมองท่าทีของฉันเล็กน้อย “วันนี้เจ้าหมอนี่ไปคุยอะไรกับแมตต์” เขาถาม “มันไปวางแผนอะไรกับพ่อเธอ”

ฉันนิ่งไปเล็กน้อย

ภาพที่ฉันค่อยๆเอื้อมมือไปเปิดประตูครัวออกอย่างช้าๆนั้น พลันฉายกลับเข้ามาในความคิดอย่างรวดเร็ว

แล้วฉันก็เห็นพ่อนั่งอยู่ตรงนั้น -- เผชิญหน้ากับแขกผู้มาเยือนด้วยท่าทีนิ่งขรึมจนน่ากลัว

ทั้งสองต่างนั่งตรงข้ามกันที่โต๊ะครัวเล็กๆนั่น พูดคุยกระซิบกระซาบด้วยน้ำเสียงอันดุดัน ราวกับกำลังเอ่ยถึงความลับต้องห้ามบางอย่าง

“คุณรู้ว่าจะไปหาพวกเขาได้อย่างไร” เสียงของใครคนนั้นกระซิบ “พาผมไปด้วย ผมสัญญา -- ผมจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร --”

“ฉันช่วยนายไม่ได้” พ่อกระซิบตอบกลับไปอย่างหนักแน่น

“ได้โปรด” เขารีบพูดรัวเร็ว “พาผมหนีไปด้วย -- ขอแค่ช่วยให้ผมมีชีวิตรอดไปจากที่นี่เท่านั้น แล้วผมจะไม่ขออะไรคุณอีก -- ไม่อีกเลย --”

“ฉันเสียใจ”

คำปฏิเสธอันแสนสั้นของพ่อ คล้ายจะทำให้อีกฝ่ายหมดความอดทน

โครม!

เสียงทุบโต๊ะดังขึ้น พร้อมกับเสียงผลักเก้าอี้ล้มกระแทกพื้นดังลั่น

“ทำไม!” เขาคำราม “ทำไมกัน! --”

“ฉันเสียใจ” พ่อตอบด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ “แต่ฉันช่วยนายไม่ได้ --”

“ได้” อีกฝ่ายคำราม “ถ้าอย่างนั้นก็จะไม่มีใครได้ไปทั้งนั้น! ทั้งผม และครอบครัวของคุณ! ผมจะบอกให้หน่วยลาดตระเวณรู้! --”
 
 
“ไม่” ฉันตอบไทเลอร์ “เขาไม่ได้มาที่บ้านเรา --”

ไทเลอร์มองฉันนิ่ง

ไม่งั้นหรือ จอร์แดน” เขาถามย้ำ “ไม่มีใครอื่นเข้ามาในบ้านเล็กๆนั่นจริงๆน่ะหรือ”

“ไม่” ฉันตอบโดยไม่หลบสายตาเขา

ไทเลอร์เลิกคิ้ว ดวงตาคู่นั้นคล้ายจะทอประกายเจิดจ้าขึ้นมาในความมืดสลัว “แปลกดี” เขากระซิบ “เพราะหมอนี่บอกว่าเธอเห็นเขาอยู่กับพ่อของเธอ --”

ฉันกลั้นใจ เมื่อภาพตอนเช้ามืดปรากฏชัดขึ้นมาในใจอีกครั้ง
 
 
แทบจะในทันทีที่เสียงลากกระชากดังขึ้น ในตอนที่อีกฝ่ายเอ่ยคำขู่ออกมา

จากนั้นจึงตามมาด้วยเสียงทุ่มอะไรบางอย่างกระแทกเข้ากับกำแพงห้องอย่างรุนแรง

โครม!

ฉันสะดุ้ง เมื่อเห็นร่างของพ่อและชายคนนั้นปะทะต่อสู้กัน

พ่อกระชากลากร่างอีกฝ่ายอัดเข้ากับกำแพงห้อง ตัดผ่านบานประตูที่ฉันกำลังลอบมองอยู่ไปอย่างฉิวเฉียด

ร่างของพ่อไล่ตามมาติดๆ มือข้างหนึ่งบีบลำคออีกฝ่ายแน่น ก่อนจะกระแทกกะโหลกชายคนนั้นเข้ากับกำแพงบ้าน จนบานประตูสั่นสะเทือน

“ฟังฉันให้ดี --” พ่อกระซิบลอดไรฟัน “ไม่มีใครต่อรอง หรือขู่ฉัน ในบ้านของฉันได้ -- ไม่เด็ดขาด”

อีกฝ่ายดิ้นไปมา หากแต่ไม่อาจสู้แรงของพ่อได้

พ่อยังคงยืนหยัดอยู่ที่เดิม ไม่เซล้มแม้สักนิดในตอนที่อีกฝ่ายพยายามต่อสู้กลับมา มือข้างนั้นของพ่อยังคงยึดลำคอของอีกฝ่ายไว้แน่นราวกับคีมเหล็ก

“จะไม่มีใครเอาอะไรไปบอกหน่วยลาดตระเวณทั้งนั้น” พ่อคำราม ออกแรงมากขึ้น จนปลายเท้าของชายคนนั้นลอยขึ้นมาจากพื้น “ถ้ามีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้นกับครอบครัวฉันคืนนี้ ฉันสาบานด้วยชีวิตฉัน แกจะเป็นคนแรกที่ฉันตามไปจัดการ เข้าใจไหม”

เสียงอึกอักดังออกมาจาลำคอของอีกฝ่ายที่ถูกบีบแน่น 

“เข้าใจไหม!” พ่อเค้นคำตอบ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเครานั้นดูน่ากลัวขึ้นมามากกว่าเดิม

“ตอบฉันมา ว่าแกเข้าใจ!” พ่อกระแทกกะโหลกอีกฝ่ายแรงขึ้นกว่าเดิม “พูดออกมา!”

“เข้าใจ --” ในที่สุดอีกฝ่ายก็ตอบออกมา “เข้า --ใจ --”

พ่อโยนร่างเขาไปให้พ้นหน้าตนเองอย่างไม่ไยดี “ไสหัวออกไปจากบ้านฉันเสีย เคลลี่”

ตอนนั้นเองที่ดวงตาของฉันกับเคลลี่สบมองกันผ่านรอยแยกของประตู
 
 
“เคลลี่บอกว่าเธอเห็นเขาต่อสู้กับพ่อเธอ” ไทเลอร์ว่าต่อไป ยังคงจ้องมองฉันนิ่ง “เคลลี่บอกว่าเธอแอบฟัง และลอบมองพวกเขาผ่านประตูห้อง --”

ตอนนั้นเองที่ฉันจ้องมองใบหน้าที่อาบไปด้วยเลือดของเคลลี่ ฟังเสียงครางทรมานของเขาอย่างเงียบๆ

ฉันนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะถามขึ้นมาเสียงเบาว่า “เคลลี่บอกคุณว่าอย่างนั้นหรือ”

ไทเลอร์พยักหน้า

ฉันพยักหน้ารับช้าๆ --

ในตอนนั้นเองที่ฉันดิ้นสะบัดตัวอย่างรุนแรง จนเสียงโซ่ตรวนดังไปทั่วทั้งห้อง สองขาถีบดิ้นไปมาสุดแรง จนกระทั่งโซ่ที่พันธนาการแขนและขาทั้งสองข้างหลุดขาดจากกันในที่สุด

ฉันพุ่งเข้าไปหาเคลลี่ ชกใบหน้าของเขาเข้าเต็มแรง จนเขาล้มลงบนพื้นไปพร้อมกับเก้าอี้!

“สารเลว!”  ฉันร้องคำราม กระทืบลงที่กลางอกของอีกฝ่ายอย่างบ้าคลั่ง “ไอ้คนขี้ขลาด!!!”

“แก --” เคลลี่กระอักเลือดออกมา จ้องมองฉันด้วยสายตาเคียดแค้น “ไอ้เศษสวะ! --”

ฉันถ่มน้ำลายใส่เขาอย่างเหยียดหยาม เตะใบหน้าเขาเต็มแรง จนเกิดเสียงดังลั่นไปทั่วทั้งห้อง

ตอนนั้นเองที่ไทเลอร์ขยับตัวเป็นครั้งแรก เขาปราดเข้ามา ฉุดกระชากลากฉันให้ถอยห่างออกมาจากเคลลี่อย่างรวดเร็ว

“พอแล้ว” เขาสั่ง ดันฉันไปชิดกำแพงห้องอีกด้าน ก่อนจะตรึงท่อนแขนฉันไว้แน่น “หยุด!”

ตอนนั้นเองที่สัมผัสอันเย็นเฉียบจ่อเข้าที่ต้นคอของฉัน จากนั้นกระแสไฟฟ้าก็ดังขึ้น แปรเปลี่ยนความเย็นนั้นให้กลายเป็นความร้อน แผดเผาผิวหนังฉันจนแสบร้อน และสั่นสะเทือนไปถึงเนื้อใน

เปรี้ยง!

ฉันร้องออกมา ทรุดล้มลงกับพื้น ร่างทั้งร่างสั่นกระตุกอย่างรุนแรง

ฉันหอบหายใจ เรี่ยวแรงหายไปในฉับพลัน เมื่อความรู้สึกเจ็บปวดแล่นปราดไปทั่วทั้งแผงอกของตนเอง

ไทเลอร์ราวกับจะรับรู้ถึงอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นของฉัน

เขาย่อตัว ชันเข่าลงกับพื้น ใบหน้านั้นเคลื่อนเข้ามาใกล้ -- ดวงตาคู่นั้นจ้องมองฉันอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะกระซิบออกมาว่า “พ่อควรสอนเธอมากกว่านี้ จอร์แดน” เขาบอก “เขาควรสอนให้เธอโกหกได้เก่งกว่านี้”

ฉันเบือนหน้าหนี หากแต่ไทเลอร์ตรึงคางฉันไว้แน่น

“และเขาควรสอนเธอให้ควบคุมอารมณ์ -- ควรสอนให้เธอเก็บความลับได้แนบเนียนกว่านี้ --” 

ฉันจ้องมองเขานิ่ง

“เขาควรสอนเธอให้เป็นเหมือนแม่เธอ” ไทเลอร์กระซิบ “แม่เธอควบคุมตัวเองได้ดีมาก -- และโกหกเราได้แนบเนียนมาก --  มากเกินไป --”

ฉันนิ่งไปเล็กน้อย

แม่ของฉันหรือ --

“ใช่ เธอฉลาดขนาดนั้น” ไทเลอร์ยิ้ม “เธอฉลาดถึงขั้นหลอกฉันได้ และหลอกให้พ่อของเธอหลงรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้น  --”

พ่องั้นหรือ --

“คุณพูดถึงพวกเขาขึ้นมาทำไม” ฉันถามเสียงเบา

“เขารักแม่เธอมากนี่ จริงไหม” ไทเลอร์บอก “ฉันรู้ -- ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา พ่อของเธอมีทางเลือกสองทาง ว่าจะช่วยเธอ หรือแม่ของเธอ” 

ฉันกัดฟันแน่น หัวใจคล้ายจะเต้นถี่รัวเร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิม

“แต่เขาเลือกแม่ของเธอ -- เขาเลือกแม่ของเธอเสมอ -- ยอมเสี่ยงทุกอย่างเพื่อปกป้องผู้หญิงคนนั้นในบ้านเล็กๆหลังนั้น --” ไทเลอร์บอกช้าๆ “เพราะเขาไม่
ได้รักเธอมากขนาดนั้น จอร์แดน --”

ฉันจ้องมองเข้าไปในดวงตาสีน้ำเงินเข้มตรงหน้า --

จนในที่สุดก็พูดออกมาว่า “โกหก” ฉันส่ายหน้า “โกหก!”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่