เงาอลวน - บทที่ 3 - รักษ์คำ

กระทู้สนทนา
http://pantip.com/topic/33161166

บทที่ 3

    กว่าจะได้พบหน้าค่าตาของผู้จ้างโดยตรง เวลาก็ผ่านไปสองวันครึ่ง ชมทองปลุกตัวเองให้ตื่นตัวตลอดเวลาเมื่อเจือแก้วมาบอกว่าเจ้านายต้องการเจอตัว

    "นึกว่าวันนี้จะไม่กลับมาเสียแล้วอีก" เขาเปรยขณะเดินไปตามทางโรยกรวด

    "คุณฤกษ์ทำงานหนักขึ้น เหมือนกลายเป็นเสาหลักไปแล้ว ก็อย่างที่เล่านั่นแหละ ตอนนี้กิจการของคุณท่านย่ำแย่ คุณเช้าก็มาพิการไปอีกคน ลูกเขยก็ต้องรับบทเข้มสักหน่อย"

    เจือแก้วหยุดตรงทางแยก ด้านหนึ่งเข้าสวนหย่อม อีกด้านก็สวนนกของคุณบวรมั่น ท่านโปรดปรานการเลี้ยงนกมาก ในสวนของท่านจึงคลาคล่ำไปด้วยสารพัดนก ส่งเสียงสนทนากันจุ๊กจิ๊กจอแจได้ทั้งวัน

    "เดินไปตามทางนี้ สุดทางก็เลี้ยวซ้าย เจอสวนเล็กๆ ด้านหลังปีกซ้ายของตึก มีศาลาไม้ไผ่บนเนินหญ้า คุณฤกษ์รออยู่ที่นั่น ตอนนี้คงกำลังรับของว่าง ฉันเห็นสมรยกไปเมื่อกี้นี้เอง"

    ชมทองพยักหน้า เขาเคยเจอ 'สมร' ลูกมือของ 'แม่ครัวอุ่น' แล้ว หล่อนสวยดี ตัวเล็กกะทัดรัด ผมซอยสั้น ผิวขาวผุดผ่อง อายุคงใกล้ๆ ยี่สิบ ตอนเช้าเขาเห็นหล่อนสวมชุดนักศึกษาหอบตำราแนบอกเดินลัดเลาะไปตามสนามหญ้าลุลับไปทางประตูเล็กด้านข้าง เจือแก้วเล่าว่านงคราญรับผิดชอบส่งเสียค่าเล่าเรียน ตั้งใจว่าพอเรียนจบก็จะให้ไปช่วยงานในบริษัท

    "นั่นคุณพิมพ์เช้านี่"

เขาหยุดเดินกึกลงเมื่อเหลือบไปเห็นเจ้านายสาวอยู่กลางวงล้อมของสวนดอกไม้ แต่ที่ไม่ดีเลยก็คงจะเป็นแสงแดดจ้ายามบ่ายแก่ๆ เช่นนี้ ค่อนไปทางจัดเกินกว่าจะนั่งตากให้ตัวอุ่น

"ฉันขอเตือนนะพี่ชมทอง" เจือแก้วก็ไม่อยากพูดมาก สีหน้าหล่อนอึดอัดตอนปรามเบาๆ "รักจะทำงานที่นี่ อะไรที่ไม่ใช่เรื่องของเราก็อย่าสนใจ ทำหูหนวกตาบอดไปได้เลยยิ่งดี"

    "รวมทั้งเรื่องนี้ด้วยหรือ" ชมทองหันกลับมาถามให้แน่ใจ

    "เรื่องเดียวที่พี่ต้องสนใจก็คืองานของพี่นั่นแหละ ไปได้แล้ว คุณฤกษ์รอนานไปเดี๋ยวโดนเอ็ดนะ"

    "พยาบาลราศีไปไหน ทำไมปล่อยให้.. "

    "พี่ชมทอง ฉันเพิ่งเตือนไปหยกๆ เลิกวุ่นวายเรื่องที่ไม่ใช่ของตัว แล้วรีบไปเสียที"

    เจือแก้วต้องรีบตัดบทปิดปากปิดคำพ่อจอมสงสัย หล่อนทั้งผลักหลังรุนเอวเพื่อให้เขาออกเดินเสียที ยืนอยู่ตรงนี้ต่อไป หรือสงสัยให้ตายกันไปข้างหนึ่งว่าทำไมพยาบาลราศีถึงได้ปล่อยให้พิมพ์เช้านั่งตากแดดจัดๆ อยู่ตรงนั้น เขาก็ไม่มีวันได้รับคำตอบใดๆ ทั้งนั้น ดีไม่ดีจะพานโดนตะเพิดออกจากคฤหาสน์แทบไม่ทันอีกต่างหาก

    ใช่แต่เขาหรอกที่คงเวทนาเจ้านายเคราะห์ร้าย หล่อนเองก็เถอะ ทุกครั้งที่เห็นเธอตากแดดตากฝนกลางสนามหญ้าเช่นนั้น ใจก็แปลบๆ เสียทุกที แต่หล่อนก็เป็นเพียงสาวใช้ ยังต้องอาศัยเงินเดือนมาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ไหนยังต้องเจียดส่งให้คนในครอบครัวที่บ้านเกิดลำพูนอีก ดังนั้น ก็ตามที่หล่อนเตือนพ่อหนุ่มยามคนใหม่ไปแล้วนั่นเอง อะไรที่ไม่ใช่เรื่องตนก็อย่าจุ้น



    ฤกษ์สุรัตน์วางถ้วยกาแฟลงบนจานรองพลางเงยขึ้นสำรวจยามหนุ่มตรงหน้าคล้ายไม่อยากเชื่อว่าจะหน้าตาดีได้มากขนาดนี้ เพราะที่ตนนึกภาพไว้นั้นต่างกันลิบลับ แม้นงคราญจะคุยโม้ว่าเจ้าตัวหล่อเหลาดี หรือพยาบาลราศีก็โทรมาบรรยายพ้องกันว่าหล่อระเบิด แต่ในจินตภาพก็ไม่ถึงขั้นนี้

    "เอ้อ ผมแต่งตัวไม่เรียบร้อยหรือครับ" ชมทองสังเกตว่าเจ้านายหนุ่มสำรวจตนอยู่นานจึงถามขึ้นอย่างกังวล

    "เรียบร้อยดี นั่งสิ ไม่ต้องยืนหรอก ฉันไม่เจ้ายศเจ้าอย่าง"

    หนุ่มยามเลือกเก้าอี้ตัวถัดไป และนั่งลงด้วยท่วงท่าสำรวม ยอมรับว่าลอบตื่นเต้นจนตัวเกร็ง เขาคงไม่เกิดอาการแบบนี้หรอกถ้าเพียงแต่งานนี้เป็นของเขามาตั้งแต่แรก ทว่า ก็มีเพียงเขาในตอนนี้ที่รู้ดีอยู่แก่ใจว่าไม่ใช่ เขาไม่เชิงปกปิด แต่ในเมื่อคนที่เคยเห็นหน้าชมทองคนโน้นไม่อยู่ ชมทองคนนี้ก็ต้องสวมเงาไปพลางๆ ก่อน

    "ตื่นเต้นหรือ" ฤกษ์สุรัตน์ถามตามที่ตนสังเกตเห็น ในแววตาของพ่อหนุ่มยามดูเหมือนว่าจะเต้นระริกแปลกๆ

    "นิดหน่อยครับ"

    "ไม่ต้องตื่นเต้น ก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่เจ้ายศเจ้าอย่าง คุยกันธรรมดา สบายๆ "

    "ครับ"

    "พี่นงเล่าว่านายหล่อมาก รา.. เอ้อ พยาบาลราศีก็ชมเปาะว่าหล่อเหมือนดารา ตอนฟังฉันยังนึกขำว่าสาวๆ เพ้อเจ้อ แต่พอได้เห็นตัวจริงแล้ว ก็ต้องยอมรับละนะว่าสาวๆ ตาถึงกันทั้งคู่"

    "เจือแก้วเล่าว่าคุณฤกษ์หล่อมาก ผมก็เห็นจริงตามนั้นเหมือนกัน"

    "ก็ดีนะ เราสองคนมาคุยกันเรื่องความหล่อที่พระเจ้าประทานให้มากันดีไหม"

    ชมทองเม้มปากยิ้ม คะเนไม่ถูกว่าเจ้านายหนุ่มรูปหล่ออารมณ์ขันโดยนิสัย หรือเสแสร้งเพื่อให้เขาหายตื่นเต้นตัวเกร็งกันแน่ เจ้าตัวดื่มกาแฟด้วยท่าทางละเมียดละไมดั่งว่าอร่อยถูกลิ้น ทั้งที่ความจริงมันน่าจะเย็นชืดหมดแล้ว พอวางถ้วยลงก็พยักพเยิดกับเขา แล้วถามขึ้นว่า

    "เจอคุณพ่อแล้วใช่ไหม"

    "ครับ"

    "ท่านว่ายังไงบ้างล่ะ"

    "ไม่นี่ครับ"

    "ไม่ถามหรือว่าฉันจะพาไปทำงานที่ไหน"

    พ่อหนุ่มยามขมวดคิ้วพร้อมส่ายหน้า ไม่ค่อยเข้าใจคำถามพวกนั้นนัก แต่ก็คร้านจะซักไซ้ เขาต้องระมัดระวังคำพูดให้มากหน่อย ไม่อยากพลั้งเผลอจนถูกจับได้ก่อนถึงเวลาอันควรว่าตนไม่ใช่ชมทองคนโน้น

    "เอ้า นี่แผนที่ ลองดูว่างงไหม"

    เขาลุกไปหยิบมาดูตามคำสั่ง จากลายเส้นประกอบชื่อสถานที่ก็พอจะเดาได้ว่าเป็นบ้านพักหลังหนึ่งซึ่งอยู่ไกลจากคฤหาสน์หลังนี้พอสมควร เขาก็สังเกตจากชื่อ 'ภูไหม' และรูปบ้านที่วาดเด่นอยู่บนยอดนั้น

    "ที่ไหนครับนี่" เขาเงยหน้าขึ้นแล้วถามอย่างนอบน้อม

    "บ้านภูไหมไง ฉันจะพาคุณเช้าไปพักที่นั่น คุณหมอแนะนำไว้อย่างนั้น อยากให้เธออยู่ในที่ที่สงบ อากาศดี ไม่มีภาพมีข่าวรกหูรกตาอันจะก่อให้เกิดความสะเทือนใจในสังขาร"

    จะว่าแปลกก็ยอม แต่ตงิดหูเหลือเกิน ชมทองไม่อยากคิดในแง่ร้าย ทว่า น้ำเสียงกับรอยยิ้มที่ผุดบางเพียงแวบบนริมฝีปากหยักหนาของคนพูดก็ไม่เข้าทีจริงๆ เหมือนว่ากระแนะกระแหน หรือไม่ก็ 'สะใจ'
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่