ผลตอบแทนแบบทบต้นตั้งแต่ลงทุน เครื่องมือวัดผลที่ควรใส่ใจ

กระทู้สนทนา
แน่นอนว่าสิ่งที่นักลงทุนทุกคนพึงรู้ และควรรู้ คือ ผลตอบแทนที่แท้จริงของตัวเองนั้นตั้งแต่ลงทุนมาคิดเป็นแบบทบต้นเท่าไหร่ หลายคนไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้ ขอเพียงรู้ว่าตั้งแต่เริ่มเข้าตลาดมากำไรหรือขาดทุนเท่าไหร่ บางคนยิ่งกว่านั้น ขอเพียงให้รู้ว่าในวันนี้เราจะได้กำไรหรือขาดทุน เงินหมดก็เติมใหม่ แถมลงทุนมากี่ปี บางทียังนึกไม่ออกเลย บางคนเข้าๆออกๆ ช่วงมีกำไรก็อยู่ตลาดนานหน่อย แต่พอช่วงขาดทุนหนักหรือตลาดไม่ดี ก็เลิกรากันไปเลย กว่าจะกลับมาอีกที ก็ไปได้ยินนักศึกษา คนขับแท๊กซี่ เล่าให้ฟังถึงกำไรจากตลาดว่าได้เท่านั้นเท่านี้จึงอยากกลับมาตลาดอีกครั้ง ด้วยกำลังใจเต็มเปี่ยม(โดยลืมความขื่นขมในอดีตไปซะแล้ว)



          โดยส่วนตัวผมเองเป็นคนชอบบันทึกข้อมูลไว้เป็นสถิติ เพราะชอบเรื่องนี้มาตั้งแต่เด็กๆ โดยเฉพาะสมัยเด็กๆชอบกีฬาเบสบอลมาก และหากใครเคยเล่นหรือเคยติดตาม จะรู้ว่าเป็นเรื่องของสถิติล้วนๆ โดยเฉพาะถ้าใครเคยเล่นเกมส์เบสบอลสมัยก่อน จะเห็นตัวเลขอะไรต่ออะไรยั้วเยี้ยไปหมด เช่น RBI BB HR IP H K  โดยจุดเริ่มต้นของผมคือหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง Touch ซึ่งความจริงเป็นการ์ตูนรักโรแมนติก ใสๆ น่ารักของวัยรุ่นสมัยนั้นผสมผสานกับเรื่องราวของกีฬาเบสบอลอย่างลงตัว ทำให้ผมต้องมาสนใจศึกษาและเรียนรู้จากเกมส์คอมพิวเตอร์ ซึ่งสำหรับบางคนอาจมองเป็นเรื่องน่าเบื่อ เพราะต้องมานั่งจดจำ ตัวเลข แต่สำหรับผมกลับชอบเกมส์แบบนี้มาก เพราะวัดผลกันได้แบบยุติธรรม ไม่มีลำเอียง ไม่มีอคติ เพราะตัวมันหลอกไม่ได้



          ครั้นเมื่อผมเริ่มลงทุนจริง ก็จะชอบเก็บสถิติตัวเอง ไม่ว่าจะกำไร ขาดทุน ซื้อ ขาย อะไรไว้ก็ตาม  จะบันทึกไว้แทบทุกครั้ง บางทีก็ Print ออกมา เก็บไว้เป็นเอกสาร และที่สำคัญที่สุด คือการบันทึก Cash Flow ของพอร์ตลงทุน เพื่อ Mark to Market ไว้เอง เพราะในกรณีที่เราลงทุนในตลาดหุ้น โบรกเกอร์ จะ Mark to Market เฉพาะเวลาเราซื้อ หรือขายเท่านั้น ซึ่งต่างจากพอร์ตฟิวเจอร์ ซึ่งจะมีการ MTM ทุกวัน การที่ผมได้บันทึก Cash Flow ก็หมายถึงเริ่มตั้งแต่ข้อมูลดิบ ก็คือการซื้อและขาย จากนั้นผมจะใช้ตาราง EXCEL ในการรวบรวมและมองการขึ้นลงของพอร์ตลงทุน บันทึกเอาไว้หน้าต่อหน้า โดยถ้าช่วงไหนขยันหน่อยก็บันทึกไว้แทบทุกวัน ช่วงไหนขี้เกียจก็อาจ 2-3 อาทิตย์ครั้ง แต่ก็ไม่เคยเว้นช่วงนาน ยกเว้นช่วงที่มีการลงทุนใน Property Fund มากๆ จะไม่ค่อยบันทึก เพราะพอร์ตจะเหวี่ยงน้อยมากเมื่อเทียบกับตลาด



          ในข้อมูลวันต่อวัน ผมจะมีการสร้างสูตรเพื่ออัพเดทผลตอบแทนปัจจุบันเมื่อเทียบกับปลายปีที่ผ่านมา และเทียบกับตลาดหุ้นในช่วงเวลาปลายปีเช่นเดียวกัน ว่าในปัจจุบันพอร์ตรวมของเราชนะหรือแพ้ตลาดอยู่ ขณะเดียวกันก็จะมีหุ้นทุกตัวถือไว้ในพอร์ต รวมถึงเก็บสถิติการปันผลภายในปีนั้นๆและเทียบกับปีที่ผ่านมา และประเมินอัตราการปันผลคร่าวๆว่าภายในปีนี้คาดว่าจะได้เท่าไหร่ ที่ขาดไม่ได้คือผลตอบแทนในปีนั้นรวมปันผลแล้วมีการเติบโต หรือถดถอยออกไปเท่าไหร่ จากนั้นก็จะนำข้อมูลมาบันทึกทุกปีๆ พร้อมทำเป็นตารางข้อมูลสรุปต่อเนื่องหลายๆปีในตารางเดียวกัน โดยข้อมูลล่าสุดส่วนตัวของผมที่เปิดเผยได้มีดังนี้ครับ



          ถามว่าเมื่อข้อมูลนี้ออกมามีประโยชน์อย่างไร นั่นคือทำให้เรารู้ว่าสิ่งใดที่เปลี่ยนแปลงใด มีการพัฒนาในทางที่ดีหรือแย่ลง และทำให้เห็นศักยภาพที่เป็นจริงของเรา โดยไม่หลงตัวเอง ลดอคติหรือความเชื่อมั่นลง ผมเองเคยคาดหวังหลายๆอย่างไว้มากตั้งแต่เริ่มลงทุนมาใหม่ๆ ว่าเราจะต้องสร้างผลตอบแทนปีละเท่านั้นเท่านี้ และไม่ยอมที่จะขาดทุน แต่เมื่อเวลาผ่านไป พร้อมกับสถิติของเราเองทำให้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้ว เราเคยทำผิดพลาดอะไรมาบ้าง ผมอาจจะโชคดีกว่าอีกหลายๆคน ที่ไม่ต้องผ่านช่วงเวลาเลวร้ายที่สุดของตลาดคือต้มยำกุ้ง เลยไม่สามารถบอกได้ว่า ผมจะเสียหาย และต้องล้มหายตายจากไปก่อนหรือไม่ แต่ผมก็โชคดีที่ได้มีโอกาสเจอวิกฤติอย่าง Subprime และเรียนรู้ พร้อมกับผ่านมาได้โดยไม่บอบช้ำมากนัก แต่บทเรียนนี้ยังมีประโยชน์ให้มีความระแวดระวังมากขึ้น มันเสมือนเป็นแผลเป็นที่ไม่มีวันหาย และรู้เจ็บ รู้จำ หากผมไม่คิดที่จะมองย้อยอดีตไป ก็คงไม่มีทางที่จะเรียนรู้บางสิ่งบางอย่างได้ ขอให้นักลงทุนทุกท่านโชคดีครับ



หมายเหตุ -หากใครยังไม่เคยอ่านเรื่องเล่าประสบการณ์ในตลาดหุ้นของผม ตลอดระยะเวลา 9 ปีกว่า ก็ให้ตามลิ้งนี้ไปนะครับ(http://pantip.com/topic/30421809) และหากท่านใดเห็นว่าบทความผมพอจะเป็นสิ่งที่เตือนใจและแนะนำคนรุ่นใหม่ได้บ้างก็ขอให้กด + ด้วยนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่