สวัสดีครับ
จากการที่ได้สอบถามเรื่องราคาอสังหาฯในกระทู้ที่ผ่านมานานแล้ว บวกกับแนวความคิดที่ได้จากกระทู้หลายๆท่าน
วันนี้ผมมานำเสนอแนวคิดอย่างนี้ครับว่า แนวโน้มของอสังหาฯนั้น จะเป็นแบ่งแยกชนชั้น ให้เห็นความแตกต่างออกมาได้อย่างชัดเจนมากขึ้นไปอีกครับ
จากราคาของอสังหาฯในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งจะสังเกตได้ว่า จะสูงขึ้นเรื่อยๆ
ซึ่งบางคนอาจจะมองว่า ใกล้จะถึงฟองสบู่แล้ว หรือบางคนก็บอกว่า รอเก็งกำไรต่างๆ ก็ว่ากันไป
แต่ความคิดเห็นที่ผมเห็นว่า มีน้ำหนักมากกว่า ก็คือ แนวความคิดที่ว่า เวลานี้ยังไม่ใช่เวลาของฟองสบู่หรอก
ราคาจะต้องขึ้นได้อีกหลัง AEC เพราะประเทศอื่นที่จะเข้ามาทำธุรกิจ อสังหาฯของเขาแพงกว่านี้
บวกกับแนวความคิดของอีกกระทู้ที่ว่า ดูแนวโน้มของการเข้าอยู่อาศัยของชนชั้นต่างๆได้จาก ฮ่องกง
ซึ่งคนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะพนักงาน ที่มีรายได้ไม่สูงพอ ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องซื้อ คอนโด
http://pantip.com/topic/13106759
ยิ่งมาช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งจะสังเกตได้ว่า ราคาของบ้านเดียวนั้น ถ้าดีๆ ก็ราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป
คือ 20 ล้านบาท นี่ก็ยังไม่ได้รับประกันว่าจะดีมาก ราคาของบ้านเดียวที่ดีๆ premium จริงนั้น 30 ล้านขึ้นไปถึงจะรับรองได้ครับ

บ้านกลางเมือง 114 ตารางวา ใกล้ตลาด อตก. เพียง 5 นาที เขตพญาไท - ขาย 22 ล้านบาท

นี่ 29 ล้านบาท ก็ใช่ว่า มันจะเป็นบ้านแบบในฝัน

นี่บ้านแบบดีๆนะครับ ราคา 25 ล้านบาท อยู่แถวเอกมัย-รามอินทรา
คราวนี้เรา เราลองมาคำนวณดูอัตราการผ่อนส่ง กับเงินเดือนของพนักงานกันบ้าง
ในสมัยที่ผมยังเป็นเด็กนั้น(ตีว่าสัก 20 ปีก่อน ก่อนปี 40) ผมเคยมีความคิดว่า คนที่มีรายได้ แสนบาท ต่อเดือน ดูราวกับว่า เป็นบุคคลหายาก ดูราวกับว่า เป็นมนุษย์วิเศษ ที่แบบว่า คนที่มีรายได้แบบนั้น คงจะต้องสอบเอนทรานส์ได้เป็นที่ 1 ของประเทศ อะไรประมาณนั้น เป็นแน่
แต่เมื่อเราวิเคราะห์บ้านที่คนที่มีรายได้ 1 แสนบาทต่อเดือนจะมีได้กันแล้ว ก็จะพบว่า ที่อยู่อาศัยที่เขาจะได้รับนั้น จะมีราคาไม่เกิน 10 ล้านบาท ซึ่งก็คือ คอนโด ราคาระดับกลางๆ หรือ ค่อนข้างมาทางดีนิดๆ เท่านั้นเอง , ถ้าเป็นบ้าน ก็จะเป็นบ้านแบบปานกลาง ไม่เลว แต่ก็ไม่หรู แถวๆชานเมือง ที่ขับรถมาทำงานในเมืองไม่ได้
บ้านอาจจะได้ประมาณนี้ครับ
คำถามต่อมาคือ แล้วคอนโด หรือ บ้านเดียวที่มีราคา 14 ล้าน หรือ 20 ล้านขึ้นไป ก็มีอยู่อย่างมากมาย แล้วเขาเอามาขายให้ใคร
คำตอบวิเคราะห์ได้เป็น 2 นัยยะ คือ ลูกจ้างที่มีเงินเดือน 2 แสน(หรือ?) และ ผู้ประกอบการธุรกิจของตัวเองที่อาจจะมีรายได้ 5 แสน บาทขึ้นไป
ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว พนักงานที่จะมีเงินเดือนถึง 1 แสนบาทต่อเดือน ผมว่า ปัจจุบัน มันก็ยังมีจำนวนน้อยอยู่ดีนะครับ
แต่ค่าเงินนี่ซิครับ เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมาก หากอ้างอิงจากช่วงเวลา 20 ปีก่อน ก่อนปี 40 ที่ผมอ้างอิง ผมคิดว่าค่าเงินน่าจะตกไปจนเหลือแค่ 1 ใน 3 เท่าของเมื่อก่อนได้แล้วล่ะครับ เมื่อก่อนก๋วยเตี๋ยว 5 บาท ผมยังพอหาได้ แต่เดี๋ยวนี้ 25 บาท ก็แทบจะหาไมได้แล้วครับ
ผมไม่รู้เหมือนกันว่า ราคาของอสังหา เพิ่มขึ้นมากี่เท่า แต่ผมรู้สึกว่า 6 ปีที่ผ่านมานี้ เหมือนจะเกือบ 2 เท่าแล้วล่ะครับ
โครงการที่เคยเล็งเมื่อปี 2550 ประมาณ 5 ล้าน เดี่ยวนี้โครงการคล้ายๆกัน มาประมาณ 10 ล้านเห็นจะได้แล้วครับ
ทางออกของยอดมนุษย์เงินเดือน 1 แสนก็คือ ต้องอยู่ในเมืองครับ อาจจะเป็นบริหารระดับสูงรึเปล่า ผมไม่รู้ครับ
เพราะฉะนั้น พื้นที่ที่ได้ออกมา ก็อาจจะไม่ถึง 100 ตารางเมตร , ทางเลือกที่จะไปถึงขึ้น 30 ล้าน เงินเดือน ต้อง 3 แสน ผ่อนเดือนละ 1.8 แสน คงดูแปลกๆ ยังไงก็ไม่ทราบ
นี่ขนาดผมพูดถึงเคสที่ดีมากๆของพนักงานออฟฟิศ แล้วนะครับ ยังจะต้องมีชะตากรรมแบบนี้
การเปลี่ยนแปลงทางค่าเงิน และราคาของ ทำให้เราเกิดภาพลวงตาในอดีตที่ว่า
เงินเดือน 1 แสนบาทต่อเดือน มันหรู เท่ อยู่หรือไม่
หรือว่า มันอาจจะเป็นเหมือนแนวคิดในเรื่อง in time ครับ
ที่แม่ของพระเอกตาย เพราะว่า การขึ้นราคาของรถบัส
การขึ้นราคาของสิ่งต่างๆรอบตัวเรา อาจจะเป็นไป เพื่อการจัดระเบียบ ชนชั้นทางสังคม ก็เป็นไปได้
ระดับของราคาอสังหาฯที่สูงขึ้น กับ การแบ่งแยกชนชั้นทางสังคม ให้ชัดเจนขึ้นไปอีก
จากการที่ได้สอบถามเรื่องราคาอสังหาฯในกระทู้ที่ผ่านมานานแล้ว บวกกับแนวความคิดที่ได้จากกระทู้หลายๆท่าน
วันนี้ผมมานำเสนอแนวคิดอย่างนี้ครับว่า แนวโน้มของอสังหาฯนั้น จะเป็นแบ่งแยกชนชั้น ให้เห็นความแตกต่างออกมาได้อย่างชัดเจนมากขึ้นไปอีกครับ
จากราคาของอสังหาฯในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งจะสังเกตได้ว่า จะสูงขึ้นเรื่อยๆ
ซึ่งบางคนอาจจะมองว่า ใกล้จะถึงฟองสบู่แล้ว หรือบางคนก็บอกว่า รอเก็งกำไรต่างๆ ก็ว่ากันไป
แต่ความคิดเห็นที่ผมเห็นว่า มีน้ำหนักมากกว่า ก็คือ แนวความคิดที่ว่า เวลานี้ยังไม่ใช่เวลาของฟองสบู่หรอก
ราคาจะต้องขึ้นได้อีกหลัง AEC เพราะประเทศอื่นที่จะเข้ามาทำธุรกิจ อสังหาฯของเขาแพงกว่านี้
บวกกับแนวความคิดของอีกกระทู้ที่ว่า ดูแนวโน้มของการเข้าอยู่อาศัยของชนชั้นต่างๆได้จาก ฮ่องกง
ซึ่งคนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะพนักงาน ที่มีรายได้ไม่สูงพอ ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องซื้อ คอนโด
http://pantip.com/topic/13106759
ยิ่งมาช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งจะสังเกตได้ว่า ราคาของบ้านเดียวนั้น ถ้าดีๆ ก็ราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป
คือ 20 ล้านบาท นี่ก็ยังไม่ได้รับประกันว่าจะดีมาก ราคาของบ้านเดียวที่ดีๆ premium จริงนั้น 30 ล้านขึ้นไปถึงจะรับรองได้ครับ
บ้านกลางเมือง 114 ตารางวา ใกล้ตลาด อตก. เพียง 5 นาที เขตพญาไท - ขาย 22 ล้านบาท
นี่ 29 ล้านบาท ก็ใช่ว่า มันจะเป็นบ้านแบบในฝัน
นี่บ้านแบบดีๆนะครับ ราคา 25 ล้านบาท อยู่แถวเอกมัย-รามอินทรา
คราวนี้เรา เราลองมาคำนวณดูอัตราการผ่อนส่ง กับเงินเดือนของพนักงานกันบ้าง
ในสมัยที่ผมยังเป็นเด็กนั้น(ตีว่าสัก 20 ปีก่อน ก่อนปี 40) ผมเคยมีความคิดว่า คนที่มีรายได้ แสนบาท ต่อเดือน ดูราวกับว่า เป็นบุคคลหายาก ดูราวกับว่า เป็นมนุษย์วิเศษ ที่แบบว่า คนที่มีรายได้แบบนั้น คงจะต้องสอบเอนทรานส์ได้เป็นที่ 1 ของประเทศ อะไรประมาณนั้น เป็นแน่
แต่เมื่อเราวิเคราะห์บ้านที่คนที่มีรายได้ 1 แสนบาทต่อเดือนจะมีได้กันแล้ว ก็จะพบว่า ที่อยู่อาศัยที่เขาจะได้รับนั้น จะมีราคาไม่เกิน 10 ล้านบาท ซึ่งก็คือ คอนโด ราคาระดับกลางๆ หรือ ค่อนข้างมาทางดีนิดๆ เท่านั้นเอง , ถ้าเป็นบ้าน ก็จะเป็นบ้านแบบปานกลาง ไม่เลว แต่ก็ไม่หรู แถวๆชานเมือง ที่ขับรถมาทำงานในเมืองไม่ได้
บ้านอาจจะได้ประมาณนี้ครับ
คำถามต่อมาคือ แล้วคอนโด หรือ บ้านเดียวที่มีราคา 14 ล้าน หรือ 20 ล้านขึ้นไป ก็มีอยู่อย่างมากมาย แล้วเขาเอามาขายให้ใคร
คำตอบวิเคราะห์ได้เป็น 2 นัยยะ คือ ลูกจ้างที่มีเงินเดือน 2 แสน(หรือ?) และ ผู้ประกอบการธุรกิจของตัวเองที่อาจจะมีรายได้ 5 แสน บาทขึ้นไป
ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว พนักงานที่จะมีเงินเดือนถึง 1 แสนบาทต่อเดือน ผมว่า ปัจจุบัน มันก็ยังมีจำนวนน้อยอยู่ดีนะครับ
แต่ค่าเงินนี่ซิครับ เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมาก หากอ้างอิงจากช่วงเวลา 20 ปีก่อน ก่อนปี 40 ที่ผมอ้างอิง ผมคิดว่าค่าเงินน่าจะตกไปจนเหลือแค่ 1 ใน 3 เท่าของเมื่อก่อนได้แล้วล่ะครับ เมื่อก่อนก๋วยเตี๋ยว 5 บาท ผมยังพอหาได้ แต่เดี๋ยวนี้ 25 บาท ก็แทบจะหาไมได้แล้วครับ
ผมไม่รู้เหมือนกันว่า ราคาของอสังหา เพิ่มขึ้นมากี่เท่า แต่ผมรู้สึกว่า 6 ปีที่ผ่านมานี้ เหมือนจะเกือบ 2 เท่าแล้วล่ะครับ
โครงการที่เคยเล็งเมื่อปี 2550 ประมาณ 5 ล้าน เดี่ยวนี้โครงการคล้ายๆกัน มาประมาณ 10 ล้านเห็นจะได้แล้วครับ
ทางออกของยอดมนุษย์เงินเดือน 1 แสนก็คือ ต้องอยู่ในเมืองครับ อาจจะเป็นบริหารระดับสูงรึเปล่า ผมไม่รู้ครับ
เพราะฉะนั้น พื้นที่ที่ได้ออกมา ก็อาจจะไม่ถึง 100 ตารางเมตร , ทางเลือกที่จะไปถึงขึ้น 30 ล้าน เงินเดือน ต้อง 3 แสน ผ่อนเดือนละ 1.8 แสน คงดูแปลกๆ ยังไงก็ไม่ทราบ
นี่ขนาดผมพูดถึงเคสที่ดีมากๆของพนักงานออฟฟิศ แล้วนะครับ ยังจะต้องมีชะตากรรมแบบนี้
การเปลี่ยนแปลงทางค่าเงิน และราคาของ ทำให้เราเกิดภาพลวงตาในอดีตที่ว่า
เงินเดือน 1 แสนบาทต่อเดือน มันหรู เท่ อยู่หรือไม่
หรือว่า มันอาจจะเป็นเหมือนแนวคิดในเรื่อง in time ครับ
ที่แม่ของพระเอกตาย เพราะว่า การขึ้นราคาของรถบัส
การขึ้นราคาของสิ่งต่างๆรอบตัวเรา อาจจะเป็นไป เพื่อการจัดระเบียบ ชนชั้นทางสังคม ก็เป็นไปได้