อุ่นไอรัก บทที่ ๓๐

กระทู้สนทนา
อุ่นไอรัก

ด้วยไออุ่นแห่งรัก หัวใจที่เคยกระด้างเย็นชา จึงอบอุ่นและนุ่มนวล



มาร์โค ลอมบาร์ดี ฉากหน้าเขาคือผู้จัดการไร่หนุ่มผู้เงียบขรึมและไม่สนใจหญิงใด จนได้ฉายานักพรต เพราะวันๆก็อยู่แต่กับต้นองุ่นและสัตว์ในไร่ หากฉากหลังเขาคือเพลย์บอยผู้กลัวความสัมพันธ์จริงจังและการผูกมัด ไม่เชื่อในเรื่องความรักและการมีความสัมพันธ์ที่จริงจังกับคนเพียงคนเดียว และมีความสุขกับการมีสัมพันธ์ทางกายกับผู้หญิงสวยเซ็กซี่ แต่วันหนึ่ง เขากลับรู้สึกพิเศษกับผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่ง ซึ่งไม่ใกล้เคียงกับผู้หญิงในสเป๊คของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว

ชายหนุ่มจะทำอย่างไร เมื่อหัวใจเริ่มไม่ไปทางเดียวกันกับสมอง หัวใจที่เคยเย็นชาและแข็งกระด้าง กลับเริ่มอ่อนโยนและอบอุ่น เพียงเพราะไออุ่นแห่งรักที่เขาเริ่มรู้จัก

มาติดตามการเดินทางของความรักของเพลย์บอยหนุ่มที่ไม่เคยเชื่อในความรักหากแต่กลับตกหลุมรักเสียเองกันนะคะ


เรื่องในซีรียส์เดียวกัน บ่มไวน์ใส่รัก http://pantip.com/topic/30777946

บทก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

อุ่นไอรัก บทที่ ๓๐


มาร์โคนอนพลิกไปมานับตั้งแต่เข้านอนจนตอนนี้ผ่านมาสามชั่วโมงเข้าไปแล้วเขาก็ยังไม่หลับ ภาพเหตุการณ์ต่างๆในอดีตไหลวนไปมาในความคิดราวกับน้ำที่ไหลหลากเพราะทำนบพัง




“มาร์โค มาหาฉันที่บ้านหน่อยได้ไหม” เสียงอิสซาเบลลาส่งมาตามสายในตอนหัวค่ำวันหนึ่ง เด็กหนุ่มเพิ่งจะรับประทานอาหารเย็นเสร็จและนั่งทำการบ้านอยู่เพียงลำพังในห้องนอนของบ้านหลังเล็กในคอร์เนลลี่เอสเตท

“ฉันไม่ว่าง มีอะไรก็ว่ามา” มาร์โคบอกเด็กสาวที่สร้างความรำคาญให้เขา จนไม่อยากจะเสวนาด้วยอีกต่อไป และดูเหมือนยิ่งเขาทำตัวเหินห่าง เบลลายิ่งตามติด

“ฉันรู้ว่าเธอไม่อยากเห็นหน้าฉันอีกต่อไป แต่มาหาฉันเป็นครั้งสุดท้ายได้ไหมมาร์โค แล้วฉันจะไม่รบกวนเธออีกเลย” เด็กสาวว่าน้ำเสียงแผ่วเบา ติด ๆ ขัด ๆ ราวกับกำลังพยายามสะกดเสียงสะอื้น ใช่.. เขาเพิ่งบอกเบลลาไปเมื่อวานนี้เองว่าเขาเบื่อหน่ายที่เธอตามติดสร้างความรำคาญให้เขาและนิกกี้ เขาไม่อยากจะเห็นหน้าเบลลาอีกต่อไป จำได้ว่าเขาตะโกนก้องเมื่อความอดทนถึงขีดสุด

‘ไปตายซะ’

สิ้นคำของเขา เบลลาเบิกตากว้าง นัยน์ตาฉายแววเจ็บปวด เด็กสาวไม่มีคำพูดตอบโต้เขาสักคำ มีเพียงนัยน์ตากลมโตที่น้ำตาคลอเจียนหยดที่ส่งประกายความเจ็บปวดถึงที่สุดอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ก่อนที่จะหันหลังเดินจากไปด้วยหลังงองุ้ม

หลังจากนั้นเขาก็ไม่เห็นเบลลาตามมาวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ เขาอีก วันนี้เธอก็ขาดเรียน แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ รู้สึกสบายใจด้วยซ้ำที่ไม่ถูกเบลลาตามติดราวกับโรคจิตแบบนั้น แล้วนี่ดูสิ เขาสบายใจได้วันเดียว ตอนนี้ยัยตัวน่ารำคาญก็โทรมาขอให้เขาไปหาอีกแล้ว ‘รอไปเถอะเบลลา ฉันไม่ว่างไปหาเธอหรอก’ เด็กหนุ่มพึมพำในใจ ก่อนจะกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์

“ฉันกำลังทำการบ้าน ไว้คุยกันที่โรงเรียนพรุ่งนี้”

“มาให้ได้นะมาร์โค ฉันจะรอ” เสียงสั่นพร่าส่งตอบกลับมาราวกับไม่ได้ยินในสิ่งที่เขาบอก จากนั้นสายก็ตัดไป มาร์โคส่ายศีรษะขับไล่ความคิดเกี่ยวกับเบลลาออกไป ก่อนจะก้มหน้าลงให้ความสนใจกับการบ้านที่อยู่ตรงหน้า และไม่คิดจะทำตามที่อิสซาเบลลาขอ เขายังมีการบ้านอีกมาก ไม่มีเวลาไปหาเธอได้ตลอดเวลาตามที่เธอเรียกร้องหรอกนะ ยิ่งตอนนี้เขาและเธอไม่ใช่คนรักกันแล้ว เขายิ่งไม่เห็นเหตุผลที่จะไปหาเธอถึงบ้านเอาเสียเลย…





“นอนไม่หลับเหรอคะ” ไลลาถามน้ำเสียงงัวเงีย เมื่อสะดุ้งตื่นมากลางดึกแล้วได้ยินเสียงถอนหายใจยืดยาวของคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ มาร์โควาดแขนรวบคนตัวบางเข้ามากอด กล่าวตอบเบาๆ

“ผมรบกวนคุณหรือเปล่าครับไลลา”

“ไม่หรอกค่ะ ว่าแต่มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าคะ ถอนหายใจยืดยาวเชียว”

“นอนไม่ค่อยหลับ พรุ่งนี้ต้องกลับแล้ว ไม่อยากกลับ” ชายหนุ่มว่ายิ้มๆ แกล้งตอบไปอีกทาง ไลลารู้ว่าชายหนุ่มกำลังเลี่ยงตอบคำถามของเธอ แต่ก็ไม่ทราบจะทำอย่างไร

“งั้นพยายามนอนให้หลับเถอะนะคะ พรุ่งนี้คุณต้องขับรถอีกไกล”

“ครับผม” ชายหนุ่มว่า พลางกระชับอ้อมกอด ซุกใบหน้าลงที่ซอกคอของหญิงสาว นอนนิ่ง ๆ เหมือนกับกลับไปนอนต่อ ไลลาจึงหลับตาพยายามจะนอนให้หลับเช่นกัน และใช้เวลาไม่นานก่อนที่จะหลับไปจริง ๆ ในขณะที่ชายหนุ่มยังนอนลืมตาโพลงต่อไปอีกนาน



เช้าวันต่อมา สองหนุ่มสาวตื่นขึ้นแต่เช้าเพื่อรอดูโลมารอบเช้าเป็นการส่งท้าย รับประทานอาหารเช้า และเช็คเอาท์ออกจากรีสอร์ทในตอนสาย มาร์โคทำหน้าที่สารถี พาคนร่วมทางขับรถกลับลงมาทางใต้ จุดหมายของวันนี้อยู่ที่ ‘เชลบีช’

ขับรถออกจากรีสอร์ทไปบนถนนล่องลงใต้ราว ๕๐ กิโลเมตร มาร์โคก็พารถมาจอดยังลานจอดรถที่มองเห็นชายหาดอยู่ตรงหน้า ภาพที่เห็นคืออ่าวขนาดใหญ่ทอดยาวไกลจนมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด น้ำใสแจ๋วสีครามเข้ม ตัดกับสิ่งที่ดูเหมือนเป็นหาดทรายขาวสะอาด หากแต่เมื่อลงไปเดินย่ำด้วยเท้าเปล่า กลับรู้สึกระคายเท้า และเมื่อสังเกตดีๆก็พบว่า สีขาวสะอาดที่เห็นบนหาดนั้นหาใช่ทรายอย่างที่คิดไม่ หากแต่เป็นเปลือกหอยชิ้นเล็กชิ้นน้อยต่างหาก

“ไม่งั้นจะได้ชื่อ ‘เชลบีช’ เหรอครับ” มาร์โคว่ายิ้ม ๆ เมื่อไลลาเงยหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจ หลังจากที่ก้มลงดูชายหาดใกล้ๆ

“มองไกลๆเหมือนหาดทราย” ไลลาว่า

“มันเป็นเปลือกหอยที่ตายทับถมกันมานานหลายพันปี จนตอนนี้ทั่วทั้งอ่าวตลอดความยาว ๑๒๐ กิโลเมตรเป็นเปลือกหอยทั้งหมด นอกจากด้านบนที่มองเห็นแล้ว หาดนี้ยังเป็นเปลือกหอยลึกลงไปอีกเป็นสิบเมตร และเป็นหนึ่งในสองแห่งในโลกที่เป็นชายหาดที่ปกคลุมด้วยเปลือกหอยทั้งหมดแบบนี้” ชายหนุ่มอธิบาย

“แล้วมันเกิดขึ้นได้ยังไงคะ” ไลลาถามด้วยความสนใจ นึกภาพเปลือกหอยที่ปกคลุมชายหาดที่ทอดยาวจนไม่เห็นจุดสิ้นสุดแล้วยังฝังลงไปอีกเป็นสิบเมตร แสดงว่าต้องมีเปลือกหอยปริมาณมหาศาลเลยทีเดียว

“น้ำทะเลบริเวณนี้เค็มมาก จนสัตว์อื่น ๆ ไม่สามารถเจริญเติบโตได้ เหลือเจ้าหอยจิ๋วพวกนี้ที่ทนน้ำเค็มขนาดนี้ได้ และเพราะไม่มีสัตว์ที่เป็นศัตรูของหอยพวกนี้ จึงทำให้มันเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและมากมาย เมื่อตายลงตามธรรมชาติ เปลือกหอยก็ถูกคลื่นพัดเข้าฝั่ง ทับถมกันหลายพันปีจนเป็นหาดเปลือกหอยอย่างที่เห็น” ชายหนุ่มอธิบายให้คนที่จ้องมองตาแป๋วด้วยความสนใจอย่างยิ่งยวดฟัง

“ไปว่ายน้ำกันเถอะ” มาร์โคชวน ไลลาเห็นน้ำใสแจ๋วกอปรกับอากาศค่อนข้างร้อนก็อดไม่ได้ที่จะลงไปแหวกว่ายตามคำชวน ซึ่งนอกจากทั้งสองแล้วก็มีคนอื่น ๆ ว่ายน้ำเล่นอยู่ประปราย นอกจากว่ายน้ำในทะเลแล้ว บนชายหาดก็มีกิจกรรมคึกคัก บ้างก็นอนอาบแดดหรืออ่านหนังสือ บ้างก็ยกกล้องถ่ายรูปขึ้นเก็บภาพความสวยงามตรงหน้า เป็นบรรยากาศการท่องเที่ยวที่ผ่อนคลาย ทำให้รู้สึกสบายอกสบายใจมากทีเดียว และดูเหมือนว่าทัศนียภาพอันสวยงามและอากาศอันสดชื่นแจ่มใส จะทำให้มาร์โคลืมเลือนความคิดที่เขาหมกมุ่นอยู่กับตัวเองในหลาย ๆ วันที่ผ่านมา และว่ายน้ำอยู่กับหญิงสาวด้วยความสนุกสนาน ไม่มีวี่แววของคนคิดมากอย่างที่ไลลาเห็นจนชินตาในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาเลย



“จากตรงนี้ผมจะขับรถยาว ไปค้างคืนที่เจอราตันระหว่างทางกลับเพิร์ธก็แล้วกันนะครับ เพราะที่นี่ไกลเกินกว่าจะขับรถกลับเพิร์ธเลยได้” ตอนหนึ่งมาร์โคบอกกับหญิงสาว

“อีกไกลไหมคะ”

“ประมาณสี่ชั่วโมงครึ่ง” ชายหนุ่มตอบ ก่อนจะกล่าวต่อ

“ถ้าเราออกจากนี่สักเที่ยงครึ่ง ถึงเจอราตันราวๆห้าโมงเย็น เช็คอินเข้าโรงแรมให้เร็วหน่อย จะได้มีเวลาหาอะไรกิน พรุ่งนี้เช้าค่อยขับรถเข้าเพิร์ธ” ชายหนุ่มบอกแผนการที่วางไว้ ซึ่งหญิงสาวก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย หลังจากตกลงกันดังนั้น ทั้งสองก็ว่ายน้ำกันต่อไปจนถึงเวลาที่ตั้งใจไว้ จึงขึ้นจากน้ำและกลับมาที่รถ ชายหนุ่มเข้าประจำที่คนขับ พารถกลับขึ้นมาที่ทางหลวงอีกครั้งและขับมุ่งหน้าลงใต้ จุดหมายอยู่ที่เมืองเจอราตัน เมืองขนาดใหญ่ที่สุดในเขตชนบททางเหนือที่ใกล้เพิร์ธที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอยู่ห่างจากเพิร์ธถึงสี่ร้อยกิโลเมตรกว่าทีเดียว

เมื่อมาถึงเจอราตัน สองหนุ่มสาวเช็คอินเข้าโรงแรมที่ตั้งอยู่บนชายฝั่ง มองเห็นหาดทรายขาวทอดยาวตัดกับผืนน้ำสีครามอย่างที่เห็นจนชินตา ทั้งสองไม่มีกิจกรรมที่เจอราตัน เพียงตั้งใจแวะค้างคืนก่อนที่จะขับรถกลับเข้าเพิร์ธในวันรุ่งขึ้นเท่านั้น เมื่อเช็คอินเสร็จเรียบร้อยก็รับประทานอาหารเย็นที่ห้องอาหารในโรงแรม และเข้านอนแต่หัวค่ำ มาร์โคดูเหน็ดเหนื่อยกับการขับรถทางไกล หากแต่ก็ดูเหมือนจะเป็นผลดี เพราะคืนนั้นเป็นคืนแรกในหลาย ๆ คืนที่ผ่านมา ที่เขาไม่ถูกรบกวนด้วยความฝันที่เริ่มจะเข้ามาจับจองเวลาในตอนกลางคืนของเขา จนทำให้นอนไม่หลับมาหลายคืน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่