อุ่นไอรัก
ด้วยไออุ่นแห่งรัก หัวใจที่เคยกระด้างเย็นชา จึงอบอุ่นและนุ่มนวล
มาร์โค ลอมบาร์ดี ฉากหน้าเขาคือผู้จัดการไร่หนุ่มผู้เงียบขรึมและไม่สนใจหญิงใด จนได้ฉายานักพรต เพราะวันๆก็อยู่แต่กับต้นองุ่นและสัตว์ในไร่ หากฉากหลังเขาคือเพลย์บอยผู้กลัวความสัมพันธ์จริงจังและการผูกมัด ไม่เชื่อในเรื่องความรักและการมีความสัมพันธ์ที่จริงจังกับคนเพียงคนเดียว และมีความสุขกับการมีสัมพันธ์ทางกายกับผู้หญิงสวยเซ็กซี่ แต่วันหนึ่ง เขากลับรู้สึกพิเศษกับผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่ง ซึ่งไม่ใกล้เคียงกับผู้หญิงในสเป๊คของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
ชายหนุ่มจะทำอย่างไร เมื่อหัวใจเริ่มไม่ไปทางเดียวกันกับสมอง หัวใจที่เคยเย็นชาและแข็งกระด้าง กลับเริ่มอ่อนโยนและอบอุ่น เพียงเพราะไออุ่นแห่งรักที่เขาเริ่มรู้จัก
มาติดตามการเดินทางของความรักของเพลย์บอยหนุ่มที่ไม่เคยเชื่อในความรักหากแต่กลับตกหลุมรักเสียเองกันนะคะ
เรื่องในซีรียส์เดียวกัน บ่มไวน์ใส่รัก
http://pantip.com/topic/30777946
บทก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้บทที่ ๑ http://pantip.com/topic/30935459
บทที่ ๒ http://pantip.com/topic/30940219
บทที่ ๓ http://pantip.com/topic/30942490
บทที่ ๔ http://pantip.com/topic/30944733
บทที่ ๕ http://pantip.com/topic/30948641
บทที่ ๖ http://pantip.com/topic/30951508
บทที่ ๗ http://pantip.com/topic/30953842
บทที่ ๘ http://pantip.com/topic/30957026
บทที่ ๙ http://pantip.com/topic/30961011
บทที่ ๑๐ http://pantip.com/topic/30965169
บทที่ ๑๑ http://pantip.com/topic/30970248
บทที่ ๑๒ http://pantip.com/topic/30974437
บทที่ ๑๓ http://pantip.com/topic/30978913
บทที่ ๑๔ http://pantip.com/topic/30983528
บทที่ ๑๕ http://pantip.com/topic/30987494
บทที่ ๑๖ http://pantip.com/topic/30991832
บทที่ ๑๗ http://pantip.com/topic/30996787
บทที่ ๑๘ http://pantip.com/topic/31006766
บทที่ ๑๙ http://pantip.com/topic/31018988
บทที่ ๒๐ http://pantip.com/topic/31028191
บทที่ ๒๑ http://pantip.com/topic/31037680
บทที่ ๒๒ http://pantip.com/topic/31043536
บทที่ ๒๓ http://pantip.com/topic/31047877
บทที่ ๒๔ http://pantip.com/topic/31052605
บทที่ ๒๕ http://pantip.com/topic/31057672
อุ่นไอรัก บทที่ ๒๖
มาร์โคพาไลลากลับไปเอากระเป๋าเดินทางที่คอร์เนลลี่ก่อนที่จะขับรถตรงไปยังบ้านของบิดามารดาซึ่งตั้งอยู่ไม่ห่างจากคอร์เนลลี่มากนัก คุณเปาโลและคุณมาเรียรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นลูกชายพารถเข้าไปจอดยังโรงรถหน้าบ้านพร้อมกับอ้อมมาเปิดประตูให้หญิงสาวที่นั่งมาด้วย สองสามีภรรยาก็เดินออกไปรับถึงที่
“มาร์โค พาลูกสะใภ้มาหาแม่ได้แล้วสินะ” คุณมาเรียเดินเข้าไปสวมกอดกับบุตรชายพลางเอ่ยคำทักทายที่ทำให้คนที่เพิ่งก้าวออกมาจากรถหน้าร้อนวูบทีเดียว
มาร์โคหันไปสวมกอดมารดาพร้อมกับจูบแก้มทั้งสองข้าง ก่อนจะหันไปทำแบบเดียวกันกับบิดา จากนั้นหันมาหาหญิงสาวที่ยืนอยู่ไม่ห่าง พลางแนะนำให้บิดามารดารู้จัก
“พ่อครับ แม่ครับ นี่ไลลา ไลลาครับ พ่อแม่ผมครับ” หลังจากคำแนะนำของชายหนุ่ม ไลลายื่นแขนไปสวมกอดมารดาของคนรักพลางกล่าวทักทาย
“สวัสดีค่ะมีสซีสลอมบาร์ดี ยินดีที่ได้พบค่ะ”
“เรียกฉันว่ามาเรียเถอะจ้ะ” มารดาของชายหนุ่มบอกอย่างมีไมตรี ไลลายิ้มรับและพึมพำเรียกชื่อต้นอย่างที่หญิงสูงวัยต้องการก่อนจะหันไปยื่นมือหวังสัมผัสกับชายสูงวัยซึ่งยืนอยู่ไม่ห่างจากภรรยามากนัก หากคุณเปาโลกลับยื่นแขนมาดึงตัวหญิงสาวเข้าไปกอดและจูบแก้มทั้งสองข้าง
“ยินดีต้อนรับสู่บ้านลอมบาร์ดี ไลลา ขอบคุณที่เข้ามากุมหัวใจเจ้าลูกชายจนอยู่หมัด” คุณเปาโลกล่าวอย่างอารมณ์ดี จากนั้นสองสามีภรรยาเจ้าบ้านก็ต้อนหน้าต้อนหลังลูกชายและว่าที่ลูกสะใภ้ให้เข้าไปในบ้าน
เมื่อเข้ามาในตัวบ้าน มาร์โคขอตัวนำกระเป๋าเดินทางเข้าไปเก็บในห้อง โดยที่บิดากับมารดาหาเครื่องดื่มให้หญิงสาวผู้มาเยือนในห้องนั่งเล่น และเมื่อมาร์โคกลับออกมาที่ห้องนั่งเล่นอีกครั้ง ชายหนุ่มก็ถามมารดา
“แม่ทำอะไรกินครับเย็นนี้”
“ไม่ทำจ้ะ พ่อเขาจองโต๊ะที่
‘อา คาซา ดี วีโอลา’ ไว้ คืนนี้เราจะไปกินข้าวเย็นที่นั่น” มารดาตอบ หากคนฟังกลับหน้าเผือดสีเมื่อได้ยินชื่อร้านอาหารที่มารดาเพิ่งบอก
“ที่ไหนนะครับ”
“ห้องอาหารในโรงแรมวีโอลา” มารดาตอบ
“ผมไม่ไป” ชายหนุ่มพูดเพียงสั้นๆเท่านั้น และเดินตรงไปคว้าแขนคนที่นั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นพลางกล่าวชวนเสียงเรียบ ใบหน้านิ่งเฉยปราศจากอารมณ์ความรู้สึกราวกับใส่หน้ากาก
“ไปครับไลลา ออกไปหาอะไรกินกัน”
ไลลาทำหน้าเลิ่กลั่กมองคนนั้นทีคนนี้ทีอย่างไม่เข้าใจในสถานการณ์ ไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ บรรยากาศในบ้านลอมบาร์ดีแห่งนี้ยังชื่นมื่นเพราะลูกชายคนเดียวพาคนรักมาแนะนำให้บิดามารดารู้จักอยู่เลย หากเพียงแค่มารดาของชายหนุ่มกล่าวถึงร้านอาหารที่จองไว้สำหรับมื้อเย็นคืนนี้เท่านั้น ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ
“มาร์โค มีเหตุผลหน่อยสิลูก พ่อเขาจองโต๊ะไว้แล้ว จะไม่ไปได้ยังไง” มารดาพูดกับลูกชายเสียงอ่อน หากแต่ไลลารู้สึกว่าน้ำเสียงของคุณมาเรียเจือสำเนียงกริ่งเกรงอยู่ในที
“ผมจะไปหยิบกระเป๋าสตางค์ในห้อง เดี๋ยวมานะครับ” ชายหนุ่มหันไปบอกหญิงสาวที่ยังคงนั่งอยู่บนโซฟาอย่างไม่เข้าใจอะไรเลยโดยไม่สนใจมารดาแม้แต่น้อย ราวกับว่านางไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยอีกคน
“ผมจะไปคุยกับลูกเอง” คุณเปาโลบอกภรรยา สายตามองตามร่างสูงโปร่งของลูกชายที่เดินลับหายไปจากมุมห้องนั่งเล่น ก่อนที่จะพาร่างที่เริ่มท้วมขึ้นตามวัยเดินตามลูกชายไป
“พ่อทำแบบนี้เพื่ออะไร” มาร์โคเปิดฉากทันทีที่ได้ยินเสียงคนเดินตามเข้ามาในห้องและหันไปพบว่าเป็นบิดา
“พ่อทำอะไร”
“ก็จะไปกินข้าวเย็นที่โรงแรมนั่น พ่อก็รู้ว่าผมจะไม่มีวันไปแน่ๆ” พูดด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียวอย่างที่คนที่ไม่ได้ใกล้ชิดไม่มีโอกาสได้เห็น
“เรื่องมันผ่านมาจะยี่สิบปีอยู่แล้ว พ่อไม่คิดว่าแกจะยังไม่ลืม อีกอย่างก็เห็นว่ามีไลลาแล้ว พ่อก็นึกว่าแกก้าวผ่านความรู้สึกนั่นไปแล้ว”
“ผมยังไม่พร้อมครับพ่อ ที่ผ่านมาพ่อกับแม่ก็คบหากับพวกวีโอลาโดยไม่เคยเอาผมเข้าไปยุ่งด้วยมาตลอด แล้วทำไมไม่ทำเหมือนที่เคยล่ะครับ”
“มาร์โค ถึงเวลาหรือยังที่ลูกจะเอาชนะความรู้สึกนั่นให้เด็ดขาดเสียที” บิดาถามน้ำเสียงปราณี นัยน์ตาจ้องลึกเข้าไปในหน่วยตาสีเขียวมรกตของลูกชายที่บัดนี้ฉายแววเจ็บปวด แววตาที่ฉายอยู่ในหน่วยตาของลูกชายคนเดียวอยู่นานหลายปีนับแต่เหตุการณ์รุนแรงครั้งนั้น เหตุการณ์ที่เปลี่ยนหนุ่มน้อยขี้เล่นอารมณ์ดีให้กลายเป็นชายหนุ่มท่าทางเคร่งขรึมเอาจริงเอาจัง ชายชรารู้ดีว่าลูกชายเดินทางผ่านช่วงเวลาอันเลวร้ายนั้นมาได้แล้ว หากแต่ก็เปลี่ยนลูกชายของเขาไปตลอดกาล
“เขาจะเข้มแข็งพอที่จะใช้ชีวิตได้อย่างปกติ แต่อาจจะมีปัญหาในเรื่องความสัมพันธ์ หากเขาไม่สามารถก้าวผ่านอารมณ์ตรงนี้ไปได้ เขาอาจจะไม่มีความสัมพันธ์ที่จริงจังไปตลอดชีวิต เพราะไม่แน่ใจว่าจะสามารถรักใครได้”
คุณเปาโลยังจำได้ถึงคำพูดของนักจิตบำบัดที่บอกกับตนในการพูดคุยกันครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะได้รับข่าวดีว่ามาร์โคไม่จำเป็นต้องพูดคุยกับนักจิตบำบัดอีกแล้ว ชายชราจึงรู้สึกยินดียิ่งนักเมื่อได้ยินว่ามาร์โคมีคนรักที่คบหาจริงจังและกำลังจะพามาแนะนำให้เขากับภรรยารู้จัก เขาคิดว่ามาร์โคคงจะเอาชนะความรู้สึกที่กัดกร่อนในใจได้แล้วจึงได้มีความสัมพันธ์จริงจังกับผู้หญิงสักคน หากแต่ตอนนี้คุณเปาโลคงต้องยอมรับว่าเขาคงจะคิดผิด เพราะสายตาของลูกที่เปิดเปลือยความรู้สึกภายในบอกเขาว่า ลูกชายยังคงถูกทรมานจากเหตุการณ์ครั้งนั้นอยู่ไม่มากก็น้อย แม้ว่าเขาจะไม่แสดงออกให้ใครเห็นมาเป็นเวลาหลายปีก็ตาม
“มาร์โค พ่อจองโต๊ะไว้แล้ว ยังไงก็ต้องไป พ่อสัญญาว่าเราจะไม่พบใคร เพียงแค่เข้าไปกินข้าวแค่นั้น คิดเสียว่าเหมือนไปร้านอื่นๆ” คนเป็นพ่อพูดเสียงอ่อนโยน ทำให้ชายหนุ่มมีท่าทางอ่อนลง ก่อนจะกล่าวเสียงเบา
“งั้นขอผมอยู่คนเดียวสักพัก เจอกันตอนจะออกไปกินข้าวก็แล้วกันครับ กี่โมงดี”
“ทุ่มนึงก็แล้วกัน พักผ่อนให้สบาย” บิดาบอกก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้อง
“มาร์โคคะ” ไลลาส่งเสียงเรียกคนที่นอนเหยียดยาวบนเตียงเบาๆ หลังจากที่บิดาของชายหนุ่มเดินกลับเข้าไปในห้องนั่งเล่นเพียงลำพัง หญิงสาวก็ขอตัวเข้ามาดูมาร์โค เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น และไม่กล้าถามเอากับบิดามารดาของเขา และหากมาร์โคต้องการให้เธอเข้าใจเขาก็น่าจะเป็นคนบอกเธอเอง
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” ถามน้ำเสียงเป็นห่วง เธอไม่เคยเห็นมาร์โคเป็นแบบนี้มาก่อน ชายคนรักที่เธอรู้จักเป็นคนหนุ่มท่าทางเงียบขรึมเอาจริงเอาจังและมั่นใจในตัวเองเมื่ออยู่กับคนอื่นๆ และมีชีวิตชีวาชอบยั่วแหย่เมื่ออยู่กับเธอตามลำพัง ไม่ใช่คนหนุ่มท่าทางอมทุกข์และสายตามีแววของสัตว์บาดเจ็บอย่างที่เธอกำลังมองเห็นอยู่นี้
คนที่นอนเหยียดยาวลุกขึ้นนั่งเมื่อเห็นหญิงสาวอยู่ในห้อง เขายื่นมือทำท่าทางให้เธอไปหา ไลลาจึงก้าวขึ้นไปนั่งบนเตียงข้างๆชายหนุ่ม ก่อนที่อ้อมแขนแกร่งจะวาดมาโอบเธอไว้ทั้งตัว มาร์โคซุกซบใบหน้าลงบนกลุ่มผมนุ่ม พึมพำเบาๆ
“ผมรักคุณ ไลลา ผมสัญญาว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับคุณ” เสียงของชายหนุ่มแผ่วเบาราวกับพูดกับตัวเองมากกว่าพูดกับคนในอ้อมแขน
“จะมีอะไรเกิดขึ้นกับฉันเหรอคะ” ไลลาถามอย่างไม่เข้าใจ ท่าทางของมาร์โคแปลกไปจากชายคนรักที่เธอรู้จักมากเหลือเกิน มากจนเธอรู้สึกกลัว มีอะไรที่เธอไม่รู้เกี่ยวกับมาร์โคอย่างนั้นหรือ
“คุณมีอะไรจะบอกฉันหรือเปล่าคะมาร์โค” ไลลาถามน้ำเสียงอ่อนโยน
“ผมรักคุณ นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดแล้วไม่ใช่เหรอครับไลลา”
“ฉันก็รักคุณค่ะมาร์โค และพร้อมจะรับฟังทุกอย่าง ไม่ว่าคุณจะมีปัญหาอะไร ยังมีฉันอยู่ตรงนี้อีกคนนะคะ” หญิงสาวพูดด้วยความจริงใจอย่างที่สุด เธอรักเขา เมื่อเขาสุขเธอก็สุขด้วย และหากเขาทุกข์ เธอก็พร้อมที่จะช่วยแบ่งเบา หรืออย่างน้อยแค่ช่วยรับฟังก็ยังดี
“ขอบคุณครับไลลา คุณน่ารักขนาดนี้แล้วผมจะไม่รักได้ยังไง” ชายหนุ่มพูดยิ้มๆ นัยน์ตาเป็นประกายวิบวับอย่างที่เธอคุ้นเคย ทำให้หญิงสาวรู้สึกโล่งอก บางทีอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ เธออาจจะคิดมากไปเอง เพราะตอนนี้มาร์โคก็ดูเป็นปกติ ไม่มีท่าทางของสัตว์บาดเจ็บอย่างที่เธอเห็นเมื่อก่อนหน้านี้เลย
อุ่นไอรัก บทที่ ๒๖
มาร์โค ลอมบาร์ดี ฉากหน้าเขาคือผู้จัดการไร่หนุ่มผู้เงียบขรึมและไม่สนใจหญิงใด จนได้ฉายานักพรต เพราะวันๆก็อยู่แต่กับต้นองุ่นและสัตว์ในไร่ หากฉากหลังเขาคือเพลย์บอยผู้กลัวความสัมพันธ์จริงจังและการผูกมัด ไม่เชื่อในเรื่องความรักและการมีความสัมพันธ์ที่จริงจังกับคนเพียงคนเดียว และมีความสุขกับการมีสัมพันธ์ทางกายกับผู้หญิงสวยเซ็กซี่ แต่วันหนึ่ง เขากลับรู้สึกพิเศษกับผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่ง ซึ่งไม่ใกล้เคียงกับผู้หญิงในสเป๊คของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
ชายหนุ่มจะทำอย่างไร เมื่อหัวใจเริ่มไม่ไปทางเดียวกันกับสมอง หัวใจที่เคยเย็นชาและแข็งกระด้าง กลับเริ่มอ่อนโยนและอบอุ่น เพียงเพราะไออุ่นแห่งรักที่เขาเริ่มรู้จัก
มาติดตามการเดินทางของความรักของเพลย์บอยหนุ่มที่ไม่เคยเชื่อในความรักหากแต่กลับตกหลุมรักเสียเองกันนะคะ
เรื่องในซีรียส์เดียวกัน บ่มไวน์ใส่รัก http://pantip.com/topic/30777946
บทก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
มาร์โคพาไลลากลับไปเอากระเป๋าเดินทางที่คอร์เนลลี่ก่อนที่จะขับรถตรงไปยังบ้านของบิดามารดาซึ่งตั้งอยู่ไม่ห่างจากคอร์เนลลี่มากนัก คุณเปาโลและคุณมาเรียรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นลูกชายพารถเข้าไปจอดยังโรงรถหน้าบ้านพร้อมกับอ้อมมาเปิดประตูให้หญิงสาวที่นั่งมาด้วย สองสามีภรรยาก็เดินออกไปรับถึงที่
“มาร์โค พาลูกสะใภ้มาหาแม่ได้แล้วสินะ” คุณมาเรียเดินเข้าไปสวมกอดกับบุตรชายพลางเอ่ยคำทักทายที่ทำให้คนที่เพิ่งก้าวออกมาจากรถหน้าร้อนวูบทีเดียว
มาร์โคหันไปสวมกอดมารดาพร้อมกับจูบแก้มทั้งสองข้าง ก่อนจะหันไปทำแบบเดียวกันกับบิดา จากนั้นหันมาหาหญิงสาวที่ยืนอยู่ไม่ห่าง พลางแนะนำให้บิดามารดารู้จัก
“พ่อครับ แม่ครับ นี่ไลลา ไลลาครับ พ่อแม่ผมครับ” หลังจากคำแนะนำของชายหนุ่ม ไลลายื่นแขนไปสวมกอดมารดาของคนรักพลางกล่าวทักทาย
“สวัสดีค่ะมีสซีสลอมบาร์ดี ยินดีที่ได้พบค่ะ”
“เรียกฉันว่ามาเรียเถอะจ้ะ” มารดาของชายหนุ่มบอกอย่างมีไมตรี ไลลายิ้มรับและพึมพำเรียกชื่อต้นอย่างที่หญิงสูงวัยต้องการก่อนจะหันไปยื่นมือหวังสัมผัสกับชายสูงวัยซึ่งยืนอยู่ไม่ห่างจากภรรยามากนัก หากคุณเปาโลกลับยื่นแขนมาดึงตัวหญิงสาวเข้าไปกอดและจูบแก้มทั้งสองข้าง
“ยินดีต้อนรับสู่บ้านลอมบาร์ดี ไลลา ขอบคุณที่เข้ามากุมหัวใจเจ้าลูกชายจนอยู่หมัด” คุณเปาโลกล่าวอย่างอารมณ์ดี จากนั้นสองสามีภรรยาเจ้าบ้านก็ต้อนหน้าต้อนหลังลูกชายและว่าที่ลูกสะใภ้ให้เข้าไปในบ้าน
เมื่อเข้ามาในตัวบ้าน มาร์โคขอตัวนำกระเป๋าเดินทางเข้าไปเก็บในห้อง โดยที่บิดากับมารดาหาเครื่องดื่มให้หญิงสาวผู้มาเยือนในห้องนั่งเล่น และเมื่อมาร์โคกลับออกมาที่ห้องนั่งเล่นอีกครั้ง ชายหนุ่มก็ถามมารดา
“แม่ทำอะไรกินครับเย็นนี้”
“ไม่ทำจ้ะ พ่อเขาจองโต๊ะที่ ‘อา คาซา ดี วีโอลา’ ไว้ คืนนี้เราจะไปกินข้าวเย็นที่นั่น” มารดาตอบ หากคนฟังกลับหน้าเผือดสีเมื่อได้ยินชื่อร้านอาหารที่มารดาเพิ่งบอก
“ที่ไหนนะครับ”
“ห้องอาหารในโรงแรมวีโอลา” มารดาตอบ
“ผมไม่ไป” ชายหนุ่มพูดเพียงสั้นๆเท่านั้น และเดินตรงไปคว้าแขนคนที่นั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นพลางกล่าวชวนเสียงเรียบ ใบหน้านิ่งเฉยปราศจากอารมณ์ความรู้สึกราวกับใส่หน้ากาก
“ไปครับไลลา ออกไปหาอะไรกินกัน”
ไลลาทำหน้าเลิ่กลั่กมองคนนั้นทีคนนี้ทีอย่างไม่เข้าใจในสถานการณ์ ไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ บรรยากาศในบ้านลอมบาร์ดีแห่งนี้ยังชื่นมื่นเพราะลูกชายคนเดียวพาคนรักมาแนะนำให้บิดามารดารู้จักอยู่เลย หากเพียงแค่มารดาของชายหนุ่มกล่าวถึงร้านอาหารที่จองไว้สำหรับมื้อเย็นคืนนี้เท่านั้น ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ
“มาร์โค มีเหตุผลหน่อยสิลูก พ่อเขาจองโต๊ะไว้แล้ว จะไม่ไปได้ยังไง” มารดาพูดกับลูกชายเสียงอ่อน หากแต่ไลลารู้สึกว่าน้ำเสียงของคุณมาเรียเจือสำเนียงกริ่งเกรงอยู่ในที
“ผมจะไปหยิบกระเป๋าสตางค์ในห้อง เดี๋ยวมานะครับ” ชายหนุ่มหันไปบอกหญิงสาวที่ยังคงนั่งอยู่บนโซฟาอย่างไม่เข้าใจอะไรเลยโดยไม่สนใจมารดาแม้แต่น้อย ราวกับว่านางไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยอีกคน
“ผมจะไปคุยกับลูกเอง” คุณเปาโลบอกภรรยา สายตามองตามร่างสูงโปร่งของลูกชายที่เดินลับหายไปจากมุมห้องนั่งเล่น ก่อนที่จะพาร่างที่เริ่มท้วมขึ้นตามวัยเดินตามลูกชายไป
“พ่อทำแบบนี้เพื่ออะไร” มาร์โคเปิดฉากทันทีที่ได้ยินเสียงคนเดินตามเข้ามาในห้องและหันไปพบว่าเป็นบิดา
“พ่อทำอะไร”
“ก็จะไปกินข้าวเย็นที่โรงแรมนั่น พ่อก็รู้ว่าผมจะไม่มีวันไปแน่ๆ” พูดด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียวอย่างที่คนที่ไม่ได้ใกล้ชิดไม่มีโอกาสได้เห็น
“เรื่องมันผ่านมาจะยี่สิบปีอยู่แล้ว พ่อไม่คิดว่าแกจะยังไม่ลืม อีกอย่างก็เห็นว่ามีไลลาแล้ว พ่อก็นึกว่าแกก้าวผ่านความรู้สึกนั่นไปแล้ว”
“ผมยังไม่พร้อมครับพ่อ ที่ผ่านมาพ่อกับแม่ก็คบหากับพวกวีโอลาโดยไม่เคยเอาผมเข้าไปยุ่งด้วยมาตลอด แล้วทำไมไม่ทำเหมือนที่เคยล่ะครับ”
“มาร์โค ถึงเวลาหรือยังที่ลูกจะเอาชนะความรู้สึกนั่นให้เด็ดขาดเสียที” บิดาถามน้ำเสียงปราณี นัยน์ตาจ้องลึกเข้าไปในหน่วยตาสีเขียวมรกตของลูกชายที่บัดนี้ฉายแววเจ็บปวด แววตาที่ฉายอยู่ในหน่วยตาของลูกชายคนเดียวอยู่นานหลายปีนับแต่เหตุการณ์รุนแรงครั้งนั้น เหตุการณ์ที่เปลี่ยนหนุ่มน้อยขี้เล่นอารมณ์ดีให้กลายเป็นชายหนุ่มท่าทางเคร่งขรึมเอาจริงเอาจัง ชายชรารู้ดีว่าลูกชายเดินทางผ่านช่วงเวลาอันเลวร้ายนั้นมาได้แล้ว หากแต่ก็เปลี่ยนลูกชายของเขาไปตลอดกาล
“เขาจะเข้มแข็งพอที่จะใช้ชีวิตได้อย่างปกติ แต่อาจจะมีปัญหาในเรื่องความสัมพันธ์ หากเขาไม่สามารถก้าวผ่านอารมณ์ตรงนี้ไปได้ เขาอาจจะไม่มีความสัมพันธ์ที่จริงจังไปตลอดชีวิต เพราะไม่แน่ใจว่าจะสามารถรักใครได้”
คุณเปาโลยังจำได้ถึงคำพูดของนักจิตบำบัดที่บอกกับตนในการพูดคุยกันครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะได้รับข่าวดีว่ามาร์โคไม่จำเป็นต้องพูดคุยกับนักจิตบำบัดอีกแล้ว ชายชราจึงรู้สึกยินดียิ่งนักเมื่อได้ยินว่ามาร์โคมีคนรักที่คบหาจริงจังและกำลังจะพามาแนะนำให้เขากับภรรยารู้จัก เขาคิดว่ามาร์โคคงจะเอาชนะความรู้สึกที่กัดกร่อนในใจได้แล้วจึงได้มีความสัมพันธ์จริงจังกับผู้หญิงสักคน หากแต่ตอนนี้คุณเปาโลคงต้องยอมรับว่าเขาคงจะคิดผิด เพราะสายตาของลูกที่เปิดเปลือยความรู้สึกภายในบอกเขาว่า ลูกชายยังคงถูกทรมานจากเหตุการณ์ครั้งนั้นอยู่ไม่มากก็น้อย แม้ว่าเขาจะไม่แสดงออกให้ใครเห็นมาเป็นเวลาหลายปีก็ตาม
“มาร์โค พ่อจองโต๊ะไว้แล้ว ยังไงก็ต้องไป พ่อสัญญาว่าเราจะไม่พบใคร เพียงแค่เข้าไปกินข้าวแค่นั้น คิดเสียว่าเหมือนไปร้านอื่นๆ” คนเป็นพ่อพูดเสียงอ่อนโยน ทำให้ชายหนุ่มมีท่าทางอ่อนลง ก่อนจะกล่าวเสียงเบา
“งั้นขอผมอยู่คนเดียวสักพัก เจอกันตอนจะออกไปกินข้าวก็แล้วกันครับ กี่โมงดี”
“ทุ่มนึงก็แล้วกัน พักผ่อนให้สบาย” บิดาบอกก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้อง
“มาร์โคคะ” ไลลาส่งเสียงเรียกคนที่นอนเหยียดยาวบนเตียงเบาๆ หลังจากที่บิดาของชายหนุ่มเดินกลับเข้าไปในห้องนั่งเล่นเพียงลำพัง หญิงสาวก็ขอตัวเข้ามาดูมาร์โค เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น และไม่กล้าถามเอากับบิดามารดาของเขา และหากมาร์โคต้องการให้เธอเข้าใจเขาก็น่าจะเป็นคนบอกเธอเอง
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” ถามน้ำเสียงเป็นห่วง เธอไม่เคยเห็นมาร์โคเป็นแบบนี้มาก่อน ชายคนรักที่เธอรู้จักเป็นคนหนุ่มท่าทางเงียบขรึมเอาจริงเอาจังและมั่นใจในตัวเองเมื่ออยู่กับคนอื่นๆ และมีชีวิตชีวาชอบยั่วแหย่เมื่ออยู่กับเธอตามลำพัง ไม่ใช่คนหนุ่มท่าทางอมทุกข์และสายตามีแววของสัตว์บาดเจ็บอย่างที่เธอกำลังมองเห็นอยู่นี้
คนที่นอนเหยียดยาวลุกขึ้นนั่งเมื่อเห็นหญิงสาวอยู่ในห้อง เขายื่นมือทำท่าทางให้เธอไปหา ไลลาจึงก้าวขึ้นไปนั่งบนเตียงข้างๆชายหนุ่ม ก่อนที่อ้อมแขนแกร่งจะวาดมาโอบเธอไว้ทั้งตัว มาร์โคซุกซบใบหน้าลงบนกลุ่มผมนุ่ม พึมพำเบาๆ
“ผมรักคุณ ไลลา ผมสัญญาว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับคุณ” เสียงของชายหนุ่มแผ่วเบาราวกับพูดกับตัวเองมากกว่าพูดกับคนในอ้อมแขน
“จะมีอะไรเกิดขึ้นกับฉันเหรอคะ” ไลลาถามอย่างไม่เข้าใจ ท่าทางของมาร์โคแปลกไปจากชายคนรักที่เธอรู้จักมากเหลือเกิน มากจนเธอรู้สึกกลัว มีอะไรที่เธอไม่รู้เกี่ยวกับมาร์โคอย่างนั้นหรือ
“คุณมีอะไรจะบอกฉันหรือเปล่าคะมาร์โค” ไลลาถามน้ำเสียงอ่อนโยน
“ผมรักคุณ นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดแล้วไม่ใช่เหรอครับไลลา”
“ฉันก็รักคุณค่ะมาร์โค และพร้อมจะรับฟังทุกอย่าง ไม่ว่าคุณจะมีปัญหาอะไร ยังมีฉันอยู่ตรงนี้อีกคนนะคะ” หญิงสาวพูดด้วยความจริงใจอย่างที่สุด เธอรักเขา เมื่อเขาสุขเธอก็สุขด้วย และหากเขาทุกข์ เธอก็พร้อมที่จะช่วยแบ่งเบา หรืออย่างน้อยแค่ช่วยรับฟังก็ยังดี
“ขอบคุณครับไลลา คุณน่ารักขนาดนี้แล้วผมจะไม่รักได้ยังไง” ชายหนุ่มพูดยิ้มๆ นัยน์ตาเป็นประกายวิบวับอย่างที่เธอคุ้นเคย ทำให้หญิงสาวรู้สึกโล่งอก บางทีอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ เธออาจจะคิดมากไปเอง เพราะตอนนี้มาร์โคก็ดูเป็นปกติ ไม่มีท่าทางของสัตว์บาดเจ็บอย่างที่เธอเห็นเมื่อก่อนหน้านี้เลย