อุ่นไอรัก บทที่ ๒๖

กระทู้สนทนา
อุ่นไอรัก

ด้วยไออุ่นแห่งรัก หัวใจที่เคยกระด้างเย็นชา จึงอบอุ่นและนุ่มนวล



มาร์โค ลอมบาร์ดี ฉากหน้าเขาคือผู้จัดการไร่หนุ่มผู้เงียบขรึมและไม่สนใจหญิงใด จนได้ฉายานักพรต เพราะวันๆก็อยู่แต่กับต้นองุ่นและสัตว์ในไร่ หากฉากหลังเขาคือเพลย์บอยผู้กลัวความสัมพันธ์จริงจังและการผูกมัด ไม่เชื่อในเรื่องความรักและการมีความสัมพันธ์ที่จริงจังกับคนเพียงคนเดียว และมีความสุขกับการมีสัมพันธ์ทางกายกับผู้หญิงสวยเซ็กซี่ แต่วันหนึ่ง เขากลับรู้สึกพิเศษกับผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่ง ซึ่งไม่ใกล้เคียงกับผู้หญิงในสเป๊คของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว

ชายหนุ่มจะทำอย่างไร เมื่อหัวใจเริ่มไม่ไปทางเดียวกันกับสมอง หัวใจที่เคยเย็นชาและแข็งกระด้าง กลับเริ่มอ่อนโยนและอบอุ่น เพียงเพราะไออุ่นแห่งรักที่เขาเริ่มรู้จัก

มาติดตามการเดินทางของความรักของเพลย์บอยหนุ่มที่ไม่เคยเชื่อในความรักหากแต่กลับตกหลุมรักเสียเองกันนะคะ


เรื่องในซีรียส์เดียวกัน บ่มไวน์ใส่รัก http://pantip.com/topic/30777946

บทก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

อุ่นไอรัก บทที่ ๒๖


มาร์โคพาไลลากลับไปเอากระเป๋าเดินทางที่คอร์เนลลี่ก่อนที่จะขับรถตรงไปยังบ้านของบิดามารดาซึ่งตั้งอยู่ไม่ห่างจากคอร์เนลลี่มากนัก คุณเปาโลและคุณมาเรียรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นลูกชายพารถเข้าไปจอดยังโรงรถหน้าบ้านพร้อมกับอ้อมมาเปิดประตูให้หญิงสาวที่นั่งมาด้วย สองสามีภรรยาก็เดินออกไปรับถึงที่

“มาร์โค พาลูกสะใภ้มาหาแม่ได้แล้วสินะ” คุณมาเรียเดินเข้าไปสวมกอดกับบุตรชายพลางเอ่ยคำทักทายที่ทำให้คนที่เพิ่งก้าวออกมาจากรถหน้าร้อนวูบทีเดียว

มาร์โคหันไปสวมกอดมารดาพร้อมกับจูบแก้มทั้งสองข้าง ก่อนจะหันไปทำแบบเดียวกันกับบิดา จากนั้นหันมาหาหญิงสาวที่ยืนอยู่ไม่ห่าง พลางแนะนำให้บิดามารดารู้จัก

“พ่อครับ แม่ครับ นี่ไลลา ไลลาครับ พ่อแม่ผมครับ” หลังจากคำแนะนำของชายหนุ่ม ไลลายื่นแขนไปสวมกอดมารดาของคนรักพลางกล่าวทักทาย

“สวัสดีค่ะมีสซีสลอมบาร์ดี ยินดีที่ได้พบค่ะ”

“เรียกฉันว่ามาเรียเถอะจ้ะ” มารดาของชายหนุ่มบอกอย่างมีไมตรี ไลลายิ้มรับและพึมพำเรียกชื่อต้นอย่างที่หญิงสูงวัยต้องการก่อนจะหันไปยื่นมือหวังสัมผัสกับชายสูงวัยซึ่งยืนอยู่ไม่ห่างจากภรรยามากนัก หากคุณเปาโลกลับยื่นแขนมาดึงตัวหญิงสาวเข้าไปกอดและจูบแก้มทั้งสองข้าง

“ยินดีต้อนรับสู่บ้านลอมบาร์ดี ไลลา ขอบคุณที่เข้ามากุมหัวใจเจ้าลูกชายจนอยู่หมัด” คุณเปาโลกล่าวอย่างอารมณ์ดี จากนั้นสองสามีภรรยาเจ้าบ้านก็ต้อนหน้าต้อนหลังลูกชายและว่าที่ลูกสะใภ้ให้เข้าไปในบ้าน

เมื่อเข้ามาในตัวบ้าน มาร์โคขอตัวนำกระเป๋าเดินทางเข้าไปเก็บในห้อง โดยที่บิดากับมารดาหาเครื่องดื่มให้หญิงสาวผู้มาเยือนในห้องนั่งเล่น และเมื่อมาร์โคกลับออกมาที่ห้องนั่งเล่นอีกครั้ง ชายหนุ่มก็ถามมารดา

“แม่ทำอะไรกินครับเย็นนี้”
“ไม่ทำจ้ะ พ่อเขาจองโต๊ะที่ ‘อา คาซา ดี วีโอลา’ ไว้ คืนนี้เราจะไปกินข้าวเย็นที่นั่น” มารดาตอบ หากคนฟังกลับหน้าเผือดสีเมื่อได้ยินชื่อร้านอาหารที่มารดาเพิ่งบอก

“ที่ไหนนะครับ”

“ห้องอาหารในโรงแรมวีโอลา” มารดาตอบ

“ผมไม่ไป” ชายหนุ่มพูดเพียงสั้นๆเท่านั้น และเดินตรงไปคว้าแขนคนที่นั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นพลางกล่าวชวนเสียงเรียบ ใบหน้านิ่งเฉยปราศจากอารมณ์ความรู้สึกราวกับใส่หน้ากาก

“ไปครับไลลา ออกไปหาอะไรกินกัน”

ไลลาทำหน้าเลิ่กลั่กมองคนนั้นทีคนนี้ทีอย่างไม่เข้าใจในสถานการณ์ ไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ บรรยากาศในบ้านลอมบาร์ดีแห่งนี้ยังชื่นมื่นเพราะลูกชายคนเดียวพาคนรักมาแนะนำให้บิดามารดารู้จักอยู่เลย หากเพียงแค่มารดาของชายหนุ่มกล่าวถึงร้านอาหารที่จองไว้สำหรับมื้อเย็นคืนนี้เท่านั้น ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ

“มาร์โค มีเหตุผลหน่อยสิลูก พ่อเขาจองโต๊ะไว้แล้ว จะไม่ไปได้ยังไง” มารดาพูดกับลูกชายเสียงอ่อน หากแต่ไลลารู้สึกว่าน้ำเสียงของคุณมาเรียเจือสำเนียงกริ่งเกรงอยู่ในที

“ผมจะไปหยิบกระเป๋าสตางค์ในห้อง เดี๋ยวมานะครับ” ชายหนุ่มหันไปบอกหญิงสาวที่ยังคงนั่งอยู่บนโซฟาอย่างไม่เข้าใจอะไรเลยโดยไม่สนใจมารดาแม้แต่น้อย ราวกับว่านางไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยอีกคน

“ผมจะไปคุยกับลูกเอง” คุณเปาโลบอกภรรยา สายตามองตามร่างสูงโปร่งของลูกชายที่เดินลับหายไปจากมุมห้องนั่งเล่น ก่อนที่จะพาร่างที่เริ่มท้วมขึ้นตามวัยเดินตามลูกชายไป




“พ่อทำแบบนี้เพื่ออะไร” มาร์โคเปิดฉากทันทีที่ได้ยินเสียงคนเดินตามเข้ามาในห้องและหันไปพบว่าเป็นบิดา

“พ่อทำอะไร”

“ก็จะไปกินข้าวเย็นที่โรงแรมนั่น พ่อก็รู้ว่าผมจะไม่มีวันไปแน่ๆ” พูดด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียวอย่างที่คนที่ไม่ได้ใกล้ชิดไม่มีโอกาสได้เห็น

“เรื่องมันผ่านมาจะยี่สิบปีอยู่แล้ว พ่อไม่คิดว่าแกจะยังไม่ลืม อีกอย่างก็เห็นว่ามีไลลาแล้ว พ่อก็นึกว่าแกก้าวผ่านความรู้สึกนั่นไปแล้ว”

“ผมยังไม่พร้อมครับพ่อ ที่ผ่านมาพ่อกับแม่ก็คบหากับพวกวีโอลาโดยไม่เคยเอาผมเข้าไปยุ่งด้วยมาตลอด แล้วทำไมไม่ทำเหมือนที่เคยล่ะครับ”

“มาร์โค ถึงเวลาหรือยังที่ลูกจะเอาชนะความรู้สึกนั่นให้เด็ดขาดเสียที” บิดาถามน้ำเสียงปราณี นัยน์ตาจ้องลึกเข้าไปในหน่วยตาสีเขียวมรกตของลูกชายที่บัดนี้ฉายแววเจ็บปวด แววตาที่ฉายอยู่ในหน่วยตาของลูกชายคนเดียวอยู่นานหลายปีนับแต่เหตุการณ์รุนแรงครั้งนั้น เหตุการณ์ที่เปลี่ยนหนุ่มน้อยขี้เล่นอารมณ์ดีให้กลายเป็นชายหนุ่มท่าทางเคร่งขรึมเอาจริงเอาจัง ชายชรารู้ดีว่าลูกชายเดินทางผ่านช่วงเวลาอันเลวร้ายนั้นมาได้แล้ว หากแต่ก็เปลี่ยนลูกชายของเขาไปตลอดกาล

“เขาจะเข้มแข็งพอที่จะใช้ชีวิตได้อย่างปกติ แต่อาจจะมีปัญหาในเรื่องความสัมพันธ์ หากเขาไม่สามารถก้าวผ่านอารมณ์ตรงนี้ไปได้ เขาอาจจะไม่มีความสัมพันธ์ที่จริงจังไปตลอดชีวิต เพราะไม่แน่ใจว่าจะสามารถรักใครได้”

คุณเปาโลยังจำได้ถึงคำพูดของนักจิตบำบัดที่บอกกับตนในการพูดคุยกันครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะได้รับข่าวดีว่ามาร์โคไม่จำเป็นต้องพูดคุยกับนักจิตบำบัดอีกแล้ว ชายชราจึงรู้สึกยินดียิ่งนักเมื่อได้ยินว่ามาร์โคมีคนรักที่คบหาจริงจังและกำลังจะพามาแนะนำให้เขากับภรรยารู้จัก เขาคิดว่ามาร์โคคงจะเอาชนะความรู้สึกที่กัดกร่อนในใจได้แล้วจึงได้มีความสัมพันธ์จริงจังกับผู้หญิงสักคน หากแต่ตอนนี้คุณเปาโลคงต้องยอมรับว่าเขาคงจะคิดผิด เพราะสายตาของลูกที่เปิดเปลือยความรู้สึกภายในบอกเขาว่า ลูกชายยังคงถูกทรมานจากเหตุการณ์ครั้งนั้นอยู่ไม่มากก็น้อย แม้ว่าเขาจะไม่แสดงออกให้ใครเห็นมาเป็นเวลาหลายปีก็ตาม

“มาร์โค พ่อจองโต๊ะไว้แล้ว ยังไงก็ต้องไป พ่อสัญญาว่าเราจะไม่พบใคร เพียงแค่เข้าไปกินข้าวแค่นั้น คิดเสียว่าเหมือนไปร้านอื่นๆ” คนเป็นพ่อพูดเสียงอ่อนโยน ทำให้ชายหนุ่มมีท่าทางอ่อนลง ก่อนจะกล่าวเสียงเบา

“งั้นขอผมอยู่คนเดียวสักพัก เจอกันตอนจะออกไปกินข้าวก็แล้วกันครับ กี่โมงดี”

“ทุ่มนึงก็แล้วกัน พักผ่อนให้สบาย” บิดาบอกก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้อง




“มาร์โคคะ” ไลลาส่งเสียงเรียกคนที่นอนเหยียดยาวบนเตียงเบาๆ หลังจากที่บิดาของชายหนุ่มเดินกลับเข้าไปในห้องนั่งเล่นเพียงลำพัง หญิงสาวก็ขอตัวเข้ามาดูมาร์โค เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น และไม่กล้าถามเอากับบิดามารดาของเขา และหากมาร์โคต้องการให้เธอเข้าใจเขาก็น่าจะเป็นคนบอกเธอเอง

“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” ถามน้ำเสียงเป็นห่วง เธอไม่เคยเห็นมาร์โคเป็นแบบนี้มาก่อน ชายคนรักที่เธอรู้จักเป็นคนหนุ่มท่าทางเงียบขรึมเอาจริงเอาจังและมั่นใจในตัวเองเมื่ออยู่กับคนอื่นๆ และมีชีวิตชีวาชอบยั่วแหย่เมื่ออยู่กับเธอตามลำพัง ไม่ใช่คนหนุ่มท่าทางอมทุกข์และสายตามีแววของสัตว์บาดเจ็บอย่างที่เธอกำลังมองเห็นอยู่นี้

คนที่นอนเหยียดยาวลุกขึ้นนั่งเมื่อเห็นหญิงสาวอยู่ในห้อง เขายื่นมือทำท่าทางให้เธอไปหา ไลลาจึงก้าวขึ้นไปนั่งบนเตียงข้างๆชายหนุ่ม ก่อนที่อ้อมแขนแกร่งจะวาดมาโอบเธอไว้ทั้งตัว มาร์โคซุกซบใบหน้าลงบนกลุ่มผมนุ่ม พึมพำเบาๆ

“ผมรักคุณ ไลลา ผมสัญญาว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับคุณ” เสียงของชายหนุ่มแผ่วเบาราวกับพูดกับตัวเองมากกว่าพูดกับคนในอ้อมแขน

“จะมีอะไรเกิดขึ้นกับฉันเหรอคะ” ไลลาถามอย่างไม่เข้าใจ ท่าทางของมาร์โคแปลกไปจากชายคนรักที่เธอรู้จักมากเหลือเกิน มากจนเธอรู้สึกกลัว มีอะไรที่เธอไม่รู้เกี่ยวกับมาร์โคอย่างนั้นหรือ

“คุณมีอะไรจะบอกฉันหรือเปล่าคะมาร์โค” ไลลาถามน้ำเสียงอ่อนโยน

“ผมรักคุณ นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดแล้วไม่ใช่เหรอครับไลลา”

“ฉันก็รักคุณค่ะมาร์โค และพร้อมจะรับฟังทุกอย่าง ไม่ว่าคุณจะมีปัญหาอะไร ยังมีฉันอยู่ตรงนี้อีกคนนะคะ” หญิงสาวพูดด้วยความจริงใจอย่างที่สุด เธอรักเขา เมื่อเขาสุขเธอก็สุขด้วย และหากเขาทุกข์ เธอก็พร้อมที่จะช่วยแบ่งเบา หรืออย่างน้อยแค่ช่วยรับฟังก็ยังดี

“ขอบคุณครับไลลา คุณน่ารักขนาดนี้แล้วผมจะไม่รักได้ยังไง” ชายหนุ่มพูดยิ้มๆ นัยน์ตาเป็นประกายวิบวับอย่างที่เธอคุ้นเคย ทำให้หญิงสาวรู้สึกโล่งอก บางทีอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ เธออาจจะคิดมากไปเอง เพราะตอนนี้มาร์โคก็ดูเป็นปกติ ไม่มีท่าทางของสัตว์บาดเจ็บอย่างที่เธอเห็นเมื่อก่อนหน้านี้เลย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่