สวัสดีอีกครั้งครับ
หลังจากเมื่อวานนี้ ผมทำรีวิวของเพื่อนชาวญี่ปุ่นเกี่ยวกับโฮสเทลไว้ในกระทู้
http://pantip.com/topic/30890210
[CR]รีวิว Hostel (โฮสเทล)เปิดใหม่ ใกล้เสาชิงช้า ราคาหลักร้อย ...โดยเพื่อนชาวญี่ปุ่น
ก็ได้มีหลังไมค์มาหลายคน สอบถามถึงเพื่อนญี่ปุ่นคนนี้ ดังนั้น วันนี้ผมเลยกลับมาอีกครั้ง กับรีวิวเที่ยวไทย (สวนกระแสเที่ยวญี่ปุ่นซะ)
โดยเป็นการเที่ยวกาญจนบุรี ด้วยโครงการนำเที่ยวของ การรถไฟแห่งประเทศไทย!!! โดยเช่นเดิมครับ
เพื่อนชาวญี่ปุ่นเป็นผู้รีวิว
ส่วนผมนั้นพิมพ์ แปล และให้ข้อมูลเพิ่มเติม (ผมไม่ได้มีความรู้เรื่องเที่ยวเลยนะครับ ผมกะมันความรู้เรื่องที่เที่ยวพอๆกัน คือมั่ว 555)
* ปล.1 กราบขออภัย เนื่องจากรูปภาพประกอบส่วนใหญ่ มีรูปคนรีวิวเยอะไปหน่อย เนื่องจากไม่ได้ตั้งใจจะถ่ายมาทำรีวิวตั้งแต่แรก
เพียงแค่เก็บภาพประทับใจเอาไว้เท่านั้น จึงกราบขออภัยคุณผู้อ่านมา ณ ที่นี้ด้วย
ปล.2 เนื่องจากทริปนี้ ผ่านมาได้ 20 วันแล้ว จึงทำให้ข้อมูลต่างๆ รายละเอียดเลือนลางไปบ้าง จำถูก จำผิดอย่างไร อย่าว่ากันนะครับ
วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2556 เวลา 5.15 น.
ผมตื่นขึ้นด้วยตั้งเวลาปลุกเอาไว้ ผมลุกขึ้นจากเตียงนอนชั้นบนอย่างช้าๆ เพื่อไม่ให้เกิดเสียงรบกวนคนอื่นที่ยังคงหลับอยู่
(
เรานอน hostel ที่แสนจะดีเยี่ยมด้านการบริการ ที่ de talak ตรงใกล้ๆคลองเตย ในห้องมี 6 เตียง บน-ล่าง)
ผมแปลงฟันและล้างหน้าเสร็จอย่างรวดเร็ว วันนี้ต้องตื่นเช้ามากๆ เพราะผมมีทริปเดินทางไปยัง กาญจนบุรี ในวันนี้
ผมปีนกลับขึ้นไปบนเตียงอีกครั้ง และเอื้อมมือไปปลุกเพื่อนร่วมทริปของผม ที่ยังคงนอนหลับอยู่บนเตียงชั้นบนติดกัน
เราออกจากที่พักย่านกลางเมือง ในเวลา 5.50 น. โดยใช้บริการรถแทคซี่ไปยังสถานีรถไฟหลักของไทย ชื่อ หัวลำโพง
เนื่องจากเราต้องไปให้ทันเวลาเดินทาง 6.30 น. และรถไฟใต้ดินในไทยยังไม่เปิดให้บริการในเวลาเช้าแบบนี้

เรามาถึงสถานีรถไฟ หัวลำโพงเวลา 6.10 น. ก่อนเวลารถไฟออก ดังนั้น ผมจึงพอจะมีเวลาแวะซื้อกาแฟร้อนจากร้านค้าในสถานี
และเรารีบขึ้นรถไฟกันภายในเวลา 5 นาทีต่อจากนั้น ....การเดินหาที่นั่งที่นี่ไม่ง่ายเลย เพราะจะไม่มีพนักงานคอยช่วยเหลือ
และป้ายระบุที่นั่งในหลายๆที่ก็ขาดหายไป ด้วยความเก่าของรถไฟที่น่าจะใช้งานมายาวนานแล้ว จนบางครั้งเราต้องนับเก้าอี้เอาเอง

วันนี้รถไฟออกตรงเวลา 6.30 น. แม้เพื่อนผมจะบอกว่ารถไฟที่นี่ จะไม่ค่อยออกตรงเวลาก็เถอะ หรือเป็นเพราะนี่คือเที่ยวแรกของวันกันนะ
รถไฟเป็นแบบเครื่องยนตร์ดีเซล เมือนที่ประเทศญี่ปุ่นเคยใช้กัน ผมไม่แน่ใจว่าเครื่องจักรที่นี่จะใช้ของ HITACHI อย่างญี่ปุ่นรึเปล่า?
โบกี้รถไฟเป็นแบบห้องพัดลม ดังนั้นเราจะสามารถเปิดกระจกหน้าต่างลงได้ทั้งบาน เพื่อดูวิว รับลมและสูดอากาศภายนอกได้เต็มที่
เก้าอี้แบบยาวนั่งได้ 2 คน มันเป็นเบาะนั่งที่ยึดแน่น ไม่สามารถปรับเอนนอนได้ ...ผมชอบบรรยากาศแบบนี้มากๆ และตื่นเต้นมากๆวันนี้

รถไฟพาเราวิ่งออกจากตัวเมือง ที่มองเห็นตึกสูงของกรุงเทพมากมาย ตอนนี้แสงแดดเริ่มที่จะส่องผ่านหน้าต่างมาที่ผมแล้ว
รถไฟวิ่งมาประมาณ 2 ชั่วโมง 20 นาทีก็มาจอดที่สถานี นครปฐม ..และมีเจ้าหน้าที่บนรถไฟประกาศให้เราลงไปเที่ยวได้ 45 นาที

ผมไม่รูว่าที่นี่คือที่ไหนและจะไปอย่างไร? แต่เพื่อนของผม บอกให้เราเดินตามกลุ่มนักท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ
เพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้น ผมก็พบกับความยิ่งใหญ่ของวัดแห่งหนึ่ง ซึ่งมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ยืนอยู่ในเจดีย์ (
อธิบายมันเหนื่อยมากๆ)
เรารีบเดินตามกลุ่มคนไปที่นั่นทันที ซึ่งที่นี่คนเยอะมากๆ ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวคนไทยเกือบทั้งหมด และไม่มีคนจีนเลยด้วยซ้ำ
(
คือเรามักไปเจอกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน ที่มาเที่ยวไทยบ่อย และมักจะสร้างความตะลึงให้พวกผมอยู่บ่อยๆ อย่างเช่นล่าสุดนั้น
เรานั่งรถ BTS มาจากอนุสาวรีย์ไปอโศก พอคนลงที่สยามกันเยอะ เราก็จะได้นั่งบ้าง หลังจากยืนมาสักพัก แต่พอเพื่อนผมกำลังจะนั่ง
จู่ๆมีป้าคนจีนพุ่งพรวดเข้ามาในรถไฟ พร้อมทั้งตะโกนและชี้นิ้วไปยังที่นั่งว่างต่างๆ ให้เหล่าๆบุคคนในครอบครัว 4-5 คนได้นั่งกัน
ซึ่งเค้าชี้นิ้วมายังเก้าอี้ที่เพื่อนผมกำลังจะนั่ง ให้กับสามีเธอ ด้วยเสียงที่ดังจนแทบจะตะคอก จนเพื่อนญี่ปุ่นผมกลัว ไม่กล้านั่ง
และสุดท้ายผมก็ต้องไปยืนเป็นเพื่อนมัน พร้อมทั้งตะลึงกับการลุกนั่งๆอยู่อย่างนั้นตลอดทุกสถานี เพราะชาวจีนไม่แน่ใจว่าใช่สถานีที่ลงรึเปล่า)

ผมรู้สึกตื่นเต้นมากๆที่ได้เห็นพระพุทธรูปสีทององค์ใหญ่ และตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น ที่จะบูชาในรูปแบบของชาวไทยกัน
เพราะปกติผมจะบูชาในรูปแบบของชาวญี่ปุ่นมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นวัดใดๆในไทยก็ตาม
(
คือผมก็พยายามสอนเท่าที่ผมพอจะรู้นะครับ ผมก็ไม่ได้เชี่ยวชาญ แต่สังเกตุคนรอบข้างเอาด้วยมากกว่า)

สิ่งสุดท้ายที่คนไทยมักจะทำ คือการนำเอาแผ่นทองบางๆมาปิดที่พระพุทธรูปต่างๆ ให้เป็นสีเหลืองทอง สวยมากๆครับ
ผมเห็นแล้วว่า คนไทยนั้นใกล้ชิดกับพระพุทธศาสนาจริงๆ โดยเราสามารถใกล้ชิด จับต้องพระพุทธรูปกันเลยทีเดียว

ผมรู้สึกผ่อนคลายมากๆ เมื่อเราเข้าวัด และวันนี้ช่างดีเหลือเกิน ที่ผมได้เข้าวัดแต่เช้า ทั้งๆที่ผมไม่คิดว่าทริปนี้จะมีวัดด้วย
ผมชอบกลิ่นของธูปในวัดมากๆ มันเป็นกลิ่นแห่งสวรรค์ และกลิ่นแห่งความสงบในจิตใจของผม

เราอยู่วัดที่นี่ได้ไม่นาน ก็ต้องรีบกลับไปยังรถไฟ เพราะจุดหมายของเราคือ กาญจนบุรี
(
ผมแวะซื้อของกิน ผลไม้ต่างๆที่นี่ เพราะเอาไปกินที่น้ำตกด้วยครับ ตุนเอาไว้ สินค้าที่นี่ราคาถูกกว่ากรุงเทพมากๆ ในความคิดเพื่อนผม)
---
เดี๋ยวมีต่อนะครับ ---
[CR] แหวกกระแสรีวิวเที่ยวญี่ปุ่น .....ด้วย [รีวิว]เที่ยวเมืองกาญจ์ เส้นทางรถไฟสายมรณะ โดยเพื่อนชาวญี่ปุ่น
หลังจากเมื่อวานนี้ ผมทำรีวิวของเพื่อนชาวญี่ปุ่นเกี่ยวกับโฮสเทลไว้ในกระทู้ http://pantip.com/topic/30890210
[CR]รีวิว Hostel (โฮสเทล)เปิดใหม่ ใกล้เสาชิงช้า ราคาหลักร้อย ...โดยเพื่อนชาวญี่ปุ่น
ก็ได้มีหลังไมค์มาหลายคน สอบถามถึงเพื่อนญี่ปุ่นคนนี้ ดังนั้น วันนี้ผมเลยกลับมาอีกครั้ง กับรีวิวเที่ยวไทย (สวนกระแสเที่ยวญี่ปุ่นซะ)
โดยเป็นการเที่ยวกาญจนบุรี ด้วยโครงการนำเที่ยวของ การรถไฟแห่งประเทศไทย!!! โดยเช่นเดิมครับ เพื่อนชาวญี่ปุ่นเป็นผู้รีวิว
ส่วนผมนั้นพิมพ์ แปล และให้ข้อมูลเพิ่มเติม (ผมไม่ได้มีความรู้เรื่องเที่ยวเลยนะครับ ผมกะมันความรู้เรื่องที่เที่ยวพอๆกัน คือมั่ว 555)
* ปล.1 กราบขออภัย เนื่องจากรูปภาพประกอบส่วนใหญ่ มีรูปคนรีวิวเยอะไปหน่อย เนื่องจากไม่ได้ตั้งใจจะถ่ายมาทำรีวิวตั้งแต่แรก
เพียงแค่เก็บภาพประทับใจเอาไว้เท่านั้น จึงกราบขออภัยคุณผู้อ่านมา ณ ที่นี้ด้วย
ปล.2 เนื่องจากทริปนี้ ผ่านมาได้ 20 วันแล้ว จึงทำให้ข้อมูลต่างๆ รายละเอียดเลือนลางไปบ้าง จำถูก จำผิดอย่างไร อย่าว่ากันนะครับ
วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2556 เวลา 5.15 น.
ผมตื่นขึ้นด้วยตั้งเวลาปลุกเอาไว้ ผมลุกขึ้นจากเตียงนอนชั้นบนอย่างช้าๆ เพื่อไม่ให้เกิดเสียงรบกวนคนอื่นที่ยังคงหลับอยู่
(เรานอน hostel ที่แสนจะดีเยี่ยมด้านการบริการ ที่ de talak ตรงใกล้ๆคลองเตย ในห้องมี 6 เตียง บน-ล่าง)
ผมแปลงฟันและล้างหน้าเสร็จอย่างรวดเร็ว วันนี้ต้องตื่นเช้ามากๆ เพราะผมมีทริปเดินทางไปยัง กาญจนบุรี ในวันนี้
ผมปีนกลับขึ้นไปบนเตียงอีกครั้ง และเอื้อมมือไปปลุกเพื่อนร่วมทริปของผม ที่ยังคงนอนหลับอยู่บนเตียงชั้นบนติดกัน
เราออกจากที่พักย่านกลางเมือง ในเวลา 5.50 น. โดยใช้บริการรถแทคซี่ไปยังสถานีรถไฟหลักของไทย ชื่อ หัวลำโพง
เนื่องจากเราต้องไปให้ทันเวลาเดินทาง 6.30 น. และรถไฟใต้ดินในไทยยังไม่เปิดให้บริการในเวลาเช้าแบบนี้
เรามาถึงสถานีรถไฟ หัวลำโพงเวลา 6.10 น. ก่อนเวลารถไฟออก ดังนั้น ผมจึงพอจะมีเวลาแวะซื้อกาแฟร้อนจากร้านค้าในสถานี
และเรารีบขึ้นรถไฟกันภายในเวลา 5 นาทีต่อจากนั้น ....การเดินหาที่นั่งที่นี่ไม่ง่ายเลย เพราะจะไม่มีพนักงานคอยช่วยเหลือ
และป้ายระบุที่นั่งในหลายๆที่ก็ขาดหายไป ด้วยความเก่าของรถไฟที่น่าจะใช้งานมายาวนานแล้ว จนบางครั้งเราต้องนับเก้าอี้เอาเอง
วันนี้รถไฟออกตรงเวลา 6.30 น. แม้เพื่อนผมจะบอกว่ารถไฟที่นี่ จะไม่ค่อยออกตรงเวลาก็เถอะ หรือเป็นเพราะนี่คือเที่ยวแรกของวันกันนะ
รถไฟเป็นแบบเครื่องยนตร์ดีเซล เมือนที่ประเทศญี่ปุ่นเคยใช้กัน ผมไม่แน่ใจว่าเครื่องจักรที่นี่จะใช้ของ HITACHI อย่างญี่ปุ่นรึเปล่า?
โบกี้รถไฟเป็นแบบห้องพัดลม ดังนั้นเราจะสามารถเปิดกระจกหน้าต่างลงได้ทั้งบาน เพื่อดูวิว รับลมและสูดอากาศภายนอกได้เต็มที่
เก้าอี้แบบยาวนั่งได้ 2 คน มันเป็นเบาะนั่งที่ยึดแน่น ไม่สามารถปรับเอนนอนได้ ...ผมชอบบรรยากาศแบบนี้มากๆ และตื่นเต้นมากๆวันนี้
รถไฟพาเราวิ่งออกจากตัวเมือง ที่มองเห็นตึกสูงของกรุงเทพมากมาย ตอนนี้แสงแดดเริ่มที่จะส่องผ่านหน้าต่างมาที่ผมแล้ว
รถไฟวิ่งมาประมาณ 2 ชั่วโมง 20 นาทีก็มาจอดที่สถานี นครปฐม ..และมีเจ้าหน้าที่บนรถไฟประกาศให้เราลงไปเที่ยวได้ 45 นาที
ผมไม่รูว่าที่นี่คือที่ไหนและจะไปอย่างไร? แต่เพื่อนของผม บอกให้เราเดินตามกลุ่มนักท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ
เพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้น ผมก็พบกับความยิ่งใหญ่ของวัดแห่งหนึ่ง ซึ่งมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ยืนอยู่ในเจดีย์ (อธิบายมันเหนื่อยมากๆ)
เรารีบเดินตามกลุ่มคนไปที่นั่นทันที ซึ่งที่นี่คนเยอะมากๆ ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวคนไทยเกือบทั้งหมด และไม่มีคนจีนเลยด้วยซ้ำ
(คือเรามักไปเจอกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน ที่มาเที่ยวไทยบ่อย และมักจะสร้างความตะลึงให้พวกผมอยู่บ่อยๆ อย่างเช่นล่าสุดนั้น
เรานั่งรถ BTS มาจากอนุสาวรีย์ไปอโศก พอคนลงที่สยามกันเยอะ เราก็จะได้นั่งบ้าง หลังจากยืนมาสักพัก แต่พอเพื่อนผมกำลังจะนั่ง
จู่ๆมีป้าคนจีนพุ่งพรวดเข้ามาในรถไฟ พร้อมทั้งตะโกนและชี้นิ้วไปยังที่นั่งว่างต่างๆ ให้เหล่าๆบุคคนในครอบครัว 4-5 คนได้นั่งกัน
ซึ่งเค้าชี้นิ้วมายังเก้าอี้ที่เพื่อนผมกำลังจะนั่ง ให้กับสามีเธอ ด้วยเสียงที่ดังจนแทบจะตะคอก จนเพื่อนญี่ปุ่นผมกลัว ไม่กล้านั่ง
และสุดท้ายผมก็ต้องไปยืนเป็นเพื่อนมัน พร้อมทั้งตะลึงกับการลุกนั่งๆอยู่อย่างนั้นตลอดทุกสถานี เพราะชาวจีนไม่แน่ใจว่าใช่สถานีที่ลงรึเปล่า)
ผมรู้สึกตื่นเต้นมากๆที่ได้เห็นพระพุทธรูปสีทององค์ใหญ่ และตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น ที่จะบูชาในรูปแบบของชาวไทยกัน
เพราะปกติผมจะบูชาในรูปแบบของชาวญี่ปุ่นมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นวัดใดๆในไทยก็ตาม
(คือผมก็พยายามสอนเท่าที่ผมพอจะรู้นะครับ ผมก็ไม่ได้เชี่ยวชาญ แต่สังเกตุคนรอบข้างเอาด้วยมากกว่า)
สิ่งสุดท้ายที่คนไทยมักจะทำ คือการนำเอาแผ่นทองบางๆมาปิดที่พระพุทธรูปต่างๆ ให้เป็นสีเหลืองทอง สวยมากๆครับ
ผมเห็นแล้วว่า คนไทยนั้นใกล้ชิดกับพระพุทธศาสนาจริงๆ โดยเราสามารถใกล้ชิด จับต้องพระพุทธรูปกันเลยทีเดียว
ผมรู้สึกผ่อนคลายมากๆ เมื่อเราเข้าวัด และวันนี้ช่างดีเหลือเกิน ที่ผมได้เข้าวัดแต่เช้า ทั้งๆที่ผมไม่คิดว่าทริปนี้จะมีวัดด้วย
ผมชอบกลิ่นของธูปในวัดมากๆ มันเป็นกลิ่นแห่งสวรรค์ และกลิ่นแห่งความสงบในจิตใจของผม
เราอยู่วัดที่นี่ได้ไม่นาน ก็ต้องรีบกลับไปยังรถไฟ เพราะจุดหมายของเราคือ กาญจนบุรี
(ผมแวะซื้อของกิน ผลไม้ต่างๆที่นี่ เพราะเอาไปกินที่น้ำตกด้วยครับ ตุนเอาไว้ สินค้าที่นี่ราคาถูกกว่ากรุงเทพมากๆ ในความคิดเพื่อนผม)
--- เดี๋ยวมีต่อนะครับ ---