คนจีนแห่เที่ยว ‘เวียดนาม’ แซงไทย ปัญหาจริงๆ ที่ ‘นักท่องเที่ยว’ หายไป อาจเป็นความปลอดภัยและสแกมเมอร์?
.
.
ไม่ใช่แค่จ่อ แต่รอบนี้โดนแซงไปแล้วจริงๆ คนจีนแห่เที่ยว ‘เวียดนาม’ จนจำนวนรวมแซงไทยไปแล้ว
ในยุคก่อนโควิด 19 ประเทศไทยมี ‘นักท่องเที่ยวจีน’ มาเยือนปีละเกือบ 10 ล้านคน ถือเป็นอันดับ 1 ในหมู่นักท่องเที่ยวชาติต่างๆ ที่เดินทางมาเที่ยวไทย แต่หลังแพนดามิกสิ้นสุด อะไรๆ ก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป หนึ่งในนั้นคือ ‘ไทย’ เสียแชมป์เมืองยอดนิยมของชาวจีนไปให้กับ ‘ญี่ปุ่น’ ในปีก่อน
ต่อมาสถานการณ์ ‘จีนเที่ยวไทย’ ก็มีแนวโน้มไม่ดีนัก เพราะลดลงจากราว 5-6 แสนคนต่อเดือนในปลายปีก่อน เหลือไม่ถึง 3 แสนคนในช่วงต้นปีนี้
หลังจากนั้นก็ไม่มีดีขึ้น มีแต่แย่ลง เพราะล่าสุดคนจีนจะแห่เที่ยว ‘เวียดนาม’ จนแซงไทยแล้วเป็นที่เรียบร้อย
คนจีนแห่เที่ยว ‘เวียดนาม’ จนแซงไทยแล้ว
.
รายงานของ KResearch บอกว่า ช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-กรกฎาคม 2568) เมื่อเทียบ ‘จำนวนนักท่องเที่ยวจีน’ ในเวียดนามแซงหน้า จำนวนนักท่องเที่ยวจีนในไทยเรียบร้อยแล้ว
.
•โดยคนจีนเที่ยว ‘เวียดนาม’ รวมทั้งหมด 3.1 ล้านคน
• และมีคนจีนเที่ยว ‘ไทย’ รวมทั้งหมด 2.7 ล้านคน
• คนจีนเที่ยว ‘เวียดนาม’ เพิ่มขึ้น 46% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
• คนจีนเที่ยว ‘ไทย’ ลดลง 35% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
.
สรุปง่ายๆ คือนักท่องเที่ยวจีนเดินทางไปเวียดนามมากกว่าไทยราวๆ 4 แสนคน แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากกว่าอาจเป็นการดิ่งลงของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนในไทยที่ -35% ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนในเวียดนามเพิ่มขึ้นมากถึง 46%
.
จีนแห่เที่ยวเวียดนาม ส่วนใหญ่อาจเป็น ‘กรุ๊ปทัวร์’ ?
.
‘รศ. ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น’ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดอธิบายว่า หากตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนในเวียดนามเป็นแค่ ‘เชิงปริมาณ’ และเป็น ‘กรุ๊ปทัวร์กำลังซื้อต่ำ’ ก็อาจยังไม่ใช่คู่แข่งที่น่ากลัวของไทย
.
ตัวเลขของเวียดนามเป็นเพียงการรายงานจำนวนนักท่องเที่ยวต่อหัว โดยนักท่องเที่ยวจีนในเวียดนามส่วนใหญ่เป็น ‘กรุ๊ปทัวร์กำลังซื้อต่ำ’ มักมีพฤติกรรมการใช้จ่ายต่อหัวไม่สูงมาก และมักเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางเที่ยวต่างประเทศครั้งแรก เหตุที่สนใจเดินทางไปเวียดนามเยอะ เพราะนโยบายฟรีวีซ่าให้นักกรุ๊ปทัวร์ และค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าไทย
.
ปัญหาจริงๆ คือความปลอดภัยต่างหาก
.
ปัจจัยสำคัญจริงๆ ที่ทำให้ ‘คนจีนมาไทยน้อยลงมาก’ เพราะภาพจำแง่ลบเรื่องความปลอดภัย โดยเฉพาะกรณีนักแสดง ‘หวัง ซิง’ ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงให้เดินทางมาไทย ก่อนถูกส่งตัวไปเมียนมา
.
ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลใหม่ต้องเร่งดำเนินการคือการยกระดับมาตรฐานเรื่องความปลอดภัย และจัดการปัญหาศูนย์สแกมเมอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อลบล้างภาพจำที่ไม่ดีและสร้างความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวจีน
.
“ถ้ายังไม่แก้ไขให้คนจีนมั่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัย การทำอีเว้นท์มาร์เก็ตติ้งต่างๆ ในช่วงปลายปีเพื่อดึงนักท่องเที่ยวจีนกลับมาไทยนั้น ส่วนตัวมองว่าอาจจะไม่ได้ช่วยมากนัก ตราบใดที่คนจีนยังรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย
.
อีกเรื่องที่สำคัญคือการแก้ไขเรื่องเงินบาทแข็งค่า ซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายในไทยสูงขึ้นในสายตาต่างชาติ จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อศักยภาพการแข่งขันของไทยด้านการท่องเที่ยว รวมถึงการส่งออก”
.
ประเทศที่จีนไปเยอะสุดคือ ญี่ปุ่น
.
นักวิชาการธรรมศาสตร์ อธิบายว่า จริงๆ ประเทศที่นักท่องเที่ยวจีนเดินทางไปเที่ยวมากที่สุดคือ ‘ญี่ปุ่น’ แม้จะไม่ได้สิทธิฟรีวีซ่า แต่มีจุดเด่นเรื่องความปลอดภัย ความสะอาด ระเบียบเรียบร้อย อยู่ใกล้จีน เดินทางง่าย ไฟล์ทบินเยอะ คมนาคมสะดวก และเงินเยนอ่อนค่า-แหล่งชอปปิ้งครบ
.
จึงทำให้คนจีนนิยมเดินทางไปญี่ปุ่นมากที่สุด ญี่ปุ่นจึงเป็นตลาดพรีเมี่ยมที่นักท่องเที่ยวจีนยินดีจ่าย แม้ค่าครองชีพในญี่ปุ่นจะแพงกว่าไทยหรือเวียดนาม
ต้องเร่งพัฒนาความปลอดภัย ไม่ต้องแข่งชิงตลาดล่าง
.
“ประเทศไทยควรใช้โอกาสนี้พัฒนาตนเองในด้านการท่องเที่ยวยกระดับในแนวทางของโมเดลญี่ปุ่น เป้าหมายของไทยจึงควรเป็นการพัฒนาไปสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ปลอดภัย และมีความพรีเมี่ยม มาท่องเที่ยวไทยได้ในราคาไม่สูงเท่าญี่ปุ่น แต่ได้มาตรฐานใกล้เคียงกัน
.
ดังนั้น ในการแก้เกมในเรื่องนักท่องเที่ยวจีนไปเวียดนามมากกว่าไทย คือ การสร้างความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยเป็นอันดับแรก และเน้นยกระดับการท่องเที่ยวไทย ไม่ใช่การลงไปแข่งขันในตลาดล่างกับเวียดนามที่มุ่งเน้นจำนวนเชิงปริมาณของนักท่องเที่ยว”
.
ไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยวจีนเท่านั้น แต่ นักท่องเที่ยว ‘มาเลเซีย’ ที่เป็น TOP2 ชาติที่มาเที่ยวไทยเองก็มาเที่ยวไทยน้อยลงเหมือนกัน แต่กลับไปเที่ยวประเทศอื่นมากขึ้น ซึ่งถูกมองว่าเกิดจากหลายปัจจัย ตั้งแต่แต่ละประเทศแข่งขันกันดึงดูดนักท่องเที่ยวมากขึ้น ราคาสินค้าและบริการไทยแพง ค่าเงินบาทแข็ง รวมถึงประเด็น ‘ความปลอดภัย’ จากสารพัดข่าวในพื้นที่
.
นอกจากนั้น เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ‘อดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์’ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เองก็ออกมายอมรับกับหลายๆ สำนักข่าวว่า ข่าวสแกมเมอร์ในกัมพูชาและประเทศเพื่อนบ้านกระทบกับความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีต่อไทยด้วย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยว ‘เกาหลีใต้ ไต้หวัน และญี่ปุ่น’ อันเป็นตลาดสำคัญ
.
เพราะนอกจากจะมีพรมแดนเชื่อมต่อกันแล้ว ไทยก็ยังเป็นจุดต่อเครื่องไปยังหลายๆ ประเทศในอาเซียน สถานการณ์แบบนี้เลยไม่ได้กระทบแค่ภาพลักษณ์การท่องเที่ยว แต่อาจจะกระทบถึงรายได้ การลงทุน และเศรษฐกิจในระยะยาวด้วย
.
แล้วคุณล่ะคิดว่าปัญหาจริงๆ ของ ‘ท่องเที่ยวไทย’ ตอนนี้คืออะไร ถ้าแก้ความปลอดภัย-สแกมเมอร์ได้ เราจะปลุกท่องเที่ยวไทยกลับมาได้อีกครั้งจริงไหม?
.
.
น้ำเหนือทะลักนครสวรรค์ บ้านปชช.จมเจ้าพระยา เดือดร้อน 846 ครัวเรือน
.
น้ำเหนือทะลักนครสวรรค์ บ้านปชช.จมแม่น้ำเจ้าพระยา เดือดร้อน 846 ครัวเรือน คาดเขื่อนตอนบนปล่อยน้ำเพิ่มอีก ระดับน้ำจะสูงขึ้นหลายเซนติเมตร
.
วันที่ 7 พ.ย. 68 ที่จ.นครสวรรค์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มวลน้ำที่ไหลมาจากภาคเหนือ ลงแม่น้ำเจ้าพระยาส่งผลกระทบในวงกว้าง ระดับน้ำในแม่น้ำสายหลักทั้ง ปิง น่าน และเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากเขื่อนตอนบนเร่งระบายน้ำ ส่งผลให้สถานการณ์น้ำท่วมในเขตเทศบาลนครนครสวรรค์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เริ่มเพิ่มสูงขึ้น และขยายวงกว้างออกไปอีก
.
โดยเฉพาะชุมชนที่อยู่ริมน้ำเจ้าพระยา ภายในเขตเทศบาลนครนครสวรรค์ ถูกน้ำท่วมแล้ว 7 ชุมชน รวม 846 ครัวเรือน โดยบางพื้นที่เริ่มมีแนวโน้มระดับน้ำลดลง แต่หลังจากการระบายน้ำจากเขื่อนตอนบน ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำสายหลักเพิ่มขึ้นอีกหลายสิบเซนติเมตร ส่งผลให้น้ำล้นตลิ่ง และขยายวงเข้าท่วมพื้นที่ชุมชนมากขึ้น โดยเฉพาะชุมชนเกาะยม เดิมทีน้ำก็ท่วมอยู่แล้ว ขณะนี้ระดับน้ำเพิ่มขึ้นวันละประมาณ 30–40 เซนติเมตร และตลอดสามวันที่ผ่านมาน้ำได้ท่วมบ้านสูงกว่า 1 เมตร แล้วการสัญจรเข้าออกต้องใช้เรือเท่านั้น
.
อีกทั้งมีข่าว เขื่อนตอนบนจะปล่อยน้ำลงมาเพิ่มอีก คาดว่าระดับน้ำจะสูงขึ้นอีกหลายเซนติเมตร ตอนนี้ประชาชนก็ได้เก็บข้าวของเครื่องใช้ขึ้นที่สูงเรียบร้อยแล้ว โดยเทศบาลนครนครสวรรค์ได้จัดเตรียมพื้นที่ให้ชาวบ้านอพยพสิ่งของได้อย่างปลอดภัย ส่วนครัวเรือนที่ประสบอุทกภัยในเขตเทศบาลนครนครสวรรค์ประจำปี 2568 จำนวน 846 ครัวเรือน ดังนี้ 1.ชุมชนเกาะยม จำนวน 188 ครัวเรือน 2.ชุมชนตลาดใหม่ จำนวน 62 ครัวเรือน 3.ชุมชนวัดตะแบก 19 ครัวเรือน 4.ชุมชนสถานีรถไฟปากน้ำโพจำนวน 78 ครัวเรือน 5.ชุมชนบางปรองจำนวน 430 ครัวเรือน 6.ชุมชนชอนตะวันจำนวน 31 ครัวเรือน 7.ชุมชนตลาดใต้จำนวน 38 ครัวเรือน ด้านปริมาณน้ำในเช้านี้น้ำลดลง 3 เซนติเมตรที่จุดวัดC2 ระดับตลิ่ง 24.80 ม. ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 0.90 ม. ปริมาณน้ำ 2971.00ลบ.ม./วินาทีที่เขื่อนเจ้าพระยาปริมาณน้ำไหลผ่าน 2700.00 ลบ.ม./วินาที
.
.
น้ำทะเลอุ่นขึ้น ทำให้เอเชียตะวันออกกลายเป็นศูนย์กลางไต้ฝุ่นโลก
.
ผู้เชี่ยวชาญชี้เอเชียตะวันออกกำลังกลายเป็นจุดศูนย์กลางของไต้ฝุ่น เกิดพายุถี่ที่สุดในโลก หลังน้ำทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกอุ่นขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ไต้ฝุ่นคัลแมกี ได้สร้างความเสียหายหนักในฟิลิปปินส์ โดยมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 140 คน และยังมีผู้สูญหายอีกจำนวนมาก ก่อนจะพัดขึ้นฝั่งเวียดนาม ขณะที่ไต้ฝุ่นฟงวอง กำลังก่อตัวขึ้น และมุ่งหน้ามาทางฟิลิปปินส์ ก่อนจะทวีกำลังแรงขึ้นจนเป็นพายุระดับรุนแรงในช่วงวันอาทิตย์นี้ จนหลายฝ่ายต่างต้องจับตาว่า เกิดอะไรขึ้นกับภูมิภาคนี้ ทำไมจึงเกิดไต้ฝุ่นที่มีความรุนแรงหลายๆ ลูกติดต่อกัน
.
นักวิทยาศาสตร์อธิบายเรื่องนี้ว่า ไต้ฝุ่นในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกก็คล้ายกับเฮอร์ริเคนและไซโคลน เพราะแท้จริงแล้วทั้งหมดคือ “พายุหมุนเขตร้อน” เพียงแต่เรียกต่างกันตามภูมิภาค เช่น “เฮอร์ริเคน” ในแอตแลนติก “ไซโคลน” ในมหาสมุทรอินเดีย และ “ไต้ฝุ่น” ในแปซิฟิกตะวันตก
.
พายุจะได้ชื่อและถูกจัดเป็นพายุโซนร้อนเมื่อความเร็วลมแตะ 63 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และจะถูกจัดเป็นไต้ฝุ่นหรือเฮอร์ริเคนเมื่อความเร็วลมเกิน 119 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยมีทั้งหมด 5 ระดับความรุนแรง ซึ่งระดับสูงสุดคือระดับ 5 หรือมากกว่า 249 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งคัลแมกีถือเป็นพายุที่จัดอยู่ในกลุ่มรุนแรงของปีนี้
.
ฤดูกาลไต้ฝุ่นในแปซิฟิกตะวันตกกินเวลานานเกือบตลอดปี โดยจะเกิดถี่ที่สุดระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงพฤศจิกายน ซึ่งเป็นช่วงที่น้ำทะเลอุ่นจัดและมีความชื้นสูง ทำให้เกิดการก่อตัวของพายุได้ง่าย
.
ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยโคโลราโดสเตต ระบุว่า โดยเฉลี่ยแล้วแปซิฟิกตะวันตกมีพายุที่ได้รับการตั้งชื่อถึง 27 ลูกต่อปี และในจำนวนนี้ราว 14 ลูกจะทวีกำลังเป็นไต้ฝุ่นเต็มรูปแบบ
.
สำหรับปีนี้ ไต้ฝุ่นคัลแมกีและฟงวองถือเป็นพายุลูกที่ 26 และ 27 แล้ว แต่ถึงแม้จะมีจำนวนมากกว่าค่าเฉลี่ยเล็กน้อย ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าฤดูกาลนี้ยังถือว่ารุนแรงน้อยกว่าปกติ โดยคิดเป็นเพียงร้อยละ 62 ของค่ามาตรฐานเฉลี่ยในแต่ละปี
JJNY : คนจีนแห่เที่ยวเวียดนาม│น้ำเหนือทะลักนครสวรรค์│เอเชียตอ.กลายเป็นศูนย์กลางไต้ฝุ่น│คัลแมกีอ่อนกำลัง จะเข้าไทยบ่ายนี้
.