"Empty your mind. Be formless, shapeless, like water." (จงทำจิตใจให้ว่างเปล่า ไร้ลักษณ์ ไร้ทรง... ดั่งสายน้ำ)
ประโยคอมตะที่ บรูซ ลี ราชันย์นักบู๊ผู้ล่วงลับทิ้งไว้เมื่อ 50 ปีก่อน ไม่ใช่แค่เคล็ดวิชาการต่อสู้ แต่มันคือ "ปรัชญาการใช้ชีวิต" ที่ผมมองว่าจำเป็นที่สุดสำหรับพวกเราในศตวรรษที่ 21 ครับ
ในวันที่เทคโนโลยีเปลี่ยนรายวัน เศรษฐกิจเอาแน่เอานอนไม่ได้ และสังคมเต็มไปด้วยแรงปะทะ การทำตัวแข็งแกร่งดั่ง "หินผา" อาจไม่ใช่คำตอบของการอยู่รอดอีกต่อไป แต่การเป็น "น้ำ" ต่างหาก คือวิถีของผู้ที่เข้มแข็งอย่างแท้จริง วันนี้ผมเลยอยากชวนมาตกผลึกเรื่องนี้ไปด้วยกัน
..................................................
1. เทน้ำชาเก่าทิ้ง : เปิดพื้นที่ให้ปัญญาใหม่
โลกยุคนี้ความรู้มีวันหมดอายุเร็วมาก สิ่งที่เรารู้เมื่อวาน วันนี้อาจใช้ไม่ได้แล้ว บรูซ ลี จึงบอกให้เรา "Empty your mind" เพราะถ้าเราทำตัวเป็น "น้ำเต็มแก้ว" ยึดติดกับอีโก้ ความสำเร็จเดิมๆ หรือหัวโขนที่สวมอยู่ เราจะไม่มีที่ว่างรับสิ่งใหม่
การลองวางอัตตาลง ทำตัวเป็นนักเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learner) เปิดใจฟังเด็กรุ่นใหม่ หรือเรียนรู้เครื่องมือใหม่ๆ คือจุดเริ่มต้นของปัญญาที่แท้จริง
2. ไร้ลักษณ์ ไร้ทรง : ศิลปะแห่งการ "อยู่เป็น"
"เทน้ำลงถ้วย มันก็เป็นถ้วย... เทน้ำลงขวด มันก็เป็นขวด" น้ำไม่มีรูปร่างตายตัว ปรับเข้าได้กับทุกภาชนะโดยไม่เสียความเป็นตัวเอง นี่คือหัวใจของ ความยืดหยุ่น (Adaptability)
ในบริบทบ้านเรา คำว่า "อยู่เป็น" มักถูกมองแง่ลบ แต่ถ้ามองให้ลึกซึ้ง นี่คือทักษะการปรับตัวชั้นสูงครับ เมื่ออยู่กับผู้ใหญ่เรานอบน้อมดั่งน้ำในถ้วยชา เมื่อลุยงานหนักเราปรับตัวคล่องแคล่วดั่งน้ำในลำธาร คนที่ปรับตัวเก่ง ไม่ใช่คนกะล่อน แต่คือคนที่ "รอด" ได้ในทุกสถานการณ์
3. รู้จักผ่อนและรุก : สมดุลแห่งพลัง
"Water can flow, or it can crash." (น้ำไหลเอื่อยก็ได้ หรือจะพังทลายโหมซัดก็ได้) หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าการเป็นน้ำ คือการยอมจำนนหรือไหลตามน้ำไปเรื่อยๆ จนไร้จุดยืน... แต่ความจริงน้ำมี 2 ด้าน
ด้านหนึ่งคือ
Flow (ไหลลื่น) ใช้กับเรื่องหยุมหยิมกวนใจ ปล่อยให้มันไหลผ่านไป อย่าเก็บมาเป็นตะกอนให้ใจขุ่นมัว อีกด้านคือ
Crash (ปะทะ) ใช้เมื่อต้องปกป้องสิ่งที่ถูกต้อง เมื่อถูกเอาเปรียบ จงแสดงพลังให้เด็ดขาดดั่งคลื่นยักษ์
..................................................
ในทางเต๋า น้ำคือสิ่งที่อ่อนนุ่มที่สุด แต่กลับเอาชนะสิ่งที่แข็งที่สุดอย่างหินผาได้ การใช้ชีวิตแบบ "Be Water" จึงไม่ใช่การหนีปัญหา แต่คือการไม่พุ่งชนกำแพงตรงๆ แต่ใช้สติปัญญาหาทางลัดเลาะ แทรกซึม และก้าวข้ามอุปสรรคไปอย่างงดงาม
หากพรุ่งนี้ต้องเจอกับปัญหา อย่าทำตัวแข็งขึงจนเปราะบาง แต่จงยืดหยุ่น ลื่นไหล และทรงพลัง... จงเป็นดั่งน้ำเถิดครับ
...............................................
ช่วงนี้ผมตั้งใจอ่านหนังสือและเติมอาหารสมองเยอะขึ้น เจอเรื่องไหนที่เป็นประโยชน์ จะรีบ 'สรุปและย่อย' มาแชร์ให้เพื่อนๆ อ่านกันที่นี่นะครับ
มาเป็นเพื่อนร่วมเรียนรู้ไปด้วยกัน กดติดตามเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกันได้เลยครับ
เนื้อหานี้คัดมาจาก Facebook ส่วนตัวของผมเองครับ https://www.facebook.com/share/p/17CQsaZhyS/
................................................
"Be Water, My Friend" : เมื่อโลกหมุนไวยิ่งกว่าพายุ ทำไมเราถึงควรทำตัวให้ไหลลื่นดั่งสายน้ำ
"Empty your mind. Be formless, shapeless, like water." (จงทำจิตใจให้ว่างเปล่า ไร้ลักษณ์ ไร้ทรง... ดั่งสายน้ำ)
ประโยคอมตะที่ บรูซ ลี ราชันย์นักบู๊ผู้ล่วงลับทิ้งไว้เมื่อ 50 ปีก่อน ไม่ใช่แค่เคล็ดวิชาการต่อสู้ แต่มันคือ "ปรัชญาการใช้ชีวิต" ที่ผมมองว่าจำเป็นที่สุดสำหรับพวกเราในศตวรรษที่ 21 ครับ
ในวันที่เทคโนโลยีเปลี่ยนรายวัน เศรษฐกิจเอาแน่เอานอนไม่ได้ และสังคมเต็มไปด้วยแรงปะทะ การทำตัวแข็งแกร่งดั่ง "หินผา" อาจไม่ใช่คำตอบของการอยู่รอดอีกต่อไป แต่การเป็น "น้ำ" ต่างหาก คือวิถีของผู้ที่เข้มแข็งอย่างแท้จริง วันนี้ผมเลยอยากชวนมาตกผลึกเรื่องนี้ไปด้วยกัน
..................................................
1. เทน้ำชาเก่าทิ้ง : เปิดพื้นที่ให้ปัญญาใหม่
โลกยุคนี้ความรู้มีวันหมดอายุเร็วมาก สิ่งที่เรารู้เมื่อวาน วันนี้อาจใช้ไม่ได้แล้ว บรูซ ลี จึงบอกให้เรา "Empty your mind" เพราะถ้าเราทำตัวเป็น "น้ำเต็มแก้ว" ยึดติดกับอีโก้ ความสำเร็จเดิมๆ หรือหัวโขนที่สวมอยู่ เราจะไม่มีที่ว่างรับสิ่งใหม่
การลองวางอัตตาลง ทำตัวเป็นนักเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learner) เปิดใจฟังเด็กรุ่นใหม่ หรือเรียนรู้เครื่องมือใหม่ๆ คือจุดเริ่มต้นของปัญญาที่แท้จริง
2. ไร้ลักษณ์ ไร้ทรง : ศิลปะแห่งการ "อยู่เป็น"
"เทน้ำลงถ้วย มันก็เป็นถ้วย... เทน้ำลงขวด มันก็เป็นขวด" น้ำไม่มีรูปร่างตายตัว ปรับเข้าได้กับทุกภาชนะโดยไม่เสียความเป็นตัวเอง นี่คือหัวใจของ ความยืดหยุ่น (Adaptability)
ในบริบทบ้านเรา คำว่า "อยู่เป็น" มักถูกมองแง่ลบ แต่ถ้ามองให้ลึกซึ้ง นี่คือทักษะการปรับตัวชั้นสูงครับ เมื่ออยู่กับผู้ใหญ่เรานอบน้อมดั่งน้ำในถ้วยชา เมื่อลุยงานหนักเราปรับตัวคล่องแคล่วดั่งน้ำในลำธาร คนที่ปรับตัวเก่ง ไม่ใช่คนกะล่อน แต่คือคนที่ "รอด" ได้ในทุกสถานการณ์
3. รู้จักผ่อนและรุก : สมดุลแห่งพลัง
"Water can flow, or it can crash." (น้ำไหลเอื่อยก็ได้ หรือจะพังทลายโหมซัดก็ได้) หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าการเป็นน้ำ คือการยอมจำนนหรือไหลตามน้ำไปเรื่อยๆ จนไร้จุดยืน... แต่ความจริงน้ำมี 2 ด้าน
ด้านหนึ่งคือ Flow (ไหลลื่น) ใช้กับเรื่องหยุมหยิมกวนใจ ปล่อยให้มันไหลผ่านไป อย่าเก็บมาเป็นตะกอนให้ใจขุ่นมัว อีกด้านคือ Crash (ปะทะ) ใช้เมื่อต้องปกป้องสิ่งที่ถูกต้อง เมื่อถูกเอาเปรียบ จงแสดงพลังให้เด็ดขาดดั่งคลื่นยักษ์
..................................................
ในทางเต๋า น้ำคือสิ่งที่อ่อนนุ่มที่สุด แต่กลับเอาชนะสิ่งที่แข็งที่สุดอย่างหินผาได้ การใช้ชีวิตแบบ "Be Water" จึงไม่ใช่การหนีปัญหา แต่คือการไม่พุ่งชนกำแพงตรงๆ แต่ใช้สติปัญญาหาทางลัดเลาะ แทรกซึม และก้าวข้ามอุปสรรคไปอย่างงดงาม
หากพรุ่งนี้ต้องเจอกับปัญหา อย่าทำตัวแข็งขึงจนเปราะบาง แต่จงยืดหยุ่น ลื่นไหล และทรงพลัง... จงเป็นดั่งน้ำเถิดครับ
...............................................
ช่วงนี้ผมตั้งใจอ่านหนังสือและเติมอาหารสมองเยอะขึ้น เจอเรื่องไหนที่เป็นประโยชน์ จะรีบ 'สรุปและย่อย' มาแชร์ให้เพื่อนๆ อ่านกันที่นี่นะครับ
มาเป็นเพื่อนร่วมเรียนรู้ไปด้วยกัน กดติดตามเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกันได้เลยครับ
เนื้อหานี้คัดมาจาก Facebook ส่วนตัวของผมเองครับ https://www.facebook.com/share/p/17CQsaZhyS/
................................................