เรื่อง “เปรตปากเน่า”
.
กาลครั้งหนึ่ง ท่านพระนารทะได้พบเปรตตนหนึ่ง ภาพที่เห็นชวนให้แปลกใจมาก เปรตตนนี้ ผิวพรรณงดงาม ผ่องใส ยืนลอยอยู่ในอากาศ ดูแล้วเหมือนเทวดา แต่พอมองไปที่ปาก กลับเห็น ปากเน่าเหม็น มีหนอนชอนไชเต็มไปหมด งามทั้งตัว แต่ปากกลับน่าเวทนาอย่างยิ่ง
.
พระนารทะจึงถามด้วยความเมตตาว่า
“เมื่อก่อนท่านทำกรรมอะไรไว้ จึงเป็นเช่นนี้?”
.
เปรตก็ตอบเล่าอดีตของตนเองว่า
“เมื่อยังเป็นมนุษย์ ข้าพเจ้าเป็นสมณะ ปฏิบัติพรหมจรรย์ดี สำรวมกาย ไม่ล่วงศีล จึงได้ผลคือผิวพรรณงดงามเหมือนทองคำ”
.
แต่แล้วก็สารภาพความผิดสำคัญว่า
“แม้กายจะสำรวม แต่ ปากไม่สำรวม
ข้าพเจ้าชอบพูด วาจาชั่ว พูดส่อเสียด พูดโกหก
ใช้คำพูดทำร้ายคนอื่น ทำให้แตกความสามัคคี”
.
ผลกรรมจึงออกมา ตรงตัวและตรงจุด
กรรมดีทางกาย → ได้ร่างกายงดงาม
กรรมชั่วทางวาจา → ปากเน่า เหม็น เป็นที่ชอนไชของหนอน
.
ก่อนจบ เปรตยังฝากคำเตือนผ่านพระนารทะว่า
.
“ผู้มีปัญญาควรระวังคำพูด
อย่าพูดส่อเสียด อย่าพูดมุสา
หากสำรวมวาจาได้จริง ย่อมไปเกิดเป็นเทวดา
สมบูรณ์ด้วยสิ่งที่น่าปรารถนา”
.
สรุป
.
- ทำดีส่วนไหน ได้ดีส่วนนั้น
.
- ทำชั่วส่วนไหน รับผลตรงส่วนนั้น
.
- กายดี แต่ปากเสีย → บุญกับบาปไม่หักล้างกัน
.
- คำพูดไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะเป็นกรรมที่ให้ผล เร็ว ชัด และตรงที่สุด
.
เรื่องนี้จึงไม่ใช่แค่นิทานเปรต
แต่เป็น กระจกส่องใจคนเป็น ว่า
“ปากเรา…กำลังพาเราไปสวรรค์
หรือค่อย ๆ พาเราไปนรก?”
.
อ้างอิง:
พระไตรปิฎกไทย ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๖ หน้า ๑๒๓ ข้อ ๘๘
ในพระไตรปิฎกบอกว่าเปรตปากเน่ามีจริงๆ
.
กาลครั้งหนึ่ง ท่านพระนารทะได้พบเปรตตนหนึ่ง ภาพที่เห็นชวนให้แปลกใจมาก เปรตตนนี้ ผิวพรรณงดงาม ผ่องใส ยืนลอยอยู่ในอากาศ ดูแล้วเหมือนเทวดา แต่พอมองไปที่ปาก กลับเห็น ปากเน่าเหม็น มีหนอนชอนไชเต็มไปหมด งามทั้งตัว แต่ปากกลับน่าเวทนาอย่างยิ่ง
.
พระนารทะจึงถามด้วยความเมตตาว่า
“เมื่อก่อนท่านทำกรรมอะไรไว้ จึงเป็นเช่นนี้?”
.
เปรตก็ตอบเล่าอดีตของตนเองว่า
“เมื่อยังเป็นมนุษย์ ข้าพเจ้าเป็นสมณะ ปฏิบัติพรหมจรรย์ดี สำรวมกาย ไม่ล่วงศีล จึงได้ผลคือผิวพรรณงดงามเหมือนทองคำ”
.
แต่แล้วก็สารภาพความผิดสำคัญว่า
“แม้กายจะสำรวม แต่ ปากไม่สำรวม
ข้าพเจ้าชอบพูด วาจาชั่ว พูดส่อเสียด พูดโกหก
ใช้คำพูดทำร้ายคนอื่น ทำให้แตกความสามัคคี”
.
ผลกรรมจึงออกมา ตรงตัวและตรงจุด
กรรมดีทางกาย → ได้ร่างกายงดงาม
กรรมชั่วทางวาจา → ปากเน่า เหม็น เป็นที่ชอนไชของหนอน
.
ก่อนจบ เปรตยังฝากคำเตือนผ่านพระนารทะว่า
.
“ผู้มีปัญญาควรระวังคำพูด
อย่าพูดส่อเสียด อย่าพูดมุสา
หากสำรวมวาจาได้จริง ย่อมไปเกิดเป็นเทวดา
สมบูรณ์ด้วยสิ่งที่น่าปรารถนา”
.
สรุป
.
- ทำดีส่วนไหน ได้ดีส่วนนั้น
.
- ทำชั่วส่วนไหน รับผลตรงส่วนนั้น
.
- กายดี แต่ปากเสีย → บุญกับบาปไม่หักล้างกัน
.
- คำพูดไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะเป็นกรรมที่ให้ผล เร็ว ชัด และตรงที่สุด
.
เรื่องนี้จึงไม่ใช่แค่นิทานเปรต
แต่เป็น กระจกส่องใจคนเป็น ว่า
“ปากเรา…กำลังพาเราไปสวรรค์
หรือค่อย ๆ พาเราไปนรก?”
.
อ้างอิง:
พระไตรปิฎกไทย ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๖ หน้า ๑๒๓ ข้อ ๘๘