รีวิว Made in Korea (2025) ซีรีส์การเมืองที่ไม่ได้สอนประวัติศาสตร์ แต่สอนว่า “อำนาจทำคนพังได้ยังไง”



🧨 รีวิว Made in Korea (2025)
ซีรีส์เกาหลีคัมแบ็ก “ฮยอนบิน” หล่อเนี้ยบ ดุเงียบ เกมอำนาจเข้มข้น แต่ดูง่ายกว่าที่คิด

ถ้าพูดถึงซีรีส์เกาหลีแนวการเมือง – ระทึกขวัญ หลายคนอาจเผลอคิดว่า

     “ต้องเครียด ต้องใช้สมองเยอะ ต้องรู้ประวัติศาสตร์แน่ ๆ”

แต่ Made in Korea (2025) จาก Disney+ ขอเถียงแบบสุภาพค่ะ 😌
เพราะนี่คือซีรีส์ที่ ดูจริงจัง มีสไตล์ แต่ไม่ได้ดูยากอย่างที่คิด

เรื่องราวพาเราย้อนกลับไปยัง เกาหลีใต้ช่วงทศวรรษ 1970
ยุคที่ประเทศกำลังเติบโตแบบก้าวกระโดด
แต่เบื้องหลังความเจริญคือ

การทุจริต

     ● การเมืองแบบเผด็จการ

     ● ตลาดมืด

     ● และเกมอำนาจที่ใครพลาด = พัง



🎭 ตัวละครหลัก = เกมแมวไล่จับหนูสุดเดือด

แกนกลางของเรื่องคือการปะทะกันของชายสองคน

แบค กีแท (ฮยอนบิน)
เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองเกาหลี (KCIA)
ที่ไม่ได้ทำงานแค่ “ตามหน้าที่”
แต่ขยับเส้น ข้ามกรอบ และเล่นเกมเบื้องหลังอย่างเงียบเชียบ
เขาคือคนที่

     ● ฉลาด

     ● ใจเย็น

     ● คำนวณทุกก้าว
      และอันตรายแบบไม่ต้องขึ้นเสียง

อีกฝั่งคือ

จาง กอนยอง (จอง อูซอง)
อัยการที่ศรัทธาในความยุติธรรมแบบสุดโต่ง
พร้อมแลกทุกอย่างเพื่อโค่นล้มกีแท
แม้ต้องแลกด้วยตัวตนของตัวเองก็ตาม

ความสนุกของ Made in Korea อยู่ตรงนี้เลยค่ะ
ไม่ใช่การแบ่งชัดว่าใคร “ดี” ใคร “เลว”
แต่เป็นการดูว่า

     “เมื่ออำนาจอยู่ในมือคน ศีลธรรมมันเปลี่ยนได้แค่ไหน”



🧠 การเมืองที่ไม่ยัดเยียด ดูได้แม้ไม่รู้ประวัติศาสตร์

จุดที่อยากชมมาก ๆ คือ
ซีรีส์ไม่ได้ทำให้การเมืองเป็นการบ้าน

เหตุการณ์ยุค 70s ถูกใช้เป็น “ฉากหลัง”
ไม่ใช่แก่นหลักที่บังคับให้คนดูต้องเข้าใจทุกบริบท
ต่างจากบางเรื่อง (ขอแอบกระซิบว่า Uncle Samsik)
ที่ต้องรู้พื้นหลังการเมือง–เศรษฐกิจพอสมควรถึงจะอิน

Made in Korea เลือกโฟกัสที่

     ● ตัวละคร

     ● การตัดสินใจ

     ● ผลลัพธ์ของอำนาจ

ใครไม่รู้ประวัติศาสตร์ก็ยังดูรู้เรื่อง
แต่ถ้ารู้ ก็จะยิ่งดูสนุกขึ้นอีกขั้น



🌟 การแสดง = ฮยอนบิน โซจึ้ง หล่อดุแบบไม่ต้องพยายาม

ต้องบอกตรง ๆ ว่า
ฮยอนบิน เหมาะกับบทนี้มาก

แบค กีแท ของเขา

     ● สุขุม

     ● อ่านใจยาก

     ● นิ่ง แต่กดดัน

รายละเอียดเล็ก ๆ อย่าง
การสลับใช้ภาษาเกาหลี ญี่ปุ่น อังกฤษ
หรือสายตานิ่ง ๆ ใต้แรงกดดัน
ทำให้ตัวละครนี้ดูเป็น “นักเล่นเกมระดับโลก” อย่างแท้จริง

ฝั่ง จอง อูซอง ก็ไม่แพ้กัน
เขาถ่ายทอดภาพของคนที่ยึดมั่นในความถูกต้อง
จนค่อย ๆ ถูกกัดกร่อนจากความแข็งกร้าวของตัวเอง
ดูแล้วทั้งน่าเชียร์ และน่าสงสารไปพร้อมกัน



🎬 งานภาพ บรรยากาศ และดนตรี = ฟีลหนังโรง

ด้านโปรดักชันบอกเลยว่า
มีกลิ่นอายภาพยนตร์ชัดมาก

     ● ฉากยุค 70s ทำถึง

     ● ถนนเปียกฝน สำนักงานอึมครึม ควันบุหรี่ลอยฟุ้ง

     ● งานกล้องลื่น

     ● แอ็กชันคม ดุ แต่ไม่โฉ่งฉ่าง

     ● ดนตรีแจ๊สช่วยกดความตึงเครียดแบบเนียน ๆ

ดูแล้วได้ฟีล “การเมืองดาร์ก ๆ แต่มีสไตล์”



⚠️ จุดที่อาจสะดุด (พูดกันตรง ๆ)

แน่นอนว่า Made in Korea ไม่ได้สมบูรณ์แบบ
บางช่วง

     ● เส้นเรื่องย่อยเยอะ

     ● จังหวะการเล่าอาจดูแน่นไปนิด

     ● บางเหตุการณ์คลี่คลายง่ายเกินจริง

แต่ข่าวดีคือ
👉 ซีรีส์ยืนยันแล้วว่าจะมีซีซั่น 2
ดังนั้นหลายปมที่ยังค้างอยู่
น่าจะถูกขยายและอธิบายในระยะยาว



📝 สรุปส่งท้าย เมาท์เบา ๆ หลังดูจบ (2ตอน)

Made in Korea คือ
ซีรีส์การเมืองที่

     ● คิดมาดี

     ● มีสไตล์

     ● ดูจริงจัง แต่ไม่ทำให้คนดูปวดหัว

มันอาจไม่ใช่ซีรีส์ที่ “สมบูรณ์แบบ”
แต่เป็นซีรีส์ที่เข้าใจดีว่า

          อำนาจไม่เคยสะอาด
          ประวัติศาสตร์ไม่เคยเรียบง่าย
          และความทะเยอทะยาน…มักทิ้งร่องรอยเสมอ

ใครชอบ

     ● ซีรีส์การเมือง

     ● เกมอำนาจ

     ● ฮยอนบิน สายหล่อดุ
เรื่องนี้ควรค่าแก่การกดดูค่ะ 👀✨

หมายเหตุ: รีวิวนี้อ้างอิงจาก 2 ตอนแรก
ความเห็นส่วนตัวล้วน ๆ นะคะ 💬



ตัวอย่าง Made in Korea

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



ถ้ามองจากสองตอนแรก เพื่อน ๆ คิดว่า Made in Korea กำลังเล่าเรื่อง “การเมืองที่ทำให้คนต้องเลว” หรือ
“คนที่เลือกเลวเพื่ออยู่รอดในระบบ” มากกว่ากันคะ?


#MadeInKorea, #MadeInKorea2025, #ซีรีส์เกาหลี, #รีวิวซีรีส์, #ซีรีส์เกาหลี2025, #ซีรีส์การเมือง, #ซีรีส์ดราม่า, #ซีรีส์ระทึกขวัญ, #DisneyPlus, #DisneyPlusHotstar, #ฮยอนบิน, #HyunBin, #จองอูซอง, #JungWooSung, #ซีรีส์ย้อนยุค, #ซีรีส์คุณภาพ, #ซีรีส์น่าดู, #คอซีรีส์เกาหลี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่