รีวิว Cashero (2025) | เมื่อพลังซูเปอร์ฮีโร่แปรผันตามจำนวนเงินสดในกระเป๋า
ซีรีส์เกาหลี
Netflix ไอเดียดี แต่เล่าเรื่องหลงทางเอง
Netflix ส่งซีรีส์ปิดท้ายปีแบบไม่เบา กับ
Cashero (2025) ซีรีส์แนวซูเปอร์ฮีโร่
8 ตอน ที่หยิบเอาเงิน ความจน ความอยู่รอด และศีลธรรม มาปั่นรวมกันในหม้อเดียว
ผลลัพธ์คือ…
สนุกบ้าง งงบ้าง และวุ่นวายแบบตั้งใจหรือเปล่าไม่แน่ใจ
พล็อตฟังดูโคตรดี: ยิ่งมีเงิน ยิ่งเก่ง แต่ยิ่งใช้พลัง เงินยิ่งหาย
Cashero พาเราไปรู้จัก
คังซังอุง (อีจุนโฮ จาก Typhoon Family) ข้าราชการหนุ่มแสนสุภาพ ผู้โชคร้าย(?) ได้รับพลังพิเศษตกทอดจากพ่อแบบไม่เต็มใจ
พลังของเขาคือ
พละกำลังเหนือมนุษย์
แต่เงื่อนไขคือ…
👉
ใช้ได้เฉพาะตอนมี “เงินสด” ติดตัว
👉 ยิ่งมีเงินมาก ยิ่งเก่ง
👉 แต่ทุกครั้งที่ใช้พลัง เงินจะลดฮวบ
และใช่ค่ะ
บัตรเครดิต / เงินฝาก / แอปธนาคาร ใช้ไม่ได้ ต้องเงินสดเท่านั้น!
ฟังแค่นี้ก็รู้แล้วว่า ซีรีส์ตั้งใจสะท้อน
ความกังวลเรื่องเงินในยุคปัจจุบัน
โลกที่การมีบ้านเป็นเรื่องยาก ความมั่นคงคือภาพลวงตา และฮีโร่เองก็อยากแค่ “เก็บเงินซื้อคอนโด”
ความฝันของฮีโร่ = คอนโด ไม่ใช่กอบกู้โลก
ซังอุง ไม่ได้อยากเป็นฮีโร่เลย ความฝันเดียวของเขาคือใช้ชีวิตเงียบ ๆ กับแฟนสาว
คิมมินซุก (คิมฮเยจุน จาก Kingdom และ A Shop for Killers) นักบัญชีสาวที่จริงจังกับการเงินขั้นสุด
เราว่าตรงนี้ซีรีส์ทำได้ดีในช่วงต้น
มันตั้งคำถามชัดมากว่า
“ถ้าเรามีพลังช่วยคนได้ แต่ต้องแลกด้วยเงินที่เก็บทั้งชีวิต…เราจะเลือกอะไร?”
แต่ปัญหาคือ…ซีรีส์รีบเป็นแอ็กชันเกินไป
Cashero กลับรีบพาตัวเองเข้าสู่โหมด
ซูเปอร์ฮีโร่ระทึกขวัญ เร็วเกินจำเป็น
โดยเฉพาะจุดเปลี่ยนสำคัญตอนที่
ซังอุง ได้ถุงเงินสดจากแม่
การเดินกลับบ้านธรรมดา กลายเป็นภารกิจยาวเหยียด เต็มไปด้วยเหตุการณ์ไม่หยุด
พล็อตนี้จริง ๆ เปิดโอกาสให้เล่นประเด็นเชิงสังคมได้เยอะมาก
แต่ซีรีส์กลับเลือก “ไม่เล่น” ซะส่วนใหญ่
ยกเว้นบางฉากที่จงใจโชว์ชัด เช่น
👉 ตอนที่
มินซุก แอบใส่เงิน 50,000 วอน ลงในค่าใช้จ่าย เพื่อ…ทดสอบสมรรถภาพแฟนหนุ่มในห้องนอน (เออ ฉากนี้คนดูจำได้แน่นอน)
คิมฮเยจุน แข็งแรง แต่บทพาไปติดกรอบเดิม
คิมฮเยจุน ยังคงทำหน้าที่ได้ดีในบทผู้หญิงเข้มแข็ง
แต่ตัวละครมินซุกกลับหลุดไม่พ้นภาพจำแบบเดิม ๆ
ผู้หญิงดูแลบัญชีบ้าน หมกมุ่นอสังหาฯ แฟนสาวสายบ่น
ขณะที่ซังอุงก็ได้เป็น
“ฮีโร่โดยไม่เต็มใจ” แบบไม่ต้องพยายามอะไรมาก
ทีมฮีโร่สายฮา…ที่ฮาไม่สุด
ซีรีส์พยายามเพิ่มความตลกด้วยทีมผู้ช่วย ได้แก่
●
บยอนโฮอิน (คิมบยองชอล) ทะลุกำแพงได้เมื่อดื่มแอลกอฮอล์
●
บังอึนมี (คิมฮยางกี) เคลื่อนย้ายวัตถุได้เมื่อกินขนมจุกจิก
ไอเดียน่ารักนะ
แต่เสียดายที่บทใช้พวกเขาแค่เป็น
“ซัพพอร์ตฮีโร่”
แทนที่จะดึงความปั่น ความฮา หรือคาแรกเตอร์ให้โดดเด่นกว่านี้
ปัญหาใหญ่ที่สุด: ซีรีส์ไม่รู้ว่าตัวเองอยากเป็นอะไร
ชื่อ
Cashero มาจากคำว่า
Cash + Hero
เหมือนกับตัวซีรีส์ที่พยายามผสม
จิตสำนึกทางสังคม + แอ็กชันซูเปอร์ฮีโร่
แต่ผสมออกมาแบบ…ไม่ค่อยกลม
ตอนแรกยังดูโอเค
แต่ตอนหลัง ๆ คุณภาพดรอปชัด
ในฐานะซีรีส์แอ็กชัน ก็ธรรมดา
แถมยังถูกกลบโดยรุ่นพี่อย่าง
Moving, The Atypical Family
หรือแม้แต่
The Witch ที่ยังมีทิศทางชัดกว่า
อารมณ์ไม่ต่อเนื่อง เล่าเรื่องสะดุด
หนึ่งในตัวอย่างชัด ๆ คือ
ฉากที่ซังอุงช็อกกับภาพผู้บริสุทธิ์ล้มตายต่อหน้าวายร้าย
โจนาธาน (อีแชมิน)
อารมณ์ควรหนักมาก…
แต่ตัดฉากมาอีกที กลายเป็นโมเมนต์หวาน ๆ ที่บ้าน ความเจ็บปวดหายไปเฉย
หลายครั้ง
Cashero ดูเหมือนจะ
“โยนฉากอลังการ + อารมณ์หลากหลายใส่รวมกัน
แล้วปล่อยให้คนดูไปตีความเองว่าเรื่องมันควรรู้สึกยังไง”
สรุปแบบตรง ๆ
Cashero ไม่ใช่ซีรีส์แย่
ไอเดียดีมาก และตั้งต้นได้น่าสนใจ
แต่บทที่ไม่แข็งแรง และโทนที่แกว่งไปมา
ทำให้ซีรีส์ไปไม่สุดทางไหนสักทาง
เหมาะกับคนที่อยากดูอะไรเบา ๆ
ไม่ซีเรียสกับตรรกะ
และอยากลองดูซูเปอร์ฮีโร่เกาหลีในมุม
“เงินคือพลัง”
📺
Cashero (2025) ยิงยาว 8 ตอน ทาง
Netflix
หมายเหตุ: รีวิวนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วน ๆ
ตัวอย่าง Cashero (2025) ทาง Netflix
ถ้าคุณมีพลังซูเปอร์ฮีโร่ที่ต้องแลกด้วยเงินในกระเป๋าทุกบาท
คุณจะเลือกเป็น
“ฮีโร่ของสังคม”
หรือเก็บเงินไว้ดูแลชีวิตตัวเองก่อน?
ภาพประกอบ : Instagram /
netflixkr
รีวิว Cashero (2025) ซีรีส์ซูเปอร์ฮีโร่เกาหลี ที่พลังเพิ่มตามเงิน แต่ความกลมกล่อมดันไม่เพิ่มตาม
รีวิว Cashero (2025) | เมื่อพลังซูเปอร์ฮีโร่แปรผันตามจำนวนเงินสดในกระเป๋า
ซีรีส์เกาหลี Netflix ไอเดียดี แต่เล่าเรื่องหลงทางเอง
Netflix ส่งซีรีส์ปิดท้ายปีแบบไม่เบา กับ Cashero (2025) ซีรีส์แนวซูเปอร์ฮีโร่ 8 ตอน ที่หยิบเอาเงิน ความจน ความอยู่รอด และศีลธรรม มาปั่นรวมกันในหม้อเดียว
ผลลัพธ์คือ… สนุกบ้าง งงบ้าง และวุ่นวายแบบตั้งใจหรือเปล่าไม่แน่ใจ
พล็อตฟังดูโคตรดี: ยิ่งมีเงิน ยิ่งเก่ง แต่ยิ่งใช้พลัง เงินยิ่งหาย
Cashero พาเราไปรู้จัก คังซังอุง (อีจุนโฮ จาก Typhoon Family) ข้าราชการหนุ่มแสนสุภาพ ผู้โชคร้าย(?) ได้รับพลังพิเศษตกทอดจากพ่อแบบไม่เต็มใจ
พลังของเขาคือ พละกำลังเหนือมนุษย์
แต่เงื่อนไขคือ…
👉 ใช้ได้เฉพาะตอนมี “เงินสด” ติดตัว
👉 ยิ่งมีเงินมาก ยิ่งเก่ง
👉 แต่ทุกครั้งที่ใช้พลัง เงินจะลดฮวบ
และใช่ค่ะ บัตรเครดิต / เงินฝาก / แอปธนาคาร ใช้ไม่ได้ ต้องเงินสดเท่านั้น!
ฟังแค่นี้ก็รู้แล้วว่า ซีรีส์ตั้งใจสะท้อน ความกังวลเรื่องเงินในยุคปัจจุบัน
โลกที่การมีบ้านเป็นเรื่องยาก ความมั่นคงคือภาพลวงตา และฮีโร่เองก็อยากแค่ “เก็บเงินซื้อคอนโด”
ความฝันของฮีโร่ = คอนโด ไม่ใช่กอบกู้โลก
ซังอุง ไม่ได้อยากเป็นฮีโร่เลย ความฝันเดียวของเขาคือใช้ชีวิตเงียบ ๆ กับแฟนสาว คิมมินซุก (คิมฮเยจุน จาก Kingdom และ A Shop for Killers) นักบัญชีสาวที่จริงจังกับการเงินขั้นสุด
เราว่าตรงนี้ซีรีส์ทำได้ดีในช่วงต้น
มันตั้งคำถามชัดมากว่า
“ถ้าเรามีพลังช่วยคนได้ แต่ต้องแลกด้วยเงินที่เก็บทั้งชีวิต…เราจะเลือกอะไร?”
แต่ปัญหาคือ…ซีรีส์รีบเป็นแอ็กชันเกินไป
Cashero กลับรีบพาตัวเองเข้าสู่โหมด ซูเปอร์ฮีโร่ระทึกขวัญ เร็วเกินจำเป็น
โดยเฉพาะจุดเปลี่ยนสำคัญตอนที่ ซังอุง ได้ถุงเงินสดจากแม่
การเดินกลับบ้านธรรมดา กลายเป็นภารกิจยาวเหยียด เต็มไปด้วยเหตุการณ์ไม่หยุด
พล็อตนี้จริง ๆ เปิดโอกาสให้เล่นประเด็นเชิงสังคมได้เยอะมาก
แต่ซีรีส์กลับเลือก “ไม่เล่น” ซะส่วนใหญ่
ยกเว้นบางฉากที่จงใจโชว์ชัด เช่น
👉 ตอนที่ มินซุก แอบใส่เงิน 50,000 วอน ลงในค่าใช้จ่าย เพื่อ…ทดสอบสมรรถภาพแฟนหนุ่มในห้องนอน (เออ ฉากนี้คนดูจำได้แน่นอน)
คิมฮเยจุน แข็งแรง แต่บทพาไปติดกรอบเดิม
คิมฮเยจุน ยังคงทำหน้าที่ได้ดีในบทผู้หญิงเข้มแข็ง
แต่ตัวละครมินซุกกลับหลุดไม่พ้นภาพจำแบบเดิม ๆ
ผู้หญิงดูแลบัญชีบ้าน หมกมุ่นอสังหาฯ แฟนสาวสายบ่น
ขณะที่ซังอุงก็ได้เป็น “ฮีโร่โดยไม่เต็มใจ” แบบไม่ต้องพยายามอะไรมาก
ทีมฮีโร่สายฮา…ที่ฮาไม่สุด
ซีรีส์พยายามเพิ่มความตลกด้วยทีมผู้ช่วย ได้แก่
● บยอนโฮอิน (คิมบยองชอล) ทะลุกำแพงได้เมื่อดื่มแอลกอฮอล์
● บังอึนมี (คิมฮยางกี) เคลื่อนย้ายวัตถุได้เมื่อกินขนมจุกจิก
ไอเดียน่ารักนะ
แต่เสียดายที่บทใช้พวกเขาแค่เป็น “ซัพพอร์ตฮีโร่”
แทนที่จะดึงความปั่น ความฮา หรือคาแรกเตอร์ให้โดดเด่นกว่านี้
ปัญหาใหญ่ที่สุด: ซีรีส์ไม่รู้ว่าตัวเองอยากเป็นอะไร
ชื่อ Cashero มาจากคำว่า Cash + Hero
เหมือนกับตัวซีรีส์ที่พยายามผสม จิตสำนึกทางสังคม + แอ็กชันซูเปอร์ฮีโร่
แต่ผสมออกมาแบบ…ไม่ค่อยกลม
ตอนแรกยังดูโอเค
แต่ตอนหลัง ๆ คุณภาพดรอปชัด
ในฐานะซีรีส์แอ็กชัน ก็ธรรมดา
แถมยังถูกกลบโดยรุ่นพี่อย่าง Moving, The Atypical Family
หรือแม้แต่ The Witch ที่ยังมีทิศทางชัดกว่า
อารมณ์ไม่ต่อเนื่อง เล่าเรื่องสะดุด
หนึ่งในตัวอย่างชัด ๆ คือ
ฉากที่ซังอุงช็อกกับภาพผู้บริสุทธิ์ล้มตายต่อหน้าวายร้าย โจนาธาน (อีแชมิน)
อารมณ์ควรหนักมาก…
แต่ตัดฉากมาอีกที กลายเป็นโมเมนต์หวาน ๆ ที่บ้าน ความเจ็บปวดหายไปเฉย
หลายครั้ง Cashero ดูเหมือนจะ
“โยนฉากอลังการ + อารมณ์หลากหลายใส่รวมกัน
แล้วปล่อยให้คนดูไปตีความเองว่าเรื่องมันควรรู้สึกยังไง”
สรุปแบบตรง ๆ
Cashero ไม่ใช่ซีรีส์แย่
ไอเดียดีมาก และตั้งต้นได้น่าสนใจ
แต่บทที่ไม่แข็งแรง และโทนที่แกว่งไปมา
ทำให้ซีรีส์ไปไม่สุดทางไหนสักทาง
เหมาะกับคนที่อยากดูอะไรเบา ๆ
ไม่ซีเรียสกับตรรกะ
และอยากลองดูซูเปอร์ฮีโร่เกาหลีในมุม “เงินคือพลัง”
📺 Cashero (2025) ยิงยาว 8 ตอน ทาง Netflix
หมายเหตุ: รีวิวนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วน ๆ
ตัวอย่าง Cashero (2025) ทาง Netflix
ถ้าคุณมีพลังซูเปอร์ฮีโร่ที่ต้องแลกด้วยเงินในกระเป๋าทุกบาท
คุณจะเลือกเป็น “ฮีโร่ของสังคม”
หรือเก็บเงินไว้ดูแลชีวิตตัวเองก่อน?
ภาพประกอบ : Instagram / netflixkr