“เมื่อสัญญาการเดินทางถูกยกเลิก แต่ผู้บริโภคไม่มีศาลให้ฟ้อง ต้องไปศาลทรัพย์สินฯ แค่ค่าขึ้นศาลก็แพงกว่าค่าตั๋ว!“
“ยกเลิกเที่ยวบิน ไม่คืนเงิน: ปัญหาทางกฎหมายที่ผู้โดยสารแพ้ตั้งแต่ต้น”
ตั้งกระทู้นี้เพื่อสะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างทางกฎหมาย
ไม่ใช่เพื่อกล่าวหาใครเป็นการส่วนตัว
ข้อเท็จจริง
ผู้ตั้งกระทู้ซื้อตั๋วเครื่องบินผ่านแพลตฟอร์ม
Traveloka เป็นเที่ยวบินของ
Hong Kong Airlines
ต่อมาสายการบินเป็นฝ่าย ยกเลิกเที่ยวบิน และผู้ตั้งกระทู้ ยื่นของคืนเงิน แต่โดนปฎิเสธการคืนเงิน!
ถาม Hongkong airlines อ้างว่าไม่ได้รับแจ้งจาก Traveloka ให้ไปคุยกันเอง!
ถาม Traveloka บอกสายการบินปฎิเสธ ไม้ให้คืนเงิน!
สิ่งที่ผู้โดยสารได้รับคือ
• ไม่มีการคืนเงิน ตั๋วหายวับจาก Traveloka app
• ไม่มีหน่วยงานใดสามารถ “บังคับ” ให้เกิดการเยียวยาได้จริง
การใช้สิทธิ
•ฟ้องศาลผู้บริโภค
ผลคือ เจ้าหน้าที่ศาลไม่รับคำฟ้อง และลบออกจะระบบ!
อ้างคำสั่งประธานศาลอุทธรณ์ชำนัญการพิเศษฯ ชี้ว่าอยู่ในเขตอำนาจศาลทรัพย์สินฯ
ผู้ตั้งกระทู้ร้องเรียนต่อ
•
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
•
สภาองค์กรของผู้บริโภค
ผลคือเรื่อง เงียบ โดยไม่มีคำสั่งหรือมาตรการใดที่ผู้ประกอบการต้องปฏิบัติตาม
ร้องเรียนต่อ
กรมการบินพลเรือน
ซึ่งให้ความเห็นว่า
สายการบินไม่ได้เสนอทางเลือกแก่ผู้โดยสารอย่างครบถ้วน
อย่างไรก็ดี ความเห็นดังกล่าวเป็นเพียง “ความเห็นเชิงกำกับดูแล”
ไม่มีผลบังคับตามกฎหมายให้เกิดการคืนเงินหรือเยียวยาใด ๆ
สายการบินทำผิดชัดเจน แต่สรุปความเห็นออกมาให้เบาที่สุด และยุติเรื่องทันที เพื่อช่วยเหลือใคร?!
ปัญหาที่แท้จริงอาจไม่ใช่สายการบินหรือแพลตฟอร์มเพียงรายเดียว
แต่คือโครงสร้างกฎหมายที่ทำให้
• ผู้บริโภค ไม่สามารถฟ้องศาลผู้บริโภคได้
• ถูกผลักไปยังศาลอื่นที่มีต้นทุนสูง ไม่สอดคล้องกับมูลค่าความเสียหาย
• หน่วยงานรัฐมีเพียงอำนาจ “รับเรื่องและให้ความเห็น”
แต่ ไม่สามารถบังคับให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามได้ ทั้งๆที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนเป็นวงกว้าง
หากผู้ให้บริการเป็นฝ่ายยกเลิกสัญญา เหตุใดผู้บริโภคจึงต้องแบกรับความเสี่ยงทั้งหมด
แพลตฟอร์มขายตั๋วควรมีสถานะเป็นเพียงแค่ “ตัวกลาง” จริงหรือไม่ เมื่อเป็นผู้รับเงินจากผู้บริโภคโดยตรง
ระบบศาลและหน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภคในปัจจุบัน
เอื้อให้ผู้บริโภคบังคับสิทธิได้จริง หรือเพียงให้ความรู้สึกว่ามีช่องทางให้ร้องเรียน
หากปัญหานี้เกิดกับผู้บริโภคหลายราย
แต่ไม่มีใครสามารถบังคับสิทธิได้จริง
คำถามคือ ระบบนี้กำลังคุ้มครองใครอยู่กันแน่
ขอแลกเปลี่ยนความเห็นจากผู้รู้ด้านกฎหมาย
หรือผู้ที่เคยประสบปัญหาลักษณะเดียวกันค่ะ
ตั๋วเครื่องบินถูกยกเลิก แต่ไม่คืนเงิน — ผู้บริโภคติดกับดักเขตอำนาจศาล
“ยกเลิกเที่ยวบิน ไม่คืนเงิน: ปัญหาทางกฎหมายที่ผู้โดยสารแพ้ตั้งแต่ต้น”
ตั้งกระทู้นี้เพื่อสะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างทางกฎหมาย
ไม่ใช่เพื่อกล่าวหาใครเป็นการส่วนตัว
ข้อเท็จจริง
ผู้ตั้งกระทู้ซื้อตั๋วเครื่องบินผ่านแพลตฟอร์ม Traveloka เป็นเที่ยวบินของ Hong Kong Airlines
ต่อมาสายการบินเป็นฝ่าย ยกเลิกเที่ยวบิน และผู้ตั้งกระทู้ ยื่นของคืนเงิน แต่โดนปฎิเสธการคืนเงิน!
ถาม Hongkong airlines อ้างว่าไม่ได้รับแจ้งจาก Traveloka ให้ไปคุยกันเอง!
ถาม Traveloka บอกสายการบินปฎิเสธ ไม้ให้คืนเงิน!
สิ่งที่ผู้โดยสารได้รับคือ
• ไม่มีการคืนเงิน ตั๋วหายวับจาก Traveloka app
• ไม่มีหน่วยงานใดสามารถ “บังคับ” ให้เกิดการเยียวยาได้จริง
การใช้สิทธิ
•ฟ้องศาลผู้บริโภค
ผลคือ เจ้าหน้าที่ศาลไม่รับคำฟ้อง และลบออกจะระบบ!
อ้างคำสั่งประธานศาลอุทธรณ์ชำนัญการพิเศษฯ ชี้ว่าอยู่ในเขตอำนาจศาลทรัพย์สินฯ
ผู้ตั้งกระทู้ร้องเรียนต่อ
• สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
• สภาองค์กรของผู้บริโภค
ผลคือเรื่อง เงียบ โดยไม่มีคำสั่งหรือมาตรการใดที่ผู้ประกอบการต้องปฏิบัติตาม
ร้องเรียนต่อ กรมการบินพลเรือน
ซึ่งให้ความเห็นว่า
สายการบินไม่ได้เสนอทางเลือกแก่ผู้โดยสารอย่างครบถ้วน
อย่างไรก็ดี ความเห็นดังกล่าวเป็นเพียง “ความเห็นเชิงกำกับดูแล”
ไม่มีผลบังคับตามกฎหมายให้เกิดการคืนเงินหรือเยียวยาใด ๆ
สายการบินทำผิดชัดเจน แต่สรุปความเห็นออกมาให้เบาที่สุด และยุติเรื่องทันที เพื่อช่วยเหลือใคร?!
ปัญหาที่แท้จริงอาจไม่ใช่สายการบินหรือแพลตฟอร์มเพียงรายเดียว
แต่คือโครงสร้างกฎหมายที่ทำให้
• ผู้บริโภค ไม่สามารถฟ้องศาลผู้บริโภคได้
• ถูกผลักไปยังศาลอื่นที่มีต้นทุนสูง ไม่สอดคล้องกับมูลค่าความเสียหาย
• หน่วยงานรัฐมีเพียงอำนาจ “รับเรื่องและให้ความเห็น”
แต่ ไม่สามารถบังคับให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามได้ ทั้งๆที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนเป็นวงกว้าง
หากผู้ให้บริการเป็นฝ่ายยกเลิกสัญญา เหตุใดผู้บริโภคจึงต้องแบกรับความเสี่ยงทั้งหมด
แพลตฟอร์มขายตั๋วควรมีสถานะเป็นเพียงแค่ “ตัวกลาง” จริงหรือไม่ เมื่อเป็นผู้รับเงินจากผู้บริโภคโดยตรง
ระบบศาลและหน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภคในปัจจุบัน
เอื้อให้ผู้บริโภคบังคับสิทธิได้จริง หรือเพียงให้ความรู้สึกว่ามีช่องทางให้ร้องเรียน
หากปัญหานี้เกิดกับผู้บริโภคหลายราย
แต่ไม่มีใครสามารถบังคับสิทธิได้จริง
คำถามคือ ระบบนี้กำลังคุ้มครองใครอยู่กันแน่
ขอแลกเปลี่ยนความเห็นจากผู้รู้ด้านกฎหมาย
หรือผู้ที่เคยประสบปัญหาลักษณะเดียวกันค่ะ