ทำไมความร้อน ถึงเยียวยาความเหงาได้….“ห้องซาวน่า”

ซาวน่ากับสุขภาพใจของชาวฟินแลนด์

ทำไมความร้อนถึงเยียวยาความเหงาได้
บทสนทนากับมาร์ยา คืนที่ฉันคิดว่าเหงื่อคือความเข้าใจมนุษย์

สัปดาห์ก่อนฉันลืมเล่าให้คุณฟังว่า
มาร์ยา เพื่อนสนิทชาวฟินแลนด์ของฉัน
เธอเพิ่งเปิดกิจการซาวน่าที่ริมเลคเจนีวาค่ะคุณ

และเมื่อคืนนี้…ฉันก็มีเรื่องมาเล่าให้คุณฟังอีกแล้วค่ะ 😉

ให้คุณนึกภาพตาม

ข้างนอกเป็นอุณหภูมิที่ถ้าตกใจแรงไปหน่อยลมหายใจอาจแข็งเป็นน้ำแข็งได้ค่ะคุณ

มาร์ยาถอดผ้าพันคอ โยนเสื้อแจ็กเก็ตใส่เก้าอี้
แล้วพูดประโยคที่ฉันได้ยินครั้งแรกในชีวิตว่า:

“วันนี้ขอซาวน่านะ…ฉันคิดอะไรไม่ออกเลย”

ฉันหัวเราะ
“มาร์ยา นี่มันสามทุ่มนะ”

เธอถอนหายใจแรงมาก

“ยิ่งดี…ยิ่งดึกยิ่งคิดลึก”

แล้วเธอก็ยกถุงอะไรสักอย่างขึ้นมา
เปิดดูคือผ้าเช็ดตัว น้ำ ขนมปัง ขวดไวน์
เหมือนคนเดินทางมาพักฟื้นจิตใจด้วยซาวน่าโดยเฉพาะ

ฉันยืนมองแล้วคิดว่า…
โอเค คืนนี้เราจะได้คุยอะไรที่อยู่นอกเหนือความเข้าใจของสามัญมนุษย์แน่นอน

ตอนที่ 1: ซาวน่าในฟินแลนด์ = ห้องปรับสภาวะจิตใจของประเทศ

พอเรานั่งในซาวน่าที่ร้อนจนไฟหน้าแทบละลายได้
ฉันก็ถามแบบไม่รอให้เหงื่อซึมก่อนด้วยซ้ำ:

“ทำไมพวกเธอถึงอินกับซาวน่าขนาดนี้?
คือมันร้อนไม่มีเหตุผลมากนะสำหรับคนที่อากาศข้างนอก -10 องศา”

มาร์ยาหัวเราะเบา ๆ
“ไม่ใช่หรอก ซาวน่าคือที่ที่เรากลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง
มันคือห้องที่ทำให้หัวใจได้รีสตาร์ท”

ฉัน:
“โอเค นี่เริ่มลึกตั้งแต่นาทีแรกเลย”

เธอพูดต่ออย่างใจเย็น
แม้เหงื่อจะหยดลงมาจากคาง:

“ซาวน่าในฟินแลนด์ไม่ใช่กิจกรรม
มันคือพิธีกรรม
ทั้งประเทศมีห้องซาวน่ามากกว่าจำนวนรถยนต์อีก”

ฉันผงะ
“จริงเหรอ!?”

เธอพยักหน้า
“ฟินแลนด์มีประชากร 5.5 ล้านคน แต่มีห้องซาวน่า 3.3 ล้านห้อง
เราเข้าซาวน่าตั้งแต่เด็กจนโต
บางทีคนฟินน์ได้เรียนรู้ปรัชญาชีวิตในซาวน่ามากกว่าในห้องเรียนอีกนะ”

ฉันฟังแล้วทึ่งมาก
เติบโตมากับศาสนาหรือสถาบันอะไรก็ตาม
แต่ไม่เคยคิดว่าประเทศหนึ่งจะเติบโตมากับ “ความร้อน” แบบนี้

ตอนที่ 2: ความร้อนทำให้คนพูดความจริง

ฉันถามต่อ
“แล้วซาวน่าเกี่ยวอะไรกับความสุข หรือความคิดลึก ๆ ยังไง?”

มาร์ยันั่งพิงผนังไม้
เหมือนกำลังถ่ายทอดบทความวิชาการเวอร์ชันเพื่อนซี้:

“พอร่างกายร้อน จิตใจก็ปล่อยเกราะลง”

ฉันเลิกคิ้ว
“เกราะ?”

เธออธิบายแบบง่ายมาก:

“อุณหภูมิที่สูงทำให้ร่างกายเหนื่อยเร็ว
พอเหนื่อย…อัตตาก็พัก
ใจเลยซื่อสัตย์มากขึ้น
นี่คือเหตุผลว่าทำไมคนฟินน์คุยเรื่องจริงจังในซาวน่าโดยไม่ทะเลาะ”

ฉันหัวเราะ
“เพราะไม่มีแรงใช่ไหม?”

มาร์ยาหัวเราะตาม
“ใช่! จะทะเลาะไปทำไม…ร้อนจะตายอยู่แล้ว”

แล้วเธอพูดประโยคที่ทำฉันนิ่งไปสิบวินาที:

“ซาวน่าคือที่ที่ไม่มีใครเหนือกว่าใคร
ทุกคนเหงื่อเท่ากัน
ทุกคนเหนื่อยเท่ากัน“

ฉันพยักหน้า
นี่มันสังคมในอุดมคติชัด ๆ

ใจยังไม่ค่อยเชื่อตาม แต่ก็อยากฟังต่อ

ตอนที่ 3: ความร้อนทำให้ความเหงาถูกปล่อยออกทีละหยด

ฉันถามมาร์ยาว่า
“งั้นทำไมบางคนถึงบอกว่าซาวน่าช่วยเรื่องสุขภาพใจ?”

มาร์ยาหยิบผ้าซับเหงื่อแล้วพูดเบา ๆ แต่ชัดมาก:

“เพราะบางทีเราไม่ได้ร้องไห้ด้วยน้ำตา
แต่ร้องไห้ด้วยเหงื่อ”

ฉันอ้าปากค้าง
ประโยคนี้คือบทกวีแห่งความร้อนเลย

เธอเล่าต่อ:

“คนฟินแลนด์ส่วนใหญ่ไม่ชอบเล่าเรื่องเศร้า
ไม่ชอบระบายออกมาผ่านคำพูด
แต่ซาวน่าคือที่ที่เราปล่อยทุกอย่างโดยไม่ต้องพูด
น้ำร้อน ๆ มันช่วยล้างความคิดฟุ้งซ่าน
ช่วยให้เรากลับมาตรงกลางอีกครั้ง”

ฉันถาม
“แล้วเธอคิดว่ามันช่วยจริงไหม?”

มาร์ยาหัวเราะ
“ถ้ามันไม่ช่วย ฟินแลนด์คงไม่สร้างซาวน่าทุกหลังคาบ้านหรอก”

ตอนที่ 4: ซาวน่าคือพื้นที่ที่ ‘ไม่มีใครต้องเก่ง’

ฉันถามต่อว่า
“ซาวน่านี่เป็นเหมือนห้องบำบัดของทุกวัยเลยไหม?”

มาร์ยาพยักหน้า
“ใช่…ตั้งแต่เด็กจนแก่
เราเข้าไปโดยไม่ต้องแต่งตัวสวย
ไม่ต้องเก่ง
ไม่ต้องสนใจว่ามีใครคิดอะไร
เป็นเราที่สมบูรณ์ที่สุด”

ฉันยิ้ม
“แค่ฟังฉันยังรู้สึกเบาเลยนะ”

เธอพูดต่อว่า:

“โลกข้างนอกมันมีบทบาทเต็มไปหมด
ลูกที่ดี
พ่อแม่ที่ดี
พนักงานที่ดี
หัวหน้าที่ดี
แต่ในซาวน่า…เราเป็นแค่คนหนึ่งคน
ที่มีหัวใจเต้นเหมือนกัน
และร้อนเหมือนกัน”

ฉันฟังแล้วเข้าใจเลยว่า
ความสุขของฟินแลนด์ไม่ใช่ความสุขแบบสนุกสนาน
แต่มันเป็นความสุขแบบ…
ความเป็นมนุษย์ที่ไม่ต้องอธิบายให้ใครฟัง

ตอนที่ 5: บทสนทนาที่ลึกที่สุดมักเกิดในความร้อนที่สุด

ฉันถามเธอเล่น ๆ
“งั้นเธอคิดว่าบทสนทนาที่ดีที่สุดของเธอเกิดที่ไหน?”

มาร์ยาตอบทันที
“ในซาวน่าแน่นอน”

ฉันหัวเราะ
“แต่ถ้าร้อนมาก พูดไม่ออกนี่?”

เธอส่ายหัว
“ซาวน่าไม่ทำให้พูดไม่ได้
มันทำให้ ‘พูดแต่สิ่งที่สำคัญ’ ต่างหาก”

ฉันฟังแล้วรู้สึกว่าเพื่อนฉันนี่ล้ำมาก
เหมือนเอาหิมะมาผ่านเตาแล้วได้ปรัชญาชีวิตออกมาเป็นไอน้ำ

ตอนที่ 6: ซาวน่าคือ Working Space ของความคิดลึก

ฉันถามต่อ
“คนฟินแลนด์คิดอะไรเวลาอยู่ในซาวน่า?”

เธอตอบง่าย ๆ:

“ทุกอย่าง…ตั้งแต่เรื่องโลก ไปจนถึงเรื่องทำแพนเค้กเช้าวันพรุ่งนี้”

ฉันหลุดหัวเราะ
“สุดท้ายก็เรื่องกิน!”

เธอหัวเราะตาม
“ใช่ แต่ประเด็นคือ ในซาวน่า สมองมันเดินช้าลง
เราจึงคิดเป็นเส้น ไม่ใช่กระโดดไปมา
เลยคิดได้ลึกกว่าปกติ”

โอ้…ฉันเพิ่งเข้าใจเลยว่า
ความร้อนทำให้ความคิดนิ่ง
และความนิ่งนี่แหละคือแหล่งกำเนิดของความลึก

ตอนที่ 7: ซาวน่าคือบทเรียนเรื่อง ‘ทนร้อนได้ ก็ทนโลกได้’

ฉันถามเธอว่า
“แล้วเด็ก ๆ เข้าไปทำไม? ร้อนไปไหม?”

เธอตอบทันที
“เพราะมันคือบทเรียนเรื่องความทนทาน
และมันเชื่อมกับ Sisu ที่เธอเพิ่งเรียนรู้เมื่อวันก่อน”

ฉันรีบถาม
“ยังไง?”

มาร์ยาอธิบายว่า:

“ซาวน่าสอนให้เรารู้ว่า ความไม่สบายใจเป็นเพียงชั่วคราว
และถ้าผ่านไปได้ เราจะสงบขึ้นกว่าเดิม”

ฉันต้องปรบมือให้เธอในใจ
เพราะนี่คือพื้นฐานของ resilience ทั้งหมดในมนุษย์เลย

ตอนที่ 8: ความร้อนที่ทำให้คนฟินแลนด์ไม่แตกตื่นง่าย

ฉันพูดขึ้นว่า
“ฉันสังเกตว่าคนฟินแลนด์ไม่ตื่นตระหนกง่ายเลยนะ”

มาร์ยาพยักหน้า
“ใช่ เพราะเราชินกับการนั่งในความร้อนจนใจนิ่ง
เราฝึกความใจเย็นมาตั้งแต่เด็กแบบเนียน ๆ
ซาวน่าคือคลาสสมาธิเพื่อความนิ่งของคนทั้งประเทศโดยไม่ต้องเรียกว่าคลาสสมาธิ”

ฉันนี่พ่นลมหายใจออกมา
แล้วนึกถึงตัวเองว่า ติดชอบนั่งสมาธิ ในห้องแอร์เย็นๆ ตลอดเลย 😅 เป็นฝั่งตรงกันข้าม ที่ติดสุข…โดยสิ้นเชิง

ตอนที่ 9: ความเหงาหนักแค่ไหน ซาวน่าก็เอาอยู่

ฉันถามตรง ๆ
“งั้นเวลาคนฟินน์เศร้า เขาหายยังไง?”

มาร์ยาตอบเบา ๆ แต่ชัดมาก:

“เราเข้าซาวน่า
เพราะความร้อนมันบีบความเหงาออกมาทีละนิด
มันทำให้เราได้อยู่กับตัวเองแบบไม่หนี
และพอเราไม่หนี เราก็ไม่จม”

ฉันฟังแล้วรู้สึกว่า
นี่คือเหตุผลจริง ๆ ที่ทำให้ฟินแลนด์ผ่านฤดูหนาวยาว ๆ ได้
ทั้งอากาศหนาว และหัวใจบางฤดูกาลหนาวตาม

บทส่งท้าย — ความร้อนคือภาษาที่ไม่ต้องแปล

ตอนเราออกจากซาวน่า
ทั้งตัวเปียกเหงื่อ
ผมยุ่ง
หน้าแดง
แต่หัวใจเบาแบบแปลกมาก

ฉันหันไปถามมาร์ยาเบา ๆ ว่า:

“เธอคิดว่าซาวน่าทำให้คนฟินแลนด์สุขกว่าเดิมไหม?”

เธอยิ้มบาง ๆ แล้วตอบว่า:

“มันไม่ได้ทำให้เราสุขกว่าเดิม
มันทำให้เราไม่ทุกข์เกินไป
และบางที…นั่นแหละคือความสุขที่สุดแล้ว”

และฉันก็เชื่อเธอ
เต็มหัวใจ นางเป็นมนุษย์แบบนั้นจริง
ไม่ได้พูดเอาเท่ห์

คืนที่เราเข้าไปในห้องร้อนร่วมกัน
ฉันได้เข้าใจมนุษย์อีกหนึ่งแบบ
เข้าใจว่าบางครั้งเราต้องทุกข์พอสมควรก่อน
ถึงจะกลับมานิ่งได้อีกครั้ง

และซาวน่าก็คือบทเรียนของฟินแลนด์ที่บอกเราว่า:

“ความร้อนบางครั้งทำให้ใจมนุษย์เย็นลงได้มากกว่าอะไรทั้งหมด”

นี่ฉันมาสายปรัชญาตั้งแต่เมื่อไหร่คะคุณ

แอนนาเบล
CR https://www.facebook.com/share/17awegR88T/?mibextid=wwXIfr
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่