ดูก่อนอานนท์ !
ถ้าอยากได้สุขอันใด ก็ควรรู้จักสุขอันนั้นก่อน จึงจะได้ เมื่ออยากได้สุขในพระนิพพาน
ก็ควรรู้จักสุขในพระนิพพาน
อยากได้สุขในมนุษย์แลสวรรค์ ก็ให้รู้จักสุข
ในมนุษย์แลสวรรค์นั้นเสียก่อน จึงจะได้
ถ้าไม่รู้จักสุขอันใด
ก็ไม่อาจยังความสุข อันนั้น...ให้เกิดขึ้นได้
ไม่เหมือนทุกข์ในนรก อันทุกข์ในนรกนั้น...
จะรู้ก็ตาม ไม่รู้ก็ตาม ถ้าทำกรรมที่เป็นบาปแล้ว...ผู้ที่รู้ หรือผู้ที่ไม่รู้ ก็ตกนรกเหมือนกัน
ถ้าไม่รู้จักนรก
ก็ยิ่งไม่มีเวลา ที่จะพ้นจากนรกได้ถึงจะทำบุญให้ทานสักปานใด ก็ไม่อาจจะพ้นจากนรกได้
แต่มิใช่ว่า...ทำบุญให้ทาน มิได้บุญ
ความสุขที่แต่การทำบุญนั้น...มีอยู่ แต่ว่าเป็นความสุขที่ยังไม่พ้นจากทุกข์ในนรก
เมื่อยังไม่รู้ ไม่เห็นนรกตราบใด ก็ยังไม่พ้นจากนรกอยู่ตราบนั้น...
ครั้นได้เข้าถึงนรกแล้ว...
เมื่อได้รู้ทางออกจากนรกได้แล้ว ปรารถนา
จักพ้นจากนรก ก็พ้นได้ เมื่อไม่อยากพ้น
ก็ไม่อาจพ้นได้ ต้องรู้จักแจ้งชัดว่า...นรกอยู่
ในที่นั้น ๆ มีลักษณะอาการอย่างนั้น ๆ และ
ควรจะรู้จักทางออกจากนรกให้แจ้งชัด
ทางออกจากนรกนั้นคือ ศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ ศีลพระปาฏิโมกข์นั้นเอง
เมื่อรู้แล้วอยากจะออกให้พ้น ก็ออกได้
ไม่อยากจะออกให้พ้น ก็พ้นไม่ได้
ผู้ที่รู้กับผู้ที่ไม่รู้ ย่อมได้รับทุกข์ในนรกเหมือนกัน ส่วนความสุขในมนุษย์ แลสวรรค์ แลพระนิพพานนั้น...ต้องรู้จักจึงจะได้ ถ้าไม่รู้
ไม่เข้าใจ ไม่ได้เลย มีอาการต่างกัน ดังนี้
ดูก่อนอานนท์ !
เมื่ออยากรู้จักนรก แลสวรรค์ แลพระนิพพาน ก็ควรให้รู้เสียก่อนในเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่...
เมื่ออยากพ้นทุกข์ในนรก ก็รีบออกให้พ้นเสียตั้งแต่ยังไม่ตาย เมื่ออยากได้สุขในมนุษย์
หรือในสวรรค์ หรือในนิพพาน ก็รีบขวนขวายหาความสุขเหล่านั้นไว้ แต่...เมื่อยังไม่ตาย
จะถือว่าตายแล้วจึงจะพ้นทุกข์ในนรก
ตายแล้วจึงจะไปสวรรค์ ไปพระนิพพานดังนี้
เป็นอันใช้ไม่ได้ เสียประโยชน์เปล่า
อย่าเข้าใจว่า...เมื่อมีชีวิตอยู่สุขอย่างหนึ่ง
เมื่อตายไปแล้ว มีสุขอีกอย่างหนึ่ง
เช่นนี้...เป็นความที่เข้าใจผิดโดยแท้
เพราะจิตมีดวงเดียว เมื่อมีชีวิตอยู่...ก็จิตดวงนี้
เมื่อตายไปแล้ว...ก็จิตดวงเดียวกันนี้."
ความบางตอนที่สำคัญที่
พระพุทธเจ้าทรงตรัสกับพระอานนท์
#คิริมานนทสูตร
พระพุทธเจ้าสอนพระอานนท์เรื่องอะไร
ถ้าอยากได้สุขอันใด ก็ควรรู้จักสุขอันนั้นก่อน จึงจะได้ เมื่ออยากได้สุขในพระนิพพาน
ก็ควรรู้จักสุขในพระนิพพาน
อยากได้สุขในมนุษย์แลสวรรค์ ก็ให้รู้จักสุข
ในมนุษย์แลสวรรค์นั้นเสียก่อน จึงจะได้
ถ้าไม่รู้จักสุขอันใด
ก็ไม่อาจยังความสุข อันนั้น...ให้เกิดขึ้นได้
ไม่เหมือนทุกข์ในนรก อันทุกข์ในนรกนั้น...
จะรู้ก็ตาม ไม่รู้ก็ตาม ถ้าทำกรรมที่เป็นบาปแล้ว...ผู้ที่รู้ หรือผู้ที่ไม่รู้ ก็ตกนรกเหมือนกัน
ถ้าไม่รู้จักนรก
ก็ยิ่งไม่มีเวลา ที่จะพ้นจากนรกได้ถึงจะทำบุญให้ทานสักปานใด ก็ไม่อาจจะพ้นจากนรกได้
แต่มิใช่ว่า...ทำบุญให้ทาน มิได้บุญ
ความสุขที่แต่การทำบุญนั้น...มีอยู่ แต่ว่าเป็นความสุขที่ยังไม่พ้นจากทุกข์ในนรก
เมื่อยังไม่รู้ ไม่เห็นนรกตราบใด ก็ยังไม่พ้นจากนรกอยู่ตราบนั้น...
ครั้นได้เข้าถึงนรกแล้ว...
เมื่อได้รู้ทางออกจากนรกได้แล้ว ปรารถนา
จักพ้นจากนรก ก็พ้นได้ เมื่อไม่อยากพ้น
ก็ไม่อาจพ้นได้ ต้องรู้จักแจ้งชัดว่า...นรกอยู่
ในที่นั้น ๆ มีลักษณะอาการอย่างนั้น ๆ และ
ควรจะรู้จักทางออกจากนรกให้แจ้งชัด
ทางออกจากนรกนั้นคือ ศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ ศีลพระปาฏิโมกข์นั้นเอง
เมื่อรู้แล้วอยากจะออกให้พ้น ก็ออกได้
ไม่อยากจะออกให้พ้น ก็พ้นไม่ได้
ผู้ที่รู้กับผู้ที่ไม่รู้ ย่อมได้รับทุกข์ในนรกเหมือนกัน ส่วนความสุขในมนุษย์ แลสวรรค์ แลพระนิพพานนั้น...ต้องรู้จักจึงจะได้ ถ้าไม่รู้
ไม่เข้าใจ ไม่ได้เลย มีอาการต่างกัน ดังนี้
ดูก่อนอานนท์ !
เมื่ออยากรู้จักนรก แลสวรรค์ แลพระนิพพาน ก็ควรให้รู้เสียก่อนในเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่...
เมื่ออยากพ้นทุกข์ในนรก ก็รีบออกให้พ้นเสียตั้งแต่ยังไม่ตาย เมื่ออยากได้สุขในมนุษย์
หรือในสวรรค์ หรือในนิพพาน ก็รีบขวนขวายหาความสุขเหล่านั้นไว้ แต่...เมื่อยังไม่ตาย
จะถือว่าตายแล้วจึงจะพ้นทุกข์ในนรก
ตายแล้วจึงจะไปสวรรค์ ไปพระนิพพานดังนี้
เป็นอันใช้ไม่ได้ เสียประโยชน์เปล่า
อย่าเข้าใจว่า...เมื่อมีชีวิตอยู่สุขอย่างหนึ่ง
เมื่อตายไปแล้ว มีสุขอีกอย่างหนึ่ง
เช่นนี้...เป็นความที่เข้าใจผิดโดยแท้
เพราะจิตมีดวงเดียว เมื่อมีชีวิตอยู่...ก็จิตดวงนี้
เมื่อตายไปแล้ว...ก็จิตดวงเดียวกันนี้."
ความบางตอนที่สำคัญที่
พระพุทธเจ้าทรงตรัสกับพระอานนท์
#คิริมานนทสูตร