กิเลส​ดับไม่ได้​ ทำ​ได้​ แค่ละ

กระทู้คำถาม
"สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ของเรา
ท่านจึงว่าเมื่อเราเห็นรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์เกิดขึ้นมาแล้ว...
ควรปล่อยเขาไปเสีย เมื่อหูได้ยินเสียง
ก็ปล่อยเขาไปเสีย เมื่อจมูกได้กลิ่น ก็ปล่อยเขาไปเสีย เมื่อรสมันเกิดขึ้นกับลิ้นของเรา
ก็ปล่อยเขาไปเสีย เมื่อโผฏฐัพพะที่ถูกต้องด้วยกายเกิดขึ้นมา ชอบใจ ไม่ชอบใจ
ก็ปล่อยเขาไปเสีย ให้กลับไปที่เดิมของเขาเสีย

เรื่องธรรมารมณ์ที่เกิดขึ้นกับใจของเรานี้
มันไม่ต้องอาศัยอะไร ไม่ต้องอาศัยสัมผัส
อะไร มันสัมผัสขึ้นที่ใจของมันเอง เรียกว่า ธรรมารมณ์ หรือธรรมะ กับอารมณ์
เป็นส่วนดีก็เรียกว่า กุศล
เป็นส่วนที่ชั่วก็เรียกว่า อกุศล
สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ให้ปล่อยไปตามเรื่องของเขาเสีย เรียกว่าเรารู้มันอย่างนี้แล้ว...
สุขก็ดี ทุกข์ก็ดี สารพัดอย่างอยู่ในรูปอันเดียวกัน การทําใจให้สงบเช่นนี้เรียกว่า...
การภาวนา...

การภาวนา...
คือการทําให้สงบ เมื่อสงบแล้ว...
ก็คือทำให้รู้...การทำให้สงบ หรือทำให้รู้นี้! ต้องลงมือปฏิบัติกาย กับจิตสองอย่างนี้เอง ไม่ใช่อื่น...
ความเป็นจริงสิ่งที่กล่าวนี้ มันเป็นสิ่งละสิ่ง
เช่นรูป ก็เป็นส่วนหนึ่ง  เสียง ก็เป็นส่วนหนึ่ง กลิ่น ก็เป็นส่วนหนึ่ง  รส ก็เป็นส่วนหนึ่ง โผฏฐัพพะ ก็เป็นส่วนหนึ่ง  ธรรมารมณ์ ก็เป็นส่วนหนึ่ง

แต่ละอย่างนี้ ก็เป็นคนละส่วนๆ อยู่...
แต่ท่านก็ให้เรารู้จักมันเสีย แยกสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ออก สรุปเป็นสุขบ้าง ทุกข์บ้าง
สุขเกิดขึ้นมา ก็เป็นสุขเวทนา
ทุกข์มันเกิดขึ้นมา ก็เรียกทุกขเวทนา."

พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภทฺโท)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่