ส่อแววพังมากกว่าปัง ‘สงครามฟู้ดเดลิเวอรี’ 3 ยักษ์ใหญ่จีนเผาเงิน 8 หมื่นล้านหยวน ขาดทุนมหาศาล
.
หลังผ่านพ้น “สงครามฟู้ดเดลิเวอรี” อันดุเดือดในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 ของปี 2025 ผลประกอบการของ 3 ยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีจีนอย่าง Meituan, Alibaba และ JD.com ต่างออกมาในทิศทางที่ “เจ็บตัว” อย่างหนัก จากการทุ่มงบประมาณอุดหนุน เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาด
.
ตัวเลขความเสียหายที่น่าตกใจเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 พ.ย. ที่ผ่านมา Meituan รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ขาดทุนสุทธิสูงถึง 1.6 หมื่นล้านหยวน ซึ่งถือเป็นการขาดทุนครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 1.28 หมื่นล้านหยวน ในขณะที่ Alibaba กำไรสุทธิลดลง 52% และ JD.com กำไรลดลง 55%
.
สื่อจีน The Paper ประเมินว่า ช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมา ทั้ง 3 บริษัทได้ “เผาเงิน” ไปรวมกันกว่า 80,000 ล้านหยวน (ราว 3.6 แสนล้านบาท) โดยเฉพาะในไตรมาส 3 เพียงไตรมาสเดียวมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นนับหมื่นล้านหยวนเพื่อทำสงครามราคา
.
กลยุทธ์ที่แลกมาด้วยเลือด เงินจำนวนมหาศาลถูกใช้ไปกับค่าการตลาดและโปรโมชั่นจูงใจผู้ใช้
.
👉🏿Meituan: ค่าใช้จ่ายการตลาดพุ่งขึ้น 90.9% เป็น 3.43 หมื่นล้านหยวน
👉🏿JD.com: ค่าใช้จ่ายการตลาดเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว เป็น 2.11 หมื่นล้านหยวน เพื่อผลักดันธุรกิจเดลิเวอรีที่เป็น New Business
👉🏿Alibaba: แม้ไม่ระบุตัวเลขเจาะจง แต่ค่าใช้จ่ายการตลาดรวมพุ่งสูงถึง 6.64 หมื่นล้านหยวน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการทุ่มให้กับบริการส่งด่วน
.
ผู้บริหารของทั้ง 3 ค่ายต่างยอมรับถึงแรงกดดัน โดย Alibaba ระบุว่าจะเริ่มลดงบประมาณลงในไตรมาสหน้า ในขณะที่ Wang Xing ซีอีโอของ Meituan ยืนยันว่าแม้จะขาดทุนหนัก แต่จำเป็นต้องลงทุนต่อเพื่อรักษาสถานะผู้นำตลาด
.
แม้แพลตฟอร์มจะอ้างว่าส่วนแบ่งการตลาดฟื้นตัว หรือยอดสั่งซื้อต่อบิลสูงขึ้น แต่ในมุมมองเศรษฐศาสตร์ สมรภูมินี้อาจเป็นสงครามที่ “ไร้ผู้ชนะ”
.
งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยฟู่ตั้นชี้ว่า การอัดฉีดเงินอุดหนุนทำให้ยอดสั่งซื้อพุ่งขึ้นจริง แต่ร้านค้ากลับประสบภาวะ “ปริมาณเพิ่ม แต่รายได้ลด” เพราะผู้บริโภคเปลี่ยนจากการทานที่ร้าน ซึ่งมีกำไรสูงกว่า มาสั่งเดลิเวอรีที่กำไรบางเฉียบแทน ส่งผลให้กำไรโดยรวมของร้านอาหารลดลงเฉลี่ย 8.9% ในช่วงที่การแข่งขันรุนแรง
.
“อาหลิน” ไรเดอร์รุ่นเก๋า เปิดเผยว่า สงครามราคาทำให้ค่ารอบลดลง คนขับต้องทำงานหนักขึ้นจากเดิม 5 ชั่วโมง เป็น 10 ชั่วโมงเพื่อให้ได้รายได้เท่าเดิม นอกจากนี้ การทุ่มเงินอุดหนุนยังดึงดูดไรเดอร์หน้าใหม่เข้ามาในระบบจำนวนมาก ซึ่งอาจกลายเป็นปัญหาคนขับล้นตลาดเมื่อโปรโมชั่นจบลง
.
บทสรุป
.
นักวิชาการด้านกฎหมายการแข่งขันทางการค้ามองว่า การทุ่มเงินเกือบแสนล้านหยวนนี้เป็นรูปแบบการแข่งขันที่ “ไม่สมเหตุสมผล” และเป็นเพียงการแข่งขันรุนแรงที่ไม่ช่วยให้เกิดการพัฒนาในระยะยาว รัฐบาลจีนอาจต้องงัดกฎหมายราคาและกฎหมายต่อต้านการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมมาควบคุม เพื่อผลักดันให้แพลตฟอร์มแข่งขันกันที่ “คุณภาพและนวัตกรรม” แทนการตัดราคาที่สร้างความเสียหายให้ทั้งระบบ
..
.
ติดต่อเรา Email: info@jeenthainews.com
.
.
#Alibaba #สงครามส่งด่วน
💸 ส่อแววพังมากกว่าปัง ‘สงครามฟู้ดเดลิเวอรี’ 3 ยักษ์ใหญ่จีนเผาเงิน 8 หมื่นล้านหยวน ขาดทุนมหาศาล
.
หลังผ่านพ้น “สงครามฟู้ดเดลิเวอรี” อันดุเดือดในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 ของปี 2025 ผลประกอบการของ 3 ยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีจีนอย่าง Meituan, Alibaba และ JD.com ต่างออกมาในทิศทางที่ “เจ็บตัว” อย่างหนัก จากการทุ่มงบประมาณอุดหนุน เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาด
.
ตัวเลขความเสียหายที่น่าตกใจเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 พ.ย. ที่ผ่านมา Meituan รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ขาดทุนสุทธิสูงถึง 1.6 หมื่นล้านหยวน ซึ่งถือเป็นการขาดทุนครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 1.28 หมื่นล้านหยวน ในขณะที่ Alibaba กำไรสุทธิลดลง 52% และ JD.com กำไรลดลง 55%
.
สื่อจีน The Paper ประเมินว่า ช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมา ทั้ง 3 บริษัทได้ “เผาเงิน” ไปรวมกันกว่า 80,000 ล้านหยวน (ราว 3.6 แสนล้านบาท) โดยเฉพาะในไตรมาส 3 เพียงไตรมาสเดียวมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นนับหมื่นล้านหยวนเพื่อทำสงครามราคา
.
กลยุทธ์ที่แลกมาด้วยเลือด เงินจำนวนมหาศาลถูกใช้ไปกับค่าการตลาดและโปรโมชั่นจูงใจผู้ใช้
.
👉🏿Meituan: ค่าใช้จ่ายการตลาดพุ่งขึ้น 90.9% เป็น 3.43 หมื่นล้านหยวน
👉🏿JD.com: ค่าใช้จ่ายการตลาดเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว เป็น 2.11 หมื่นล้านหยวน เพื่อผลักดันธุรกิจเดลิเวอรีที่เป็น New Business
👉🏿Alibaba: แม้ไม่ระบุตัวเลขเจาะจง แต่ค่าใช้จ่ายการตลาดรวมพุ่งสูงถึง 6.64 หมื่นล้านหยวน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการทุ่มให้กับบริการส่งด่วน
.
ผู้บริหารของทั้ง 3 ค่ายต่างยอมรับถึงแรงกดดัน โดย Alibaba ระบุว่าจะเริ่มลดงบประมาณลงในไตรมาสหน้า ในขณะที่ Wang Xing ซีอีโอของ Meituan ยืนยันว่าแม้จะขาดทุนหนัก แต่จำเป็นต้องลงทุนต่อเพื่อรักษาสถานะผู้นำตลาด
.
แม้แพลตฟอร์มจะอ้างว่าส่วนแบ่งการตลาดฟื้นตัว หรือยอดสั่งซื้อต่อบิลสูงขึ้น แต่ในมุมมองเศรษฐศาสตร์ สมรภูมินี้อาจเป็นสงครามที่ “ไร้ผู้ชนะ”
.
งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยฟู่ตั้นชี้ว่า การอัดฉีดเงินอุดหนุนทำให้ยอดสั่งซื้อพุ่งขึ้นจริง แต่ร้านค้ากลับประสบภาวะ “ปริมาณเพิ่ม แต่รายได้ลด” เพราะผู้บริโภคเปลี่ยนจากการทานที่ร้าน ซึ่งมีกำไรสูงกว่า มาสั่งเดลิเวอรีที่กำไรบางเฉียบแทน ส่งผลให้กำไรโดยรวมของร้านอาหารลดลงเฉลี่ย 8.9% ในช่วงที่การแข่งขันรุนแรง
.
“อาหลิน” ไรเดอร์รุ่นเก๋า เปิดเผยว่า สงครามราคาทำให้ค่ารอบลดลง คนขับต้องทำงานหนักขึ้นจากเดิม 5 ชั่วโมง เป็น 10 ชั่วโมงเพื่อให้ได้รายได้เท่าเดิม นอกจากนี้ การทุ่มเงินอุดหนุนยังดึงดูดไรเดอร์หน้าใหม่เข้ามาในระบบจำนวนมาก ซึ่งอาจกลายเป็นปัญหาคนขับล้นตลาดเมื่อโปรโมชั่นจบลง
.
บทสรุป
.
นักวิชาการด้านกฎหมายการแข่งขันทางการค้ามองว่า การทุ่มเงินเกือบแสนล้านหยวนนี้เป็นรูปแบบการแข่งขันที่ “ไม่สมเหตุสมผล” และเป็นเพียงการแข่งขันรุนแรงที่ไม่ช่วยให้เกิดการพัฒนาในระยะยาว รัฐบาลจีนอาจต้องงัดกฎหมายราคาและกฎหมายต่อต้านการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมมาควบคุม เพื่อผลักดันให้แพลตฟอร์มแข่งขันกันที่ “คุณภาพและนวัตกรรม” แทนการตัดราคาที่สร้างความเสียหายให้ทั้งระบบ
..
.
ติดต่อเรา Email: info@jeenthainews.com
.
.
#Alibaba #สงครามส่งด่วน