สรุปมหากาพย์ นางฟ้าตุ๋นนางฟ้า
จากเพื่อนรัก…สู่คดีฉ้อโกงร้อยล้าน
—————
◾️ “ข้าวโพด-นานา” สองเพื่อนรัก
◾️ ลงทุนกับคุณ ต. (ผ่านนานา)
◾️ การลงทุนที่ปังปุริเย่
◾️ ปปง. อายัดบัญชี!
◾️ โป๊ะแล้วโป๊ะอีก
◾️ วันความลับแตก
◾️ สารภาพความจริง (35 เปอร์เซ็นต์)
◾️ แจ้งความ-จับกุม-ประกันตัว
◾️ ไม่มีวันจะกลับไปเป็นเพื่อนกันได้อีก
—————
🔴 “ข้าวโพด-นานา” สองเพื่อนรัก
:
1- “ข้าวโพด” เป็นนักธุรกิจหญิงเก่ง ซีอีโอบริษัทเครื่องสำอาง เธอเป็นเพื่อนกับ “นานา” มานาน 8 ปี สามีของทั้งคู่ก็สนิทกัน ลูก ๆ ก็เป็นเพื่อนรักกัน เวลาไปเที่ยวต่างประเทศก็ไปด้วยกันทั้งสองบ้าน เรียกว่ารักกันเหมือนคนในครอบครัว
2- แม้ข้าวโพดจะมีเพื่อนหลายคน แต่ในระยะหลังนานาคือเพื่อนที่เธอรักที่สุดและสนิทที่สุด ถึงขั้นโทรคุยกันวันละ 3-4 ชม. และคุยกันได้ทุกเรื่อง
3- ในสายตาข้าวโพด นานาคือหญิงเก่ง ขยันสุด ๆ ทำธุรกิจหลายอย่าง และเป็นคนกว้างขวาง รู้จักคนเยอะ ทั้งคู่เคยคิดจะทำธุรกิจร่วมกันแต่ยังไม่มีโอกาสเสียที
—————
🔴 ลงทุนกับคุณ ต. (ผ่านนานา)
:
4- ในปี 2565 นานาบอกข้าวโพดว่า ทำไมเราต้องมานั่งทำธุรกิจเองอีก ในเมื่อตอนนี้เธอได้รู้จักกับ “คุณ ต.” คุณแม่ของนักเรียนคนหนึ่งซึ่งเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกับลูกของนานา คุณ ต. ระดมทุนจากคนอื่น ๆ ไปปล่อยกู้ และให้ดอกเบี้ยสูง
5- นานาชวนข้าวโพดและเพื่อนสนิทอีกหลายคน เช่น เจนสุดา, พอลล่า ฯลฯ ไปร่วมลงทุนกับคุณ ต. โดยมีนานาเป็นตัวกลาง คือเพื่อน ๆ โอนเงินให้นานา แล้วนานาจะโอนต่อให้คุณ ต.เอง พอครบเดือนคุณ ต. ก็จะโอนดอกเบี้ยผ่านนานา นานาก็โอนต่อให้เพื่อน
6- วันหนึ่งนานาบอกข้าวโพดว่า คุณ ต. ต้องการเงิน 3 ล้านไปปล่อยกู้ 3 เดือน จะให้ผลตอบแทน 7% นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ข้าวโพดตัดสินใจร่วมลงทุนกับคุณ ต. เป็นครั้งแรก โดยโอนเงินให้นานา แล้วนานาก็ส่งสลิปให้ข้าวโพดดูว่าเธอโอนเงินต่อให้คุณ ต. เรียบร้อยแล้วนะ
—————
🔴 การลงทุนที่ปังปุริเย่
:
7- ข้าวโพดตื่นเต้นมาก ได้แต่คิดว่าเพื่อนเราสุดยอดมาก ประกอบกับช่วงนั้นโควิดระบาด เศรษฐกิจไม่ดี พอมีลู่ทางทำเงินเธอก็ดีใจ จึงโอนเงินก้อนต่อไปให้เรื่อย ๆ แม้ต่อมาผลตอบแทนจะลดลงเหลือ 4% แต่ก็ยังถือว่าสูงอยู่ดี ทุกอย่างราบรื่น ทุกฝ่ายแฮปปี้ ข้าวโพดคิดว่านี่เป็นการลงทุนที่ปังปุริเย่มาก
8- เนื่องจากข้าวโพดกับนานาคุยกันทุกวัน ทำให้นานารู้จังหวะชีวิตของข้าวโพดดี เช่น นานารู้ว่าวันนี้ข้าวโพดได้ผลกำไรจากธุรกิจ ไม่เกิน 2 วันนานาจะโทรมาทันทีว่า “ ลูกค้ามาอีกแล้ว เอามั้ย โอนตอนนี้เลยได้มั้ย” และพูดกดดันว่า “ถ้าไม่เอา เพื่อนอีก 2 คนจะเอานะ” ข้าวโพดจึงรีบโอน เรียกว่ายังไม่ทันได้ใช้กำไรก็ต้องโอนให้นานาแล้ว
9- นานาบอกข้าวโพดว่าเธอเองก็ลงทุนกับคุณ ต. เหมือนกัน “โอนเท่าไหร่ กูก็โอนเท่านั้นแหละ ถ้าโอนสี่ล้าน กูก็โอนสี่ล้าน เวลาทำบัญชีจะได้ง่าย”
10- ข้าวโพดมีโอกาสได้เจอคุณ ต. หลายครั้ง แต่นานาบอกว่าคุณ ต. ชอบอยู่เงียบ ๆ ไม่ชอบเปิดเผยตัว อย่าไปถามเดี๋ยวจะมีประเด็น ข้าวโพดจึงได้แค่ทักทายสวัสดี แต่ไม่เคยถามคุณ ต. เรื่องการลงทุน
11- ข้าวโพดเชื่อว่า “เวย์” สามีของนานาก็รู้เรื่องการลงทุนนี้เช่นกัน เพราะเขาอยู่ในเหตุการณ์ตลอด ในเดือนพฤษภาคม 2566 ขณะนั่งทานข้าวด้วยกัน เวย์ยังพูดทำนองว่า ต้องขอบคุณเขาที่พาลูก ๆ ไปเรียนโรงเรียนนี้ ทุกคนถึงได้เจอกับคุณ ต.
—————
🔴 ปปง. อายัดบัญชี!
:
12- กุมภาพันธ์ 2568 นานาเริ่มไม่จ่ายเงินปันผลให้เพื่อน ๆ อ้างว่าบัญชีของเธอกับเวย์ถูกอายัดโดย ปปง. (สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน)
13- นานาบอกว่าเรื่องนี้เกิดจากคดีของคนใหญ่คนโตคนหนึ่ง ทำให้เธอโดนหางเลขไปด้วยทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด ข้าวโพดสงสารเพื่อน จึงให้สองผัวเมียเอาเครดิตการ์ดของตนไปใช้
14- ต่อมานานาซึ่งทำลีกบาสเกตบอลเยาวชนไทย บอกว่าไม่มีเงินจ่ายค่าทำสนามบาส ข้าวโพดจึงไปยืมเงินน้ามาให้นานาอีก 5 ล้านบาท
15- บัญชีของนานากับเวย์โดนอายัดนานหลายเดือน จนข้าวโพดเองก็เริ่มเดือดร้อน เพราะเงินหลายสิบล้านที่ทำงานเก็บมาตั้งแต่อายุ 15 ไปจมอยู่ที่นานาหมด จนต้องไปหยิบยืมจากญาติพี่น้องเหมือนกัน
—————
🔴 โป๊ะแล้วโป๊ะอีก
:
16- ต่อมาข้าวโพดกับเพื่อน ๆ เริ่มจับโป๊ะนานาได้ทีละอย่างสองอย่าง เช่น
◼️ โป๊ะ 1 - นานาบอกว่าบัญชีโดนอายัด แต่บางทีกินข้าวด้วยกันแล้วเผลอโอนค่าข้าวมาให้ สลิปเป็นชื่อนานา พอถามก็แก้ตัวว่า “อ๋อ กูลืมเล่าให้ฟังว่าเค้าเปิดบัญชีอันนี้ให้กูแล้ว”
◼️ โป๊ะ 2 - เพื่อน ๆ ข้องใจว่าทำไมคนอื่นโดนอายัดบัญชีแค่ 3-4 เดือน แต่นานาโดนอายัดเกือบปี ชีทำอะไรผิดกันแน่ เลยไปถาม ปปง. แต่ ปปง.ปฏิเสธว่าไม่เคยอายัดบัญชีนานากับเวย์
◼️ โป๊ะ 3 - ข้าวโพดกับเพื่อนอีก 2 คนทนไม่ไหว เลยไปหานานาที่บ้านเพื่อเปิดใจคุย นานาก็งัดเอกสาร ปปง.ออกมาโชว์ สีซีดเหมือนปรินต์มาจากเน็ต ดูปลอมมาก ข้าวโพดจึงแอบบันทึกเสียงการพูดคุยในวันนั้นไว้โดยที่นานาไม่รู้
◼️ โป๊ะ 4 - นานายืนยันกับเพื่อน ๆ ว่าได้เงินคืนแน่นอน โดยเอาเช็ค 5 ใบ รวมมูลค่ากว่า 200 ล้านบาทมาให้ดู บอกว่าเป็นเช็คที่คุณ ต. สั่งจ่ายให้นานาเพื่อค้ำประกัน ข้าวโพดจึงถ่ายรูปเช็คไว้และเอาไปตรวจสอบ ก็พบว่าเช็คทั้ง 5 ใบไม่ใช่ของคุณ ต. แต่เป็นของเวย์ต่างหาก!
◼️ โป๊ะ 5 - ทุกคนเลยไปถามคุณ ต. ปรากฏคุณ ต. งงมาก บอกว่าเธอต่างหากที่โดนนานาชวนร่วมลงทุน พร้อมเอาสเตทเมนต์ธนาคารมากางให้ดู ยืนยันว่านานาไม่เคยโอนเงินให้เธอตามสลิปเหล่านั้น
◼️ โป๊ะ 6 - ข้าวโพดเลยกลับไปตรวจสอบสลิปที่นานาอ้างว่าโอนเงินให้คุณ ต.แล้ว พบว่าเป็นสลิปหลายใบมีรหัสอ้างอิงเหมือนกันเป๊ะ ต่างกันตรงวันเวลาและจำนวนเงินที่โอนเท่านั้น สรุปคือสลิปปลอมนั่นเอง!
————
🔴 วันความลับแตก ❌❌
:
17- ในที่สุด… กันยายน 2568 นานารับสารภาพว่าไม่ได้เอาเงินไปให้คุณ ต. แต่เอามาใช้เองทั้งหมด เช่น เอาไปลงทุนหุ้นและคริปโตแต่เจ๊งหมด เอาไปเปย์สามี ทั้งทำ MV ให้ ซื้อรถหรูเบนซ์ G-Wagon ซื้อสร้อย Van Cleef ซื้อนาฬิกาให้สามี ไหนจะซื้อที่ดินและลงทุนทำรีสอร์ท ฯลฯ
“เงินไม่ได้หายไปไหนนะเพื่อน มันอยู่กับครอบครัวเรา” นานากล่าว
18- วันที่ความลับแตก ข้าวโพดกับนานากอดคอกันร้องไห้ 2 ชม. ข้าวโพดกลัวเสียเพื่อนและถามนานาซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า “เราจะยังเป็นเพื่อนกันใช่มั้ย มันจะไม่ทำลายความรักของเราใช่มั้ย”
19- นานาให้คำมั่นว่าจะหาเงินมาคืน และยอมทำสัญญารับสภาพหนี้ 70 ล้านบาทให้ข้าวโพด “เป็นครอบครัวกู กูไม่ยอมให้หลาน ๆ ลำบากแน่นอน“ ทว่า…มันเป็นแค่ลมปากเพื่อถ่วงเวลาไปวัน ๆ เท่านั้น เพราะหลังจากนั้นนานาก็หายเงียบไป
—————
🔴 สารภาพความจริง (35 เปอร์เซ็นต์)
:
20- ข้าวโพดพบว่าสิ่งที่นานารับสารภาพนั้นมีความจริงเพียง 35% จากนั้นความจริงอื่น ๆ อีกร้อยพันเรื่องก็ค่อย ๆ ผุดขึ้นมาเรื่อย ๆ จนไม่อาจรักษามิตรภาพเอาไว้ได้อีกต่อไป
21- ข้าวโพดยังพบว่านานาไม่ได้หลอกแค่เพื่อนกลุ่มนี้มาลงทุนเท่านั้น แต่ยังมีผู้เสียหายรายอื่น ๆ อีก ส่วนใหญ่เป็นคนใกล้ชิดและผู้ปกครองนักเรียน โดยนานาใช้วิธีการที่แตกต่างกัน เพื่อเอาเงินจากคนหนึ่งไปจ่ายดอกให้อีกคน หมุนไปเรื่อย ๆ จนถึงวันที่หมุนไม่ได้อีกต่อไป
22- อีกคนที่เพิ่งรู้ตัวว่าโดนหลอกก็คือ “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ” ซึ่งเป็นเพื่อนกับนานามานาน 30 ปี นานาชวนร่วมลงทุนเปิดร้านอาหารไทยในนิวยอร์ก เจนี่จึงโอนเงินไปให้ 3-5 ล้านบาท แต่ร้านเลื่อนกำหนดเปิดไปเรื่อย ๆ ตอนแรกเจนี่ไม่ได้สงสัยอะไร พอรู้ว่าข้าวโพดโดนหลอก เจนี่จึงลองตรวจสอบดู ก็พบว่าไม่มีการเปิดร้านที่นั่นแต่อย่างใด
23- เพื่อน ๆ ที่ร่วมลงทุนกับนานาเดือดร้อนกันถ้วนหน้า บางคนโดนนานาจ่ายเช็คเด้ง บางคนมีปัญหาครอบครัวเพราะเอาเงินไปลงทุนโดยไม่ได้บอกสามี ส่วนข้าวโพดเกือบต้องให้ลูกย้ายโรงเรียนเพราะไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม แต่สุดท้ายเธอกับสามีตัดสินใจขายทรัพย์สินบางส่วนนำเงินไปเป็นค่าเทอมลูก
—————
🔴 แจ้งความ-จับกุม-ประกันตัว
:
24- หลังพยายามไกล่เกลี่ยมานานเกือบ 2 เดือน แต่ไม่เป็นผล ในเดือนพฤศจิกายน 2568 ข้าวโพด เจนี่ และผู้เสียหายรายอื่น ๆ รวม 17 คน จึงทยอยไปแจ้งความข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ และฉ้อโกงประชาชน มูลค่าความเสียหาย 195 ล้าน (ยังมีอีกหลายคนไม่ได้แจ้งความ)
25- ผู้เสียหายรายหนึ่งบอกว่า เหตุผลที่ทำให้โกรธถึงขั้นแจ้งความ เพราะนานาไม่ได้ทำธุรกิจล้มเหลวอย่างเดียว แต่เอาเงินไปปรนเปรอสามีและชีวิตส่วนตัวที่หรูหราด้วย แม้แต่ตอนที่มีหนี้สินแล้ว แต่ไลฟ์สไตล์ยังคงหรูหรา เช่น ไปเที่ยวต่างประเทศนั่งเฟิร์สคลาสยกครอบครัว แม้แต่แม่บ้านที่พาไปเลี้ยงลูกก็นั่งเฟิร์สคลาสด้วย
26- วันที่ 3 ธันวาคม 2568 ตำรวจบุกรวบตัวนานาถึงบ้านย่านพระขโนง และยึดทรัพย์สินบางส่วนรวมมูลค่า 10 ล้านบาท เช่น ไอโฟน 7 เครื่อง, กระเป๋าแบรนด์เนม 2 ใบ, รถมินิคูเปอร์, อาร์ตทอย, จิวเวลรี่ ฯลฯ นานาประกันตัวออกมาด้วยเงิน 1 ล้านบาท ตำรวจกำลังรวบรวมพยานหลักฐานว่าเวย์มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่
27- นอกจากกลวิธีที่ใช้กับข้าวโพดและเจนี่แล้ว ตำรวจยังเปิดเผยรูปแบบอื่น ๆ ที่นานาใช้ในการชักชวนผู้เสียหายมาร่วมลงทุน เช่น
◼️ ชักชวนเทรดหุ้นกับกูรูที่อุปโลกน์ขึ้นมา แต่ไม่มีการเทรดจริง
◼️ ลงทุนในธุรกิจกีฬา คือการทำลีกบาสเกตบอลเยาวชน
◼️ ลงทุนในธุรกิจครอบครัว เช่น ขายหุ้นร้านตัดผม แต่ออกใบโอนหุ้นปลอมให้ผู้เสียหาย
28- นานาให้การปฏิเสธทุกข้อหา มูฟเมนต์หลายอย่างของนานาทำให้ข้าวโพดรู้สึกว่านานากำลังจะต่อสู้ทางกฎหมายว่า นี่ไม่ใช่การลงทุน แต่คือการยืมเงิน และที่ผ่านมาก็จ่ายดอกเบี้ยเกินเงินต้นไปแล้ว จึงไม่ต้องคืนเงินต้นอีก
—————
🔴 ไม่มีวันจะกลับไปเป็นเพื่อนกันได้อีก
:
29- ข้าวโพดจึงฝากถึงนานาว่า ขอให้ซื่อสัตย์และยอมรับความจริง นี่ไม่ใช่การยืมเงิน แต่คือการหลอกให้ร่วมลงทุน หากนานายังเล่นแง่ เธออาจต้องเปิดคลิปเสียงที่อัดไว้วันนั้นเพื่อสู้กลับ
30- เมื่อมีคนถามข้าวโพดว่า จะยังเป็นเพื่อนกับนานาได้หรือไม่ เธอตอบว่า “ความสัมพันธ์ครั้งนี้เจ็บเลเวลเดียวกับการหย่าร้าง บอบช้ำทางจิตใจมาก แต่ก็ทำให้แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน จึงไม่มีทางและไม่มีวันจะกลับไปเป็นเพื่อนกันได้อีก และจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นอุทาหรณ์สอนลูก ๆ ต่อไปว่าอย่าไว้ใจใครง่าย ๆ“
ข้อมูลจากเพจ Poetry of Bitch
—————
🔳 สรุปและเรียบเรียงจาก: โหนกระแส, เที่ยงวันทันเหตุการณ์ (ช่อง 3), เจาะลึกทั่วไทย (ช่อง 9), เปิดปากกับภาคภูมิ (ไทยรัฐ), ไลฟ์ของคุณข้าวโพด, ตำรวจสอบสวนกลาง
สรุปมหากาพย์นานา สู่ฉ้อโกงร้อยล้าน
จากเพื่อนรัก…สู่คดีฉ้อโกงร้อยล้าน
—————
◾️ “ข้าวโพด-นานา” สองเพื่อนรัก
◾️ ลงทุนกับคุณ ต. (ผ่านนานา)
◾️ การลงทุนที่ปังปุริเย่
◾️ ปปง. อายัดบัญชี!
◾️ โป๊ะแล้วโป๊ะอีก
◾️ วันความลับแตก
◾️ สารภาพความจริง (35 เปอร์เซ็นต์)
◾️ แจ้งความ-จับกุม-ประกันตัว
◾️ ไม่มีวันจะกลับไปเป็นเพื่อนกันได้อีก
—————
🔴 “ข้าวโพด-นานา” สองเพื่อนรัก
:
1- “ข้าวโพด” เป็นนักธุรกิจหญิงเก่ง ซีอีโอบริษัทเครื่องสำอาง เธอเป็นเพื่อนกับ “นานา” มานาน 8 ปี สามีของทั้งคู่ก็สนิทกัน ลูก ๆ ก็เป็นเพื่อนรักกัน เวลาไปเที่ยวต่างประเทศก็ไปด้วยกันทั้งสองบ้าน เรียกว่ารักกันเหมือนคนในครอบครัว
2- แม้ข้าวโพดจะมีเพื่อนหลายคน แต่ในระยะหลังนานาคือเพื่อนที่เธอรักที่สุดและสนิทที่สุด ถึงขั้นโทรคุยกันวันละ 3-4 ชม. และคุยกันได้ทุกเรื่อง
3- ในสายตาข้าวโพด นานาคือหญิงเก่ง ขยันสุด ๆ ทำธุรกิจหลายอย่าง และเป็นคนกว้างขวาง รู้จักคนเยอะ ทั้งคู่เคยคิดจะทำธุรกิจร่วมกันแต่ยังไม่มีโอกาสเสียที
—————
🔴 ลงทุนกับคุณ ต. (ผ่านนานา)
:
4- ในปี 2565 นานาบอกข้าวโพดว่า ทำไมเราต้องมานั่งทำธุรกิจเองอีก ในเมื่อตอนนี้เธอได้รู้จักกับ “คุณ ต.” คุณแม่ของนักเรียนคนหนึ่งซึ่งเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกับลูกของนานา คุณ ต. ระดมทุนจากคนอื่น ๆ ไปปล่อยกู้ และให้ดอกเบี้ยสูง
5- นานาชวนข้าวโพดและเพื่อนสนิทอีกหลายคน เช่น เจนสุดา, พอลล่า ฯลฯ ไปร่วมลงทุนกับคุณ ต. โดยมีนานาเป็นตัวกลาง คือเพื่อน ๆ โอนเงินให้นานา แล้วนานาจะโอนต่อให้คุณ ต.เอง พอครบเดือนคุณ ต. ก็จะโอนดอกเบี้ยผ่านนานา นานาก็โอนต่อให้เพื่อน
6- วันหนึ่งนานาบอกข้าวโพดว่า คุณ ต. ต้องการเงิน 3 ล้านไปปล่อยกู้ 3 เดือน จะให้ผลตอบแทน 7% นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ข้าวโพดตัดสินใจร่วมลงทุนกับคุณ ต. เป็นครั้งแรก โดยโอนเงินให้นานา แล้วนานาก็ส่งสลิปให้ข้าวโพดดูว่าเธอโอนเงินต่อให้คุณ ต. เรียบร้อยแล้วนะ
—————
🔴 การลงทุนที่ปังปุริเย่
:
7- ข้าวโพดตื่นเต้นมาก ได้แต่คิดว่าเพื่อนเราสุดยอดมาก ประกอบกับช่วงนั้นโควิดระบาด เศรษฐกิจไม่ดี พอมีลู่ทางทำเงินเธอก็ดีใจ จึงโอนเงินก้อนต่อไปให้เรื่อย ๆ แม้ต่อมาผลตอบแทนจะลดลงเหลือ 4% แต่ก็ยังถือว่าสูงอยู่ดี ทุกอย่างราบรื่น ทุกฝ่ายแฮปปี้ ข้าวโพดคิดว่านี่เป็นการลงทุนที่ปังปุริเย่มาก
8- เนื่องจากข้าวโพดกับนานาคุยกันทุกวัน ทำให้นานารู้จังหวะชีวิตของข้าวโพดดี เช่น นานารู้ว่าวันนี้ข้าวโพดได้ผลกำไรจากธุรกิจ ไม่เกิน 2 วันนานาจะโทรมาทันทีว่า “ ลูกค้ามาอีกแล้ว เอามั้ย โอนตอนนี้เลยได้มั้ย” และพูดกดดันว่า “ถ้าไม่เอา เพื่อนอีก 2 คนจะเอานะ” ข้าวโพดจึงรีบโอน เรียกว่ายังไม่ทันได้ใช้กำไรก็ต้องโอนให้นานาแล้ว
9- นานาบอกข้าวโพดว่าเธอเองก็ลงทุนกับคุณ ต. เหมือนกัน “โอนเท่าไหร่ กูก็โอนเท่านั้นแหละ ถ้าโอนสี่ล้าน กูก็โอนสี่ล้าน เวลาทำบัญชีจะได้ง่าย”
10- ข้าวโพดมีโอกาสได้เจอคุณ ต. หลายครั้ง แต่นานาบอกว่าคุณ ต. ชอบอยู่เงียบ ๆ ไม่ชอบเปิดเผยตัว อย่าไปถามเดี๋ยวจะมีประเด็น ข้าวโพดจึงได้แค่ทักทายสวัสดี แต่ไม่เคยถามคุณ ต. เรื่องการลงทุน
11- ข้าวโพดเชื่อว่า “เวย์” สามีของนานาก็รู้เรื่องการลงทุนนี้เช่นกัน เพราะเขาอยู่ในเหตุการณ์ตลอด ในเดือนพฤษภาคม 2566 ขณะนั่งทานข้าวด้วยกัน เวย์ยังพูดทำนองว่า ต้องขอบคุณเขาที่พาลูก ๆ ไปเรียนโรงเรียนนี้ ทุกคนถึงได้เจอกับคุณ ต.
—————
🔴 ปปง. อายัดบัญชี!
:
12- กุมภาพันธ์ 2568 นานาเริ่มไม่จ่ายเงินปันผลให้เพื่อน ๆ อ้างว่าบัญชีของเธอกับเวย์ถูกอายัดโดย ปปง. (สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน)
13- นานาบอกว่าเรื่องนี้เกิดจากคดีของคนใหญ่คนโตคนหนึ่ง ทำให้เธอโดนหางเลขไปด้วยทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด ข้าวโพดสงสารเพื่อน จึงให้สองผัวเมียเอาเครดิตการ์ดของตนไปใช้
14- ต่อมานานาซึ่งทำลีกบาสเกตบอลเยาวชนไทย บอกว่าไม่มีเงินจ่ายค่าทำสนามบาส ข้าวโพดจึงไปยืมเงินน้ามาให้นานาอีก 5 ล้านบาท
15- บัญชีของนานากับเวย์โดนอายัดนานหลายเดือน จนข้าวโพดเองก็เริ่มเดือดร้อน เพราะเงินหลายสิบล้านที่ทำงานเก็บมาตั้งแต่อายุ 15 ไปจมอยู่ที่นานาหมด จนต้องไปหยิบยืมจากญาติพี่น้องเหมือนกัน
—————
🔴 โป๊ะแล้วโป๊ะอีก
:
16- ต่อมาข้าวโพดกับเพื่อน ๆ เริ่มจับโป๊ะนานาได้ทีละอย่างสองอย่าง เช่น
◼️ โป๊ะ 1 - นานาบอกว่าบัญชีโดนอายัด แต่บางทีกินข้าวด้วยกันแล้วเผลอโอนค่าข้าวมาให้ สลิปเป็นชื่อนานา พอถามก็แก้ตัวว่า “อ๋อ กูลืมเล่าให้ฟังว่าเค้าเปิดบัญชีอันนี้ให้กูแล้ว”
◼️ โป๊ะ 2 - เพื่อน ๆ ข้องใจว่าทำไมคนอื่นโดนอายัดบัญชีแค่ 3-4 เดือน แต่นานาโดนอายัดเกือบปี ชีทำอะไรผิดกันแน่ เลยไปถาม ปปง. แต่ ปปง.ปฏิเสธว่าไม่เคยอายัดบัญชีนานากับเวย์
◼️ โป๊ะ 3 - ข้าวโพดกับเพื่อนอีก 2 คนทนไม่ไหว เลยไปหานานาที่บ้านเพื่อเปิดใจคุย นานาก็งัดเอกสาร ปปง.ออกมาโชว์ สีซีดเหมือนปรินต์มาจากเน็ต ดูปลอมมาก ข้าวโพดจึงแอบบันทึกเสียงการพูดคุยในวันนั้นไว้โดยที่นานาไม่รู้
◼️ โป๊ะ 4 - นานายืนยันกับเพื่อน ๆ ว่าได้เงินคืนแน่นอน โดยเอาเช็ค 5 ใบ รวมมูลค่ากว่า 200 ล้านบาทมาให้ดู บอกว่าเป็นเช็คที่คุณ ต. สั่งจ่ายให้นานาเพื่อค้ำประกัน ข้าวโพดจึงถ่ายรูปเช็คไว้และเอาไปตรวจสอบ ก็พบว่าเช็คทั้ง 5 ใบไม่ใช่ของคุณ ต. แต่เป็นของเวย์ต่างหาก!
◼️ โป๊ะ 5 - ทุกคนเลยไปถามคุณ ต. ปรากฏคุณ ต. งงมาก บอกว่าเธอต่างหากที่โดนนานาชวนร่วมลงทุน พร้อมเอาสเตทเมนต์ธนาคารมากางให้ดู ยืนยันว่านานาไม่เคยโอนเงินให้เธอตามสลิปเหล่านั้น
◼️ โป๊ะ 6 - ข้าวโพดเลยกลับไปตรวจสอบสลิปที่นานาอ้างว่าโอนเงินให้คุณ ต.แล้ว พบว่าเป็นสลิปหลายใบมีรหัสอ้างอิงเหมือนกันเป๊ะ ต่างกันตรงวันเวลาและจำนวนเงินที่โอนเท่านั้น สรุปคือสลิปปลอมนั่นเอง!
————
🔴 วันความลับแตก ❌❌
:
17- ในที่สุด… กันยายน 2568 นานารับสารภาพว่าไม่ได้เอาเงินไปให้คุณ ต. แต่เอามาใช้เองทั้งหมด เช่น เอาไปลงทุนหุ้นและคริปโตแต่เจ๊งหมด เอาไปเปย์สามี ทั้งทำ MV ให้ ซื้อรถหรูเบนซ์ G-Wagon ซื้อสร้อย Van Cleef ซื้อนาฬิกาให้สามี ไหนจะซื้อที่ดินและลงทุนทำรีสอร์ท ฯลฯ
“เงินไม่ได้หายไปไหนนะเพื่อน มันอยู่กับครอบครัวเรา” นานากล่าว
18- วันที่ความลับแตก ข้าวโพดกับนานากอดคอกันร้องไห้ 2 ชม. ข้าวโพดกลัวเสียเพื่อนและถามนานาซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า “เราจะยังเป็นเพื่อนกันใช่มั้ย มันจะไม่ทำลายความรักของเราใช่มั้ย”
19- นานาให้คำมั่นว่าจะหาเงินมาคืน และยอมทำสัญญารับสภาพหนี้ 70 ล้านบาทให้ข้าวโพด “เป็นครอบครัวกู กูไม่ยอมให้หลาน ๆ ลำบากแน่นอน“ ทว่า…มันเป็นแค่ลมปากเพื่อถ่วงเวลาไปวัน ๆ เท่านั้น เพราะหลังจากนั้นนานาก็หายเงียบไป
—————
🔴 สารภาพความจริง (35 เปอร์เซ็นต์)
:
20- ข้าวโพดพบว่าสิ่งที่นานารับสารภาพนั้นมีความจริงเพียง 35% จากนั้นความจริงอื่น ๆ อีกร้อยพันเรื่องก็ค่อย ๆ ผุดขึ้นมาเรื่อย ๆ จนไม่อาจรักษามิตรภาพเอาไว้ได้อีกต่อไป
21- ข้าวโพดยังพบว่านานาไม่ได้หลอกแค่เพื่อนกลุ่มนี้มาลงทุนเท่านั้น แต่ยังมีผู้เสียหายรายอื่น ๆ อีก ส่วนใหญ่เป็นคนใกล้ชิดและผู้ปกครองนักเรียน โดยนานาใช้วิธีการที่แตกต่างกัน เพื่อเอาเงินจากคนหนึ่งไปจ่ายดอกให้อีกคน หมุนไปเรื่อย ๆ จนถึงวันที่หมุนไม่ได้อีกต่อไป
22- อีกคนที่เพิ่งรู้ตัวว่าโดนหลอกก็คือ “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ” ซึ่งเป็นเพื่อนกับนานามานาน 30 ปี นานาชวนร่วมลงทุนเปิดร้านอาหารไทยในนิวยอร์ก เจนี่จึงโอนเงินไปให้ 3-5 ล้านบาท แต่ร้านเลื่อนกำหนดเปิดไปเรื่อย ๆ ตอนแรกเจนี่ไม่ได้สงสัยอะไร พอรู้ว่าข้าวโพดโดนหลอก เจนี่จึงลองตรวจสอบดู ก็พบว่าไม่มีการเปิดร้านที่นั่นแต่อย่างใด
23- เพื่อน ๆ ที่ร่วมลงทุนกับนานาเดือดร้อนกันถ้วนหน้า บางคนโดนนานาจ่ายเช็คเด้ง บางคนมีปัญหาครอบครัวเพราะเอาเงินไปลงทุนโดยไม่ได้บอกสามี ส่วนข้าวโพดเกือบต้องให้ลูกย้ายโรงเรียนเพราะไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม แต่สุดท้ายเธอกับสามีตัดสินใจขายทรัพย์สินบางส่วนนำเงินไปเป็นค่าเทอมลูก
—————
🔴 แจ้งความ-จับกุม-ประกันตัว
:
24- หลังพยายามไกล่เกลี่ยมานานเกือบ 2 เดือน แต่ไม่เป็นผล ในเดือนพฤศจิกายน 2568 ข้าวโพด เจนี่ และผู้เสียหายรายอื่น ๆ รวม 17 คน จึงทยอยไปแจ้งความข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ และฉ้อโกงประชาชน มูลค่าความเสียหาย 195 ล้าน (ยังมีอีกหลายคนไม่ได้แจ้งความ)
25- ผู้เสียหายรายหนึ่งบอกว่า เหตุผลที่ทำให้โกรธถึงขั้นแจ้งความ เพราะนานาไม่ได้ทำธุรกิจล้มเหลวอย่างเดียว แต่เอาเงินไปปรนเปรอสามีและชีวิตส่วนตัวที่หรูหราด้วย แม้แต่ตอนที่มีหนี้สินแล้ว แต่ไลฟ์สไตล์ยังคงหรูหรา เช่น ไปเที่ยวต่างประเทศนั่งเฟิร์สคลาสยกครอบครัว แม้แต่แม่บ้านที่พาไปเลี้ยงลูกก็นั่งเฟิร์สคลาสด้วย
26- วันที่ 3 ธันวาคม 2568 ตำรวจบุกรวบตัวนานาถึงบ้านย่านพระขโนง และยึดทรัพย์สินบางส่วนรวมมูลค่า 10 ล้านบาท เช่น ไอโฟน 7 เครื่อง, กระเป๋าแบรนด์เนม 2 ใบ, รถมินิคูเปอร์, อาร์ตทอย, จิวเวลรี่ ฯลฯ นานาประกันตัวออกมาด้วยเงิน 1 ล้านบาท ตำรวจกำลังรวบรวมพยานหลักฐานว่าเวย์มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่
27- นอกจากกลวิธีที่ใช้กับข้าวโพดและเจนี่แล้ว ตำรวจยังเปิดเผยรูปแบบอื่น ๆ ที่นานาใช้ในการชักชวนผู้เสียหายมาร่วมลงทุน เช่น
◼️ ชักชวนเทรดหุ้นกับกูรูที่อุปโลกน์ขึ้นมา แต่ไม่มีการเทรดจริง
◼️ ลงทุนในธุรกิจกีฬา คือการทำลีกบาสเกตบอลเยาวชน
◼️ ลงทุนในธุรกิจครอบครัว เช่น ขายหุ้นร้านตัดผม แต่ออกใบโอนหุ้นปลอมให้ผู้เสียหาย
28- นานาให้การปฏิเสธทุกข้อหา มูฟเมนต์หลายอย่างของนานาทำให้ข้าวโพดรู้สึกว่านานากำลังจะต่อสู้ทางกฎหมายว่า นี่ไม่ใช่การลงทุน แต่คือการยืมเงิน และที่ผ่านมาก็จ่ายดอกเบี้ยเกินเงินต้นไปแล้ว จึงไม่ต้องคืนเงินต้นอีก
—————
🔴 ไม่มีวันจะกลับไปเป็นเพื่อนกันได้อีก
:
29- ข้าวโพดจึงฝากถึงนานาว่า ขอให้ซื่อสัตย์และยอมรับความจริง นี่ไม่ใช่การยืมเงิน แต่คือการหลอกให้ร่วมลงทุน หากนานายังเล่นแง่ เธออาจต้องเปิดคลิปเสียงที่อัดไว้วันนั้นเพื่อสู้กลับ
30- เมื่อมีคนถามข้าวโพดว่า จะยังเป็นเพื่อนกับนานาได้หรือไม่ เธอตอบว่า “ความสัมพันธ์ครั้งนี้เจ็บเลเวลเดียวกับการหย่าร้าง บอบช้ำทางจิตใจมาก แต่ก็ทำให้แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน จึงไม่มีทางและไม่มีวันจะกลับไปเป็นเพื่อนกันได้อีก และจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นอุทาหรณ์สอนลูก ๆ ต่อไปว่าอย่าไว้ใจใครง่าย ๆ“
ข้อมูลจากเพจ Poetry of Bitch
—————
🔳 สรุปและเรียบเรียงจาก: โหนกระแส, เที่ยงวันทันเหตุการณ์ (ช่อง 3), เจาะลึกทั่วไทย (ช่อง 9), เปิดปากกับภาคภูมิ (ไทยรัฐ), ไลฟ์ของคุณข้าวโพด, ตำรวจสอบสวนกลาง