ทุกข์ไม่ต้องมาก
แต่ที่ให้มากคือ ‘การเห็น’ หรือ ‘รู้ชัด’
สภาพทุกข์ตามจริง
ไม่งั้นคนอกหักรักคุด
ผัวทิ้ง เมียมีชู้
คนตกงาน ล้มละลาย ลูกตาย
คงบรรลุกันหมดแล้ว
แล้วเหตุใดปรารภเพียง ‘ทุกข์‘?
ง่ายๆก็เพราะ ‘ย่อ‘ มา
จากการที่คนเราเอา ‘กายใจ‘
มาเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่น
ว่าตัวกูของกู
แล้วก็อยากได้ อยากมี อยากเป็น
เพื่อแลกกับสุข
ไม่อยากได้ ไม่อยากมี ไม่อยากเป็น
เพื่อหนีทุกข์
และเมื่อไม่ตรงกับความต้องการ
มันจึง ‘ทุกข์‘ นั่นแล
หากแก้ปัญหาด้วยการ
กดข่ม ความอยาก / ไม่อยาก
หรือก็อยาก / ไม่อยาก ซะให้เต็มที่
หรือ
ทุกข์ให้เต็มคาราเบล
จนเลิกหนี จิตเกิดการยอมรับ
แล้วปล่อยวางเอง
หรือช้ำให้พอจนไม่อยากรักใครอีกแล้ว
นั่นก็คือการแก้ปัญหาแบบโลกๆ
เพราะความอยาก / ไม่อยาก
ไม่ได้ถูกละไป
‘จากการเห็น’ ‘กายใจ‘
ที่เป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นถือมั่น
ตามสภาพธรรมจริง
การปฏิบัติตามสติปัฏฐาน 4 จึงเป็นการเห็น
กายใจ / รูปนาม ตามสภาพธรรม
ดังนั้นอย่าไปหลงคารม พ่อมด พี่หมอผี ที่ไหน
ที่จะแงะกรรม ล้างทุกข์ ให้แก่เราได้
ไปๆมาๆ จะหลอกให้จิ้นเพื่อจิ้ม
แล้วจะชีช้ำกะหล่ำปลี
จะหาว่าพี่หญิงไม่เตือน
🐣 ตื่นเพราะเห็น
แต่ที่ให้มากคือ ‘การเห็น’ หรือ ‘รู้ชัด’
สภาพทุกข์ตามจริง
ไม่งั้นคนอกหักรักคุด
ผัวทิ้ง เมียมีชู้
คนตกงาน ล้มละลาย ลูกตาย
คงบรรลุกันหมดแล้ว
แล้วเหตุใดปรารภเพียง ‘ทุกข์‘?
ง่ายๆก็เพราะ ‘ย่อ‘ มา
จากการที่คนเราเอา ‘กายใจ‘
มาเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่น
ว่าตัวกูของกู
แล้วก็อยากได้ อยากมี อยากเป็น
เพื่อแลกกับสุข
ไม่อยากได้ ไม่อยากมี ไม่อยากเป็น
เพื่อหนีทุกข์
และเมื่อไม่ตรงกับความต้องการ
มันจึง ‘ทุกข์‘ นั่นแล
หากแก้ปัญหาด้วยการ
กดข่ม ความอยาก / ไม่อยาก
หรือก็อยาก / ไม่อยาก ซะให้เต็มที่
หรือ
ทุกข์ให้เต็มคาราเบล
จนเลิกหนี จิตเกิดการยอมรับ
แล้วปล่อยวางเอง
หรือช้ำให้พอจนไม่อยากรักใครอีกแล้ว
นั่นก็คือการแก้ปัญหาแบบโลกๆ
เพราะความอยาก / ไม่อยาก
ไม่ได้ถูกละไป
‘จากการเห็น’ ‘กายใจ‘
ที่เป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นถือมั่น
ตามสภาพธรรมจริง
การปฏิบัติตามสติปัฏฐาน 4 จึงเป็นการเห็น
กายใจ / รูปนาม ตามสภาพธรรม
ดังนั้นอย่าไปหลงคารม พ่อมด พี่หมอผี ที่ไหน
ที่จะแงะกรรม ล้างทุกข์ ให้แก่เราได้
ไปๆมาๆ จะหลอกให้จิ้นเพื่อจิ้ม
แล้วจะชีช้ำกะหล่ำปลี
จะหาว่าพี่หญิงไม่เตือน