ตอนนี้ลูกสาวเราป่วยค่ะ ด้วยความที่เขาอายุย่าง 17ปี ถือว่าเยอะแล้ว จู่ๆก็มีอาการทรงตัวไม่อยู่ ขาหลังอ่อนแรงกระทันหันแบบปุบปับ
เรามีพี่หมาแค่ 1ตัวอายุย่าง 17ขวบ
และน้องแมวเพียง 1ตัวอายุ 3ขวบ
ทั้งสองมีที่มาคล้ายกัน ก็คือเราไม่ได้ตั้งใจเอามาเลี้ยงแต่แรก แต่เขามาให้เราเลี้ยงเองถึงบ้านค่ะ ทุกอย่างเกิดจากความสงสาร จนทำให้ได้อยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวเดียวกัน
อย่างพี่หมานี้เราเห็นเขามาตั้งแต่ตอนเป็นลูกหมา ตอนนั้นเราอยู่ ม.3ค่ะ (ปัจจุบันเราอายุย่างเข้า 32แล้ว) ข้างบ้านเขานำเขาเลี้ยงเพื่อให้เฝ้าไก่ชนจากแมว แต่เขาดันไปจับคู่กับแมว แล้วไล่ไก่ชนของเจ้าของตัวเองแทน ทำให้เจ้าของทำโทษเขาด้วยการผูกเชือกล่ามกับเสาหน้าบ้าน แล้วก็ตีเขา
บ้านเราเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด โดยเฉพาะย่าของเราถึงกับเอ่ยปากห้ามเลยค่ะ ว่ามันซนเพราะมันยังเด็ก อย่าไปตีมันเลย ด้วยความที่บ้านนั้นเขาก็คงจะเกรงใจผู้สูงอายุอยู่บ้าง ก็เลยยั้งมือ แล้วก็หยุดตี
จากนั้นเขาก็ใช้ชีวิตมาได้จนโต ระหว่างนี้ทุกวันเวลาที่เราต้องเดินไปรอรถโรงเรียน เขาจะเดินมาส่งเราที่หน้าปากซอย แล้วจะหยุดนั่งตรงนั้นจนเราขึ้นรถไป พอเราเลิกเรียนกลับมา เราก็จะเห็นเขานั่งรออยู่ที่เดิม ย่าบอกเราว่า ทุกครั้งเวลาที่เราใกล้กลับ โบว์ลิ่งจะวิ่งออกจากบ้านไปทุกวันเลย เขาคงมารอเราน่ะค่ะ
แม้ส่วนใหญ่ตอนกลางวัน เขาจะมาปักหลักอยู่ที่บ้านของเรา แต่เขาก็เหมือนเป็นหมาสองบ้านนะคะะ ช่วงเช้าทั้งวันเขาจะมานอนที่บ้านเรา และอาศัยบ้านเราเป็นที่อยู่ที่กินอาหาร แต่พอพลบค่ำ เขาก็จะกลับไปนอนยังที่บ้านของเขาที่ลานหน้าบ้าน
ด้วยความที่บ้านอยู่ตรงข้ามกันน่ะค่ะ เวลามองผ่านหน้าต่างออกไป ก็จะเห็นบ้านนู่นอัตโนมัติ ทุกครั้งที่เขานอนนั้น เขาจะหันหน้ามามองบ้านของเราเสมอ และพอช่วงเช้าที่บ้านเราเปิดประตู เขาก็จะรีบวิ่งมาหาและมาอยู่ที่บ้านเรา แต่เราก็ออกตัวทำอะไรไม่ได้มากนะคะ เพราะอย่างที่บอกค่ะ เขาก็ยังไม่ใช่หมาเราเต็มร้อย
จนวันนึงเจ้าของเขาถูกจับด้วยคดีสีเทา ตั้งแต่นั้นมา เขาจึงได้ย้านมาอยู่ที่บ้านเราถาวร พูดได้เต็มปากเลยว่าเขาเป็นน้องหมาในปกครองของเรา และเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของเราแบบร้อยเปอร์เซ็นต์
แต่มาอยู่ไม่ได้นานเท่าไหร่ ก็มดลูกอักเสบต้องผ่าตัดรักษา ผ่านไปไม่กี่ปี ก็เป็นมะเร็งTVTอีก ต้องคีโมอยู่ 4ครั้งจนเขาหายดี แล้วพอเราย้ายบ้านมาอยู่ในเมือง ก็นำเขามาด้วย เราเลี้ยงเขาในระบบปิดค่ะ เพราะบ้านเราหลังนี้มีรั้วรอบขอบชิด ตอนกลางวันนอนเล่นหน้าบ้านรับลมชมวิวแบบสบายๆ แต่ตอนกลางคืน จะเรียกเขาบ้าน เพราะเขาต้องนอนในตัวบ้านค่ะ จนกระทั่งเขาอายุล่วงเลยมาถึงวันนี้ เรามีความทรงจำดีๆต่อกันเยอะมาก
ถ้าเทียบกับคนอื่นแล้ว เราอาจจะไม่ใช่คนที่เลี้ยงหมาแมวดีที่สุด แต่เราก็มั่นใจกับตัวเองว่าเราเลี้ยงเขาอย่างดีที่สุดเท่าที่เราจะสามารถทำได้เพื่อเขาแล้ว
รอบนี้เขาไม่มีอาการอะไรแจ้งเตือนเลย ยังคงกินได้ปกติ เดินได้คล่องแต่แค่ไม่วิ่งเท่านั้นเอง มีแค่อาการหมาสูงวัยตามปกติให้ได้เห็น ก็คือนอนมากขึ้นกว่าเดิม หลับลึกกว่าเดิม หูเริ่มตึงเรียกเริ่มไม่ค่อยหัน สายตาก็ไม่ค่อยดี
แต่เมื่อวานนี้ เขามีอาการเกิดขึ้นปุบปับมากค่ะ เช้าตรู่เราลุกเปิดประตูจะพาเขาออกไปเดินฉี่ แต่เขาลุกขึ้นมาแล้วเดินเป๋ไปเป๋มา เราก็นึกว่าเกิดจากการนอนท่าเดิมนาน อารมณืเหมือนคนเป็นเหน็บชาน่ะค่ะ เราก็เลยออกไปทำงานตามปกติ
พอกลับบ้านมาช่วงเย็น เราก็ยังเห็นเขาอาการผิดปกติเหมือนเดิม แถมดูหนักกว่าเดิมด้วย คือทรงตัวไม่อยู่ เอนไปเอนมา ขาหลังอ่อนแรงเสียการควบคุม เดินแทบไม่ได้เลย เราเลยรีบพาหาหมอ แต่หมอเจาะเลือดแล้วก็ให้น้ำเกลือสักพักก็ให้กลับบ้านค่ะ วันนี้ก็รอหมอแจ้งผลเลือดมาทางไลน์ แล้วถึงจะจ่ายยารวมถึงวางแผนการรักษาต่อไป
แต่เบื้องต้นเมื่อคืนนี้ คุณหมอบอกว่าอายุเขาเยอะมากแล้ว ส่วนหนึ่งอาจมาจากระบบประสาท แต่เพื่อให้ชัวร์ก็เจาะเลือดตรวจชุดใหญ่เลย เพราะเผื่อเกิดจากการติดเชื้อฉับพลัน จะได้รู้สาเหตุตรงจุด
แล้วตั้งแต่เมื่อคืนเรากลับมา แทบไม่ได้หลับเลยค่ะ เพราะหมอบอกว่าต้องดูแลอย่าให้เขาได้ล้ม เพราะถ้าล้ม อาจจะทำให้เขาเป็นอัมพาตถาวรได้ ทีนี้เลยต้องนอนฟังเสียงทั้งคืน ได้ยินเขานอนขยับตัวหน่อย เราก็สะดุ้งตื่นแล้ว
ที่เครียดอีกอย่างคือ ตั้งแต่เขามีอาการเขาไม่แตะน้ำ ไม่แตะอาหารเลย ตอนนี้เราก็ใช้เป็นอาหารเหลวผสมน้ำต้มสุก ป้อนเขาด้วยไซริงค์ แต่ก็กินนิดเดียวเอง ตรงนี้เราเครียดมากๆเลย
ต่อให้รู้นะคะ ว่าการเกิดแก่เจ็บตายมันคือสัจธรรมของชีวิต ทุกชีวิตต้องได้พบเจอ แต่ก็ทำใจให้เข้มแข็งทันทีและยอมรับเลยไม่ได้อยู่ดี ยิ่งเห็นตอนเขาเจ็บ เรายิ่งปวดใจ
ลูบหัวลูบตัวแล้วพูดกับลูกเราตลอดว่า ถ้าไม่ไหวก็หลับไปเลยนะ ไม่ต้องห่วงอะไร แม่ไม่อยากเห็นหนูทรมานนานๆ ใจแม่เองก็จะขาดเหมือนกัน
บางคนอาจไม่เข้าใจ มองว่าหมาก็คือหมา มองว่าก็แค่สัตว์เลี้ยง จะร้องไห้ฟูมฟาย เศร้าไปทำไมหนักหนา
ก็ใช่ค่ะ เขาเป็นสัตว์เลี้ยงก็จริง แต่เราเลี้ยงดูแลมาเป็นสิบๆปี ให้ความรักและปฏิบัติต่อเขาไม่ได้แตกต่างจากคนๆนึงเลย ความรักความผูกพันมันก็เลยต้องเยอะเป็นธรรมดา ในเมื่อเรารักเขาและเขาก็เป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวเรา อยู่ด้วยกันมานาน ร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน ถ้าเราไม่มีความเศร้าไม่มีความรู้สึกเสียใจเลย คิดว่าตัวเราเองคงแปลกค่ะ
ร้องไห้เป็นระยะๆมาตั้งแต่เช้าเมื่อวานยันตอนนี้ อาจจะรู้สึกเห็นแก่ตัวนะ เพราะในใจคืออยากให้หลับไปเลย ไม่อยากให้มีชีวิตทรมานนานๆ เขาทรมานกาย แต่เราก็ทรมานใจไม่ได้ต่างจากเขา
แม้จะคิดแบบนี้ แต่ก็ขอทำให้เต็มที่ก่อน อย่างน้อยเราก็ให้เขาได้ถึงมือหมอ จะได้ไม่รู้สึกผิดถ้าต้องจากกัน เพราะจะปล่อยและรอเวลาให้เขาทรุดลงเองเฉยๆ โดยที่เราสามารถลองช่วยก่อนได้ แต่กลับไม่ช่วย มันก็จะทำให้เรารู้สึกไม่ดีอย่างไรไม่รู้ อย่างน้อยๆเมื่อถึงมือหมอแล้ว แต่ถ้าอาการมันไม่ดีขึ้นอย่างไร ก็จะได้ปรึกษาหมอเขาอีกที และเราก็ยังพอได้ภูมิใจว่าตัวเราเองทำเพื่อเขาอย่างสุดความสามารถแล้ว
อยากให้ช่วงเวลาแบบนี้ผ่านไปเร็วๆจังเลยค่ะ
ขอโทษที่ต้องนำความทุกข์ของตัวเองมาแบ่งปันรบกวนคนอื่นนะคะ แต่มันอัดอั้น มันไม่รู้จะระบายกับใคร เพราะชีวิตจริงเราไม่มีเพื่อนสนิทเลย เราค่อนข้างมีพื้นที่ส่วนตัวให้ตัวเอง มีความสุขกับการได้อยู่กับครอบครัว ได้อยู่กับสัตว์เลี้ยงเท่านั้น จึงไม่มีใครที่เราสามารถระบายได้ เราทำงานมาหลายปี มีเพื่อนร่วมงานที่ดีมากเลย แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่จะไปร้องไห้หรือพูดคุยอะไรมากได้ค่ะ อย่างวันนี้เราลางานยาวถึงวันอาทิตย์ เพราะมีหลายอย่างที่เราต้องเตรียมตัว เราใช้สิทธิในการลาพักร้อนแทน ไม่อยากบอกใครว่าลางานเพราะอะไร เพราะอย่างที่บอกค่ะ บางคนเขาอาจมองว่ามันไร้สาระก็ได้กับสาเหตุแบบนี้ 😥
ขออนุญาตใช้พื้นที่นี้ในการระบายความทุกข์ของตัวเองหน่อยนะคะ มันอั้นอยู่ในอกคนเดียว จนจะไม่ไหวแล้ว 😥