Good Will Hunting (1997) : หนังดีที่ต้องดูซ้ำ! นั่งดูไปน้ำตาไหลไปกับมิตรภาพ การเยียวยา และการค้นหาตัวเอง


: Good Will Hunting (1997) : หนังดีที่ต้องดูซ้ำ! นั่งดูไปน้ำตาไหลไปกับมิตรภาพ การเยียวยา และการค้นหาตัวเอง

สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว Pantip ที่รักหนังทุกท่าน วันนี้ผมมีหนังดีในดวงใจเรื่องหนึ่งมาแนะนำครับ เป็นหนังเก่าหน่อยนะ แต่รับรองว่าดูแล้วไม่ผิดหวังแน่นอน นั่นก็คือ "Good Will Hunting" ฉายปี 1997 ครับ เป็นหนังที่หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อ หรืออาจจะเคยดูแล้ว แต่ผมขอยืนยันเลยว่า นี่คือหนังที่ควรค่าแก่การหยิบมาดูซ้ำอีกครั้งจริงๆ ครับ

เรื่องราวของ "วิล ฮันติ้ง" (รับบทโดย แมตต์ เดมอน) หนุ่มน้อยกำพร้าที่ใช้ชีวิตเร่ร่อน ทำงานเป็นภารโรงอยู่ที่ MIT สถาบันเทคโนโลยีชั้นนำของโลก แต่เบื้องหลังความธรรมดาของเขา กลับซ่อนอัจฉริยภาพทางคณิตศาสตร์ไว้แบบเหลือเชื่อ จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาก็ไปมีเรื่องมีราวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนถูกจับกุม แต่ด้วยความช่วยเหลือจากอาจารย์ "ฌอน แม็คไกวร์" (รับบทโดย โรบิน วิลเลียมส์) นักจิตวิทยาที่เคยเป็นเพื่อนร่วมรุ่นของอาจารย์ที่ MIT นั่นแหละครับ ที่เข้ามาไกล่เกลี่ยและยื่นข้อเสนอให้วิลได้หลุดพ้นจากคดี โดยมีเงื่อนไขว่า เขาต้องเข้ารับการบำบัดทางจิตกับฌอน

การบำบัดนี่แหละครับ คือหัวใจสำคัญของเรื่องนี้เลย เราจะได้เห็นการปะทะคารม การต่อสู้ทางความคิดระหว่างวิลที่เต็มไปด้วยกำแพงอคติ ความไม่ไว้ใจ และความกลัวที่จะเปิดเผยตัวตน กับฌอนที่ใช้ทั้งความฉลาด ความใจเย็น และประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านอะไรมาเยอะ มาค่อยๆ ทลายกำแพงเหล่านั้นลงทีละชั้น วิลเป็นคนฉลาดมากครับ ฉลาดเกินไป จนบางทีก็ใช้ความฉลาดนั้นมาเป็นเกราะป้องกันตัวเอง แต่ลึกๆ แล้ว เขาก็แค่เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เจ็บปวดกับอดีต และไม่รู้ว่าจะก้าวต่อไปยังไง

สิ่งที่ทำให้ผมประทับใจมากๆ ในเรื่องนี้ คือบทสนทนาครับ บทพูดแต่ละคำ คมคาย กินใจ ลึกซึ้งมาก โดยเฉพาะบทสนทนาระหว่างวิลกับฌอน มันไม่ใช่แค่การบำบัดธรรมดา แต่มันคือการแลกเปลี่ยนมุมมองชีวิต การค้นหาความหมายของตัวตน การเผชิญหน้ากับความกลัว และการเรียนรู้ที่จะรักและให้อภัย ทั้งการให้อภัยตัวเองและผู้อื่น ใครที่ชอบหนังที่มีบทพูดดีๆ ต้องไม่พลาดเรื่องนี้เลยครับ

การแสดงของนักแสดงนี่สุดยอดมากๆ ครับ แมตต์ เดมอน ในบทวิล ฮันติ้ง คือเล่นได้ถึงจริงๆ แสดงออกถึงความฉลาด ความก้าวร้าว ความอ่อนแอ และความสับสนในตัวละครได้อย่างเป็นธรรมชาติ ส่วนโรบิน วิลเลียมส์ นี่ไม่ต้องพูดถึงเลยครับ เป็นการแสดงที่ขโมยซีนจริงๆ สวมบทเป็นฌอนได้อย่างมีเสน่ห์ มีทั้งความอบอุ่น มีทั้งความเฉลียวฉลาด และสามารถถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างลึกซึ้ง จนเราเชื่อว่าเขาคือคนที่สามารถเยียวยาจิตใจของวิลได้จริงๆ เคมีของทั้งสองคนคือเข้ากันสุดๆ ครับ

นอกจากนี้ ตัวละครอื่นๆ ก็มีบทบาทสำคัญไม่แพ้กันครับ โดยเฉพาะ "สกายแลร์" (รับบทโดย มินนี ไพรเวท) แฟนสาวของวิล ที่เข้ามาเป็นแรงผลักดันให้วิลอยากจะก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง และ "แลมบ์" (รับบทโดย สเตลแลน สคาร์สการ์ด) อาจารย์คณิตศาสตร์ที่ค้นพบพรสวรรค์ของวิล และพยายามจะผลักดันเขาไปสู่เส้นทางที่ "ควรจะเป็น" แต่สุดท้ายแล้ว ใครจะเป็นคนตัดสินใจว่าเส้นทางไหนคือ "เส้นทางที่ควรจะเป็น" ของเราจริงๆ? คำถามนี้เป็นสิ่งที่หนังทิ้งไว้ให้เราได้คิดตามครับ

อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้พิเศษมากๆ คือการนำเสนอประเด็นเรื่อง "มิตรภาพ" ครับ กลุ่มเพื่อนสนิทของวิล ทั้ง "ชาคี้" (รับบทโดย เบน แอฟเฟล็ก) และ "มอร์แกน" (รับบทโดย คาซ วาสเซอร์แมน) คือเพื่อนแท้ที่อยู่เคียงข้างวิลเสมอ แม้จะรู้ว่าวิลเก่งแค่ไหน แต่พวกเขาก็ไม่เคยอิจฉา หรือพยายามจะดึงวิลลงมา แต่กลับสนับสนุน และพร้อมที่จะเสียสละเพื่อวิล โดยเฉพาะฉากที่ชาคี้บอกวิลว่า "มันไม่ใช่ความผิดของนาย" คือฉากที่ผมน้ำตาแตกเลยครับ ความรักและความห่วงใยที่เพื่อนมีให้กัน มันอบอุ่นหัวใจจริงๆ

"Good Will Hunting" ไม่ใช่หนังที่ซับซ้อน หรือมีพล็อตเรื่องที่หวือหวา แต่เป็นหนังที่เน้นการสำรวจจิตใจตัวละคร การเติบโต และการค้นหาตัวเองครับ มันสอนให้เรารู้ว่า การจะก้าวผ่านอุปสรรคในชีวิตได้นั้น ไม่ใช่แค่ความฉลาด หรือความสามารถ แต่คือการยอมรับความเจ็บปวด การเผชิญหน้ากับอดีต การเปิดใจรับความช่วยเหลือ และที่สำคัญที่สุด คือการค้นหา "เส้นทางของตัวเอง" ที่ทำให้เรามีความสุขอย่างแท้จริง

ผมชอบฉากจบมากๆ ครับ มันเป็นฉากที่เรียบง่าย แต่ทรงพลัง แสดงให้เห็นถึงการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวของวิล ที่เลือกจะก้าวออกจาก Comfort Zone ของตัวเอง เพื่อไปตามหาความฝัน และคนที่เขารัก เป็นฉากที่ทำให้รู้สึกอิ่มเอมใจ และมีความหวัง

สำหรับผม "Good Will Hunting" คือหนังคลาสสิกตลอดกาลครับ เป็นหนังที่ดูแล้วได้ข้อคิด ได้แรงบันดาลใจ และทำให้เราได้กลับมามองตัวเองอีกครั้ง ว่าเรากำลังวิ่งตามหาอะไรอยู่ และเราได้ให้โอกาสตัวเองได้เติบโต ได้เรียนรู้ ได้รัก และได้ให้อภัยตัวเองมากพอแล้วหรือยัง

ใครที่ยังไม่เคยดู ผมอยากแนะนำให้ลองหามาดูกันนะครับ รับรองว่าจะต้องตกหลุมรักหนังเรื่องนี้เหมือนผมแน่นอน ส่วนใครที่เคยดูแล้ว ลองหยิบมาดูซ้ำอีกครั้ง ผมว่าคุณอาจจะค้นพบอะไรใหม่ๆ ที่คุณอาจจะมองข้ามไปในครั้งแรกก็ได้ครับ

สุดท้ายนี้ ขอให้เพื่อนๆ ทุกคนมีความสุขกับการดูหนังนะครับ ไว้มีหนังดีๆ เรื่องอื่นอีก ผมจะมาเล่าให้ฟังอีกครับ สวัสดีครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่